ฝากภาพ i-pic

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้

หน้า: (1/2) > >>

พุดจีบน้องคุณยายพุดซ้อน:


--

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้(ฉินสื่อหวงปิงหมาหย่ง แปลว่า หุ่นทหารและม้าของจิ๋นซีฮ่องเต้)คือมหาสุสานของจักรพรรดิจีน จิ๋นซีฮ่องเต้(ฉินสื่อหวงตี้)แห่งราชวงศ์ฉินตั้งอยู่ที่ตำบลหลินถงห่างจากเมืองซีอานมณฑลฉ่านซีประเทศจีน สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ได้ค้นพบโดยบังเอิญเมื่อ29มีนาคม พ.ศ.2517โดยชาวนาในหมู่บ้านซีหยาง ชื่อ หยางจื้อฟาในขณะที่ขุดดินเพื่อทำบ่อน้ำ บริเวณเชิงเขาหลีซาน ห่างจากตัวเมืองซีอาน ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 35 กม.โดยในระหว่างที่ขุดนั้น ก็บังเอิญพบกับซากของทหารดินเผาที่ทราบภายหลังว่ามีอายุมากกว่า2,000ปีปัจจุบันรัฐบาลจีนขุดค้นพบวัตถุโบราณที่เป็นกองทัพทหารดินเผาสรรพาวุธรถม้าและม้าศึกจำนวนทั้งสิ้นกว่า7,400ชิ้นภายในบริเวณพื้นที่หลุมสุสานกว่า25,000ตร.ม.มีการคาดคะเนว่าอาณาเขตของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้จะมีพื้นที่มากกว่า2,180ตร.กม.สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ.2530
 
สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้เริ่มก่อสร้างในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ38ปีตั้งแต่ปี246-208ก่อนคริสตกาลซึ่งอาณาเขตพื้นที่ของสุสานรวมทั้งสิ้น2,180ตร.กม.แบ่งออกเป็นพระราชฐานชั้นในและพระราชฐานชั้นนอกภายในสุสานใช้บรรจุพระบรมศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ทรัพย์สมบัติต่างๆ ตลอดจนกองกำลังทหารนางสนมและนางกำนัลรถม้าและขุนพลทหาร จำนวนมากเพื่อเป็นตัวแทนของข้าราชบริพารในการร่วมเดินทางไปยังปรโลกของจิ๋นซีฮ่องเต้
 
โครงสร้างและสถาปัตยกรรมโดยรวมของสุสานมีพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความลึกเฉลี่ย35เมตรกว้าง145เมตรและยาว170เมตรสำหรับห้องบรรจุพระบรมศพอยู่จุดกึ่งกลางของสุสานมีความสูง15เมตรมีขนาดพื้นที่และความใหญ่โตมโหฬารราวกับสนามฟุตบอลสำหรับภายในในส่วนที่ก่อสร้างจากหินนั้นยังคงได้รับการปิดผนึกอย่างดีโดยคงสภาพเดิมเอาไว้และไม่เคยผ่านการขุดและรื้อทำลายมาก่อนโดยโครงสร้างของสุสานดังกล่าวมีรูปแบบโครงสร้างและการจัดสร้างที่มีความสลับซับซ้อนขนาดของสุสานมีขนาดมหึมายิ่งใหญ่สมพระเกียรติของจักรพรรดิจีนผู้รวบรวมประเทศจีนให้เป็นปึกแผ่น


พุดจีบน้องคุณยายพุดซ้อน:

ประวัติการค้นพบสุสานเมืองซีอานเป็นนครแห่งวัฒนธรรมอันมีชื่อเสียงลือเลื่องทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนในประวัติศาสตร์เคยเป็นเมืองหลวงและราชธานีของราชวงศ์จีนรวมกว่า 10 ราชวงศ์เป็นระยะเวลากว่าพันปีเคยเป็นแหล่งการต่อสู้ของชาวนาในหลายครั้งในการก่อตั้งอำนาจรัฐปัจจุบันเมืองซีอานยังคงหลงเหลือร่องรอยของโบราณสถาน และโบราณวัตถุให้พบเห็นได้ทั่วไปและในปี พ.ศ.2517ได้มีการขุดพบหลุมฝังรูปปั้นดินเผารูปปั้นทหารและม้าในสมัยราชวงศ์ฉินขนาดใหญ่ภายในหมู่บ้านซีหยางเชิงเขาหลีซานในอำเภอหลินถง ทางทิศตะวันออกของเมืองซีอาน


--

การขุดค้นพบทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีนและยิ่งใหญ่ที่สุดสิ่งหนึ่งของโลกในศตวรรษที่20และตราบจนทุกวันนี้ทางการรัฐบาลจีนถือว่าสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ยังรอการขุดค้นนั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณชิ้นที่8กองทัพทหารดินเผาภายในสุสานและรถม้าสมัยราชวงศ์ฉินจำนวนมากมีขนาดใหญ่โตมโหฬารซุกซ่อนอยู่ภายใต้พื้นดินตามบันทึกในประวัติศาสตร์จีนถูกขุดพบโดยบังเอิญจากชาวนาตระกูลหยางจำนวน7คนในหมู่บ้านซีหยาง เมืองหลินถงในต้นของฤดูใบไม้ผลิในปี พ.ศ.2517ที่ขุดดินเพื่อหาบ่อน้ำไว้ใช้สำหรับเพาะปลูกในฤดูหนาวที่จะมาถึงภายในหมู่บ้านในวันที่5ของการขุดดินเพื่อหาบ่อน้ำเมื่อขุดลึกลงไปประมาณ4เมตรก็พบกับวัตถุที่ทำด้วยดินเผาที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับเหยือกสำหรับใส่น้ำจึงค่อยๆขุดดินอย่างระมัดระวังและเมื่อยิ่งขุดลึกลงไปก็พบกองทัพทหารดินเผาในชุดเกราะคันธนูและลูกธนูทองเหลืองจำนวนหนึ่ง
 
หลังการขุดพบโดยบังเอิญ ชาวนาตระกูลหยางได้จุดธูปกราบไว้เพื่อขอขมาเนื่องจากเข้าใจว่าเป็นวัดหรือโบราณวัตถุหลังจากนั้นอีก2เดือนเจ้าหน้าที่ของทางการที่รับผิดชอบในการขุดหาแหล่งน้ำของจีนได้เข้ามาตรวจสอบความคืบหน้าของการขุดหาแหล่งน้ำของชาวบ้านก็ได้พบกับสิ่งที่ชาวนาตระกูลหยางค้นพบ และสังเกตเห็นถึงลักษณะของอิฐและรูปปั้นดินเผาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับที่สุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้ จึงได้รายงานไปยังทางการของมณฑลฉ่านซี หลังจากนั้นทางรัฐบาลจีนได้เริ่มทำการขุดค้นหาอย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2519เป็นต้นมาผลของการขุดค้นพบรูปปั้นกองทัพทหารและรถม้าดินเผามากกว่า8,000ตัวและรถม้าไม้มากกว่า100คัน ในจำนวนหลุมภายในสุสานที่ขุดพบมีอาณาเขตพื้นที่รวมกันถึงกว่า20,000ตร.ม.
 
ต่อมา เจ้าคังหมินเจ้าหน้าที่ฝ่ายวัฒนธรรมประจำอำเภอหลินถงได้ไปตรวจสอบยังบริเวณพื้นที่ที่ชาวนาตระกูลหยางค้นพบ เพื่อทำการกว้านซื้อซากโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าที่ถูกขุดพบ และได้นำออกไปจำหน่ายก่อนหน้านี้ได้ 3 คันรถเพื่อนำกลับไปยังห้องวิจัยเพื่อทำการศึกษาและต่อมาในต้นเดือนพฤษภาคม เจ้าคังหมินได้จำกัดพื้นที่ในบริเวณอาณาเขตที่ขุดพบจำนวน120 ตร.ม. เพื่อทำการขุดหาซากของกองทัพดินเผาเพิ่มเติมรัฐบาลจีนได้เข้ามามีบทบาทในการขุดหาเพิ่มเติมของกองทัพทหารดินเผาซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ ลิ่นอันเหวิ่นนักข่าวหนังสือพิมพ์ซินหัวได้เดินทางกลับไปเยี่ยมญาติที่อำเภอหลินถงและพบกับสิ่งที่ชาวนาและเจ้าหน้าที่ขุดพบเมื่อกลับสู่ปักกิ่งได้นำเรื่องกองทัพทหารดินเผาตีพิมพ์ลงในคอลัมน์"ชุมนุมเหตุการณ์"ในหนังสือพิมพ์เหรินหมินยื่อเป้า
 
ต้นเดือนกรกฎาคมรองนายกรัฐมนตรีหลี่เซียนเนี่ยนได้มีคำสั่งให้กองโบราณคดีและกรรมการมณฑลฉ่านซีของจีนร่วมกันหามาตรการในการอนุรักษ์โบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์ของจีนนี้และในวันที่15กรกฎาคม พ.ศ.2517หยวนจงอี้ เจ้าคังหมินได้นำทีมนักโบราณคดีเดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านซีหยางอีกครั้ง เพื่อทำการตรวจสอบและขุดค้นเพิ่มเติมจนถึงปัจจุบัน วันที่1ตุลาคม พ.ศ.2522กองทัพทหารดินเผาภายใต้มหาสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมอย่างเป็นทางการและในเดือนธันวาคม พ.ศ.2530 องค์การยูเนสโกได้ลงมติให้สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
 
ภายในสุสานประกอบไปด้วยหลุมทหารรูปปั้นดินเผาจำนวนมากขุดพบแล้วจำนวน3หลุมจากทั้งหมด8หลุมซึ่งสรุปโดยรวมวัตถุโบราณทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบทั้งที่เป็นหุ่นทหารดินเผาสรรพาวุธรถม้าและม้าศึกที่ใช้ในการสงครามมีจำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า7,400ชิ้นในหลุมสุสานที่มีอาณาเขตพื้นที่กว่า25,000ตร.ม.
 
จิ๋นซีฮ่องเต้
จากหลักฐานบันทึกทางประวัติศาสตร์ประมาณการกันว่าในช่วง10ปีแรกของการรวมแผ่นดินจีนขึ้นเป็นหนึ่งเดียวทางราชวงศ์ฉินโดยจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เกณฑ์แรงงานจากทาสและชาวบ้านกว่า5แสนคนเพื่อไปก่อสร้างกำแพงเมืองจีนจากด่านหลินเตาในภาคตะวันตกไปยาวจรดด่านซานไห่กวนชายทะเลด้านฝั่งตะวันออกสุดเพื่อป้องกันการรุกรานของชนเผ่าซงหนูเผ่ามองโกลทางตอนเหนือกำแพงเมืองจีนที่ก่อสร้างโดยจิ๋นซีฮ่องเต้ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตมโหฬารที่สุดที่ได้สร้างขึ้นบนแผ่นดินจีนโดยฝีมือมนุษย์และนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์1ใน7ของโลกในยุคกลางที่ได้มีการสร้างต่อๆกันมาจนถึงราชวงศ์หมิง
 
จิ๋นซีฮ่องเต้ได้เกณฑ์แรงงานที่เป็นทาสและชาวนาอีกกว่า 5 แสนคน ลงไปประจำการในเขตภูเขาทางตอนใต้ของจีน เพื่อป้องกันการรุกรานของชนกลุ่มน้อย และอีก 3 แสนคน ขึ้นไปประจำการในเขตทะเลทรายโกบีทางตอนเหนือของจีน เพื่อป้องกันการรุกรานของพวก ฮั่นฉยุงหนู และที่สำคัญที่สุดคือการที่ทรงเกณฑ์แรงงานอีกกว่า 7 แสนคน เพื่อมาก่อสร้างพระราชวังเออผังกงและสร้างสุสานรวมถึงการสร้างเหล่ากองทัพทหารดินเผา และกองทัพม้า
 
จากตัวเลขที่ประมาณการข้างต้น จะเห็นว่าจิ๋นซีฮ่องเต้ได้ใช้แรงงานประชาชนถึงกว่า2ล้านคนคือร้อยละ10ของประชากรจีนในยุคสมัยนั้น เพื่อมาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างอันใหญ่โตมโหฬารซึ่งเป็นการยากที่จะชี้แจงให้ประชาชนทั่วไปในยุคนั้นเข้าใจถึงเหตุผลของพระองค์และแรงงานที่ได้เกณฑ์มาก่อสร้างสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นชายหนุ่มในวัยฉกรรจ์ที่เป็นกำลังสำคัญของแต่ละครอบครัวพวกชาวนาที่อาศัยอยู่ในถิ่นฐานเดิมถูกพระองค์รีดเก็บภาษี เพื่อนำรายได้เข้าสู่รัฐฉินเป็นทุนในการสร้างสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายของจิ๋นซีฮ่องเต้


พุดจีบน้องคุณยายพุดซ้อน:


--

กำเนิดสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ทรงสร้างสุสานกองทัพทหารดินเผาขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บพระบรมศพของพระองค์เองแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการและสถาปัตยกรรมโบราณของจีนและศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์จักรพรรดิจีนทุกพระองค์ในประวัติศาสตร์จะมีความใฝ่ฝันสูงสุดอยู่ 2 ประการคือ
1. ยาอายุวัฒนะ ถ้าหากพระองค์ยังเสาะแสวงหาไม่ได้ สิ่งที่พระองค์จะต้องทำก็คือ
2. การสร้างมหาสุสานขนาดอันใหญ่โตมโหฬาร เพื่อเป็นที่ประทับชั่วกาลนาน
ชาวจีนในสมัยโบราณมีความเชื่อว่ามนุษย์นั้นมี 2วิญญาณ วิญญาณแรกคือ โป ซึ่งจะมาพร้อมกับการเกิดของทารกอีกวิญญาณหนึ่งเรียกว่า ฮั่น เป็นวิญญาณที่สวรรค์ส่งมารวมกับวิญญาณแรกพร้อมกันตั้งแต่เกิดและเมื่อเจ้าของร่างตายลงวิญญาณแรกหรือโปจะคงอยู่ในร่างนั้นส่วนฮั่นจะออกจากร่างกลับคืนสู่สวรรค์ไปถ้าผู้ตายไม่ได้รับการฝังอย่างถูกต้องตามประเพณี โปจะอยู่อย่างไม่มีความสุขเที่ยวเร่ร่อนกลายเป็น กุย หรือปีศาจอันชั่วร้ายชาวจีนทุกคนจึงต้องได้รับการฝังอย่างถูกต้องตามประเพณีเมื่อถึงแก่กรรมโดยจะถูกบรรจุร่างไว้ภายในสุสานตามฐานะของผู้ตาย
 
นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงโปรดฯให้สร้างสุสานของพระองค์ทันทีตามโบราณราชประเพณีและอีกสิ่งหนึ่งที่พระองค์ทรงใส่พระทัยเป็นพิเศษก็คือทรงมีพระราชบัญชาให้นักพรตสีฝู่นำตัวเด็กหญิงและเด็กชายพรหมจรรย์นับพันคนลงเรือเดินทะเลเดินทางไปทางตะวันออกเพื่อแสวงหาเกาะเผิงไหลเกาะฟางเจ้าและเกาะอิ๋งโจวทรงเชื่อว่าเป็นดินแดนหวงห้ามของมนุษย์เนื่องจากเป็นที่พำนักของเซียนที่จะมอบยาอายุวัฒนะให้พระองค์ทรงมีชีวิตเป็นอมตะแต่ทว่าตลอดพระชนมชีพของพระองค์ข่าวคราวและชะตากรรมของคณะเดินทางที่พระองค์ทรงมอบหมายภารกิจเสี่ยงตายให้นั้นไม่เคยได้ยินถึงพระกรรณของพระองค์เลยแม้แต่น้อย
 
หลังทรงขึ้นครองราชย์ในปี247ก่อนคริสตกาลจิ๋นซีฮ่องเต้ก็เริ่มสร้างสุสานของพระองค์แล้วจนถึงในปี210ก่อนคริสตกาลเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ลง งานสร้างมหาสุสานก็ยังไม่แล้วเสร็จจนมาเสร็จสมบูรณ์ในปีที่2ของรัชสมัยฉินเอ้อซื่อผู้เป็นบุตรชาย(ปี208ก่อนคริสตกาล)รวมระยะเวลาในการก่อสร้างถึง38ปีและได้เรียกชื่อสุสานนี้ว่าหลีซานหยวนหรืออุทยานแห่งเขาหลีซานใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างสุสานตั้งแต่ปี246-208ก่อนปีคริสต์ศักราช เพราะมีความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายของพระองค์ทรงสร้างหุ่นกองทัพทหารดินเผาจำนวนมากรวมทั้งรถม้าและม้าศึกเพื่อให้ทั้งหมดนี้ติดตามไปรับใช้และอารักขาพระองค์ในปรโลก
 
และเนื่องด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ทำให้หุ่นทหารดินเผาม้าศึกและรถม้าจำนวนมากที่ถูกฝังอยู่ภายในสุสานล้วนแต่มีขนาดเท่าของจริงทุกประการรวมทั้งรายละเอียดต่างๆของหุ่นทหารดินเผาและการจัดทัพซึ่งเป็นการจัดตำแหน่งตามกระบวนทัพโดยแบ่งออกเป็น11แถวประกอบไปด้วย
แม่ทัพฝ่ายบู๊
แม่ทัพฝ่ายบุ๋น
พลหอก
พลดาบ (ซึ่งอาวุธในมือส่วนใหญ่คืออาวุธจริง)
สารถีประจำรถม้า
ม้าศึก
หุ่นทหารดินเผาภายในสุสานมีขนาดรูปร่างที่แตกต่างกันมีความสูงประมาณ1.8 เมตรลักษณะหน้าตากริยาท่าทางเครื่องแต่งกายไม่เหมือนกันแม้แต่ตัวเดียวรัฐบาลจีนที่รับผิดชอบในการขุดค้นสุสานประวัติศาสตร์นี้เชื่อกันว่าหลุมกองทัพดินเผาของจิ๋นซีฮ่องเต้มีด้วยกันทั้งหมด8หลุมแต่ในปัจจุบันมีการขุดค้นเพียงแค่3หลุมเท่านั้นเพราะรัฐบาลจีนยังไม่ต้องการทำการขุดค้นอย่างต่อเนื่องเพราะเกรงว่าสีของหุ่นทหารดินเผาที่ขุดพบนั้นจะหายไปในอดีตเริ่มแรกของการขุดพบกองทัพทหารดินเผาจากสุสานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นหุ่นทหารเหล่านี้มีแก้มเป็นสีชมพูสวมเครื่องแต่งกายที่มีสีสันสดใสที่ทาสีเอาไว้อย่างสวยงามโดยส่วนใหญ่จะสวมเสื้อสีชมพูกางเกงสีเขียวและฟ้าแต่ทว่าเมื่อหุ่นทหารดินเผาถูกอากาศและแสงแดดเกิดปฏิกิริยาทางเคมีทำให้สีของหุ่นทหารดินเผาลอกหายไปเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างน่าเสียดาย
 
จากการตรวจสอบขนาดของมหาสุสานนี้ในปัจจุบันพบว่าสุสานตั้งอยู่บนเนินดินที่เคยสูงประมาณ115เมตรมีขนาดคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัสเมื่อแรกสร้างคือ จากทิศเหนือไปใต้ยาวประมาณ350เมตรจากทิศตะวันออกไปตะวันตกยาวประมาณ345เมตรตัวสุสานเป็นหลุมขนาดใหญ่มีความลึกกว่า30เมตร นักโบราณคดีประเมินคร่าวๆว่าขนาดของพระราชวังสลากกินแบ่งรัฐบาลถูกสร้างขึ้นในระดับที่ลึกที่สุดของหลุมมีขนาด120x160เมตรหรือเทียบเท่าขนาดของสนามบาสเกตบอล40สนามรวมกันและจากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยยืนยันได้ว่าภายในสุสานมีสารปรอทจำนวนมากผิดปกติคือสูงกว่าระดับปกติถึงกว่า100เท่าจึงไม่ผิดกับที่ซือหม่า เสี่ยนได้บันทึกในปูมประวัติศาสตร์มากว่า2,000ปีที่แล้วว่า"ภายในมีสารปรอทไหลเวียนดุจแม่น้ำและทะเล"........


พุดจีบน้องคุณยายพุดซ้อน:

โครงสร้างและสถาปัตยกรรม สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ตั้งอยู่ในเขตเมืองหลินถงห่างจากเมืองซีอานไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ35กม.มีทำเลที่ตั้งอยู่อิงบริเวณเขาหลีซานบริเวณด้านหน้าของสุสานหันไปทางแม่น้ำเว่ยเหอโดยเฉพาะทางทิศใต้ของเขาหลีซานอุดมไปด้วยสินแร่ทองคำส่วนทางทิศเหนือก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่หยกดังนั้นจิ๋นซีฮ่องเต้จึงทรงเลือกชัยภูมิที่มีฮวงจุ้ยอันดีเลิศนี้เพื่อเป็นสุสานสำหรับฝังพระบรมศพของพระองค์สุสานกองทัพทหารดินเผานั้นอยู่ห่างจากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ราว1.5กม.ทั้งหมดถูกฝังอยู่ภายใต้ผืนแผ่นดินจีน พร้อมกับพระบรมศพของจิ๋นซีฮ่องเต้
 
สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ที่คงหลงเหลืออยู่บนดินนั้นตามข้อสันนิษฐานของนักโบราณคดีมีความน่าเชื่อถือได้ว่าแต่เดิมมีรูปพรรณสันฐานเป็นพื้นที่หมวกสี่เหลี่ยมหัวกลับมีความสูงถึง115เมตรตั้งอยู่บนฐานกว้างราว345เมตรคูณ350เมตรจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกและทิศเหนือมายังทิศใต้ บริเวณสุสานมีการก่อสร้างเป็นกำแพงล้อม2ชั้นคือกำแพงชั้นนอกและกำแพงชั้นใน กำแพงชั้นในมีความยาวจากเหนือจรดใต้ถึง1,355เมตรและจากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตกความยาว 580 เมตรมีประตูสุสานอยู่ทางด้านทิศเหนือส่วนบริเวณกำแพงชั้นนอกมีความยาวจากเหนือจรดใต้2,165เมตรทางด้านตะวันออกจรดตะวันตกมีความยาว940เมตรมีประตูทางออกพร้อมหอคอยรักษาการณ์ทั้งสี่มุมในระหว่างกำแพงชั้นนอกกับกำแพงชั้นในมีซากปรักหักพังหลงเหลือแสดงถึงร่องรอยที่ตั้งศาลาพิธีการและจวนที่พำนักของเจ้าพนักงานเฝ้าสุสาน


--

จากการตรวจสอบประวัติของมหาสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้บันทึกทางประวัติศาสตร์ ระบุว่าสุสานแห่งนี้ได้จำลองเอาลักษณะของประเทศจีนทั้งหมดย่อส่วนลงจากจีนแผ่นดินใหญ่ให้กลายเป็นแผ่นดินจีนขนาดจิ๋วภายใต้พื้นดินที่มีความสูงถึง47เมตรลักษณะของสุสานเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าครอบคลุมอาณาเขตพื้นที่กว่า56ตร.กม.แต่ละส่วนแบ่งออกเป็นห้องต่างๆบริเวณกลางสุสานเชื่อกันว่าคือสถานที่สำหรับฝังพระบรมศพของจิ๋นซีฮ่องเต้และตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้บันทึกเอาไว้ว่าเพดานของสุสานนั้นมีการประดับด้วยเพชรพลอยจำนวนมากเป็นรูปท้องฟ้าในยามค่ำคืนและมีการสูบเอาปรอทมาจำลองเป็นลำธารในแม่น้ำใหญ่หรือแม่น้ำหวางเหอ
 
สภาพของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ถูกขุดค้นพบตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังคงเก็บรักษาไว้ดังเดิมในรูปและลักษณะของสุสานมูลดินทรงพีระมิดมีความสูงประมาณ70กว่าเมตรก่อสร้างบนฐานกว้างยาวประมาณ8เมตรพื้นที่บริเวณโดยรอบของสุสานถูกล้อมรั้วห้ามเข้าเนื่องจากเป็นเขตต้องห้ามที่นักโบราณคดีทำการขุดค้นจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ของจีนบริเวณพื้นที่แห่งนี้เมื่อระยะเวลาเมื่อ3,000ปีมาแล้วจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เคยเสด็จมาเลือกพื้นที่สำหรับก่อสร้างสุสานด้วยพระองค์เองตรงบริเวณเชิงเขาหลีซานซึ่งมีภูมิประเทศสวยงามอุดมไปด้วยสินแร่ทั้งแหล่งผลิตทองคำทางตอนใต้และแหล่งผลิตหยกทางตอนเหนือซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำเว่ยเหอ
 
สุสานของจักรพรรดิจีนโบราณมักจะขุดลึกลงไปสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เป็นเนินเขาทำเป็นอุโมงค์ทางเดินไปสู่ห้องเก็บพระบรมศพพร้อมกับสมบัติข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์นานาชนิด เพื่อไว้สำหรับใช้สอยหลังจากพระองค์สิ้นพระชนมชีพไปแล้วส่วนด้านบนพื้นดินเหนืออุโมงค์สุสานมีธรรมเนียมสร้างถนนแห่งวิญญาณจากทิศใต้มุ่งสู่ประตูอุโมงค์สุสานทางทิศเหนือโดยวางรูปสลักเทวดา คน สัตว์ต่างๆสองข้างทางจนถึงปากอุโมงค์ซึ่งจะจัดตั้งหลักศิลาขนาดใหญ่ไว้ให้เป็นที่สังเกต
 
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ของซื่อหม่า เสี่ยน ในสมัยราชวงศ์ฮั่น(135-145 ปีก่อนคริสตกาล)ระบุว่าจิ๋นซีฮ่องเต้ทรงเริ่มก่อสร้างสุสานทันทีที่เสด็จขึ้นครองราชย์มีทาสและชาวนาประชาชนจำนวนกว่า700,000คนถูกส่งมาใช้แรงงานก่อสร้างสุสาน โดยขุดผิวดินให้ลงไปจากชั้นดินดานถึง3ชั้นเพื่อก่อสร้างเป็นพระราชวังสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ตั้งพระศพห่อหุ้มด้วยทองแดงเป็นการจำลองแผ่นดินจีนทั้งหมดย่อส่วนเอาไว้ภายในสลากกินแบ่งรัฐบาลช่างฝีมือได้ซ่อนค่ายกลป้องกันพวกลักขโมย เมื่อเข้าใกล้บริเวณสุสานเกาทัณฑ์ก็จะพุ่งเข้าใส่ทันที

จากการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์พบว่าบริเวณพื้นดินส่วนกลางของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้มีรังสีจากสารปรอทปริมาณมากที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์สารปรอทนั้นแผ่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่1,200 ตร.ม.ซึ่งสอดคล้องกับบันทึกของซื่อหม่า เสี่ยนตอนหนึ่งที่ว่าปรอทใช้บรรจุไว้แทนทะเลและแม่น้ำเป็นเหตุให้ทางรัฐบาลจีนต้องปิดประกาศเป็นเขตหวงห้ามยกเว้นสุสานบริวาร400แห่งโดยรอบบริเวณกว่า50ตร.ม.ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีการสำรวจขุดค้นตลอดเวลา1ปีเต็มๆทำให้นักโบราณคดีพบหลักฐานต่างๆอีกมากมายจนสามารถเขียนแผนผังสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ได้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ซึ่งก็ปรากฏที่ตั้งพระบรมศพจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นเพียงจุดเล็กๆจุดหนึ่งของสุสาน

โบราณวัตถุที่ขุดภายในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ทั้งที่เป็นหุ่นทหารดินเผาสรรพาวุธ รถม้าและม้าศึกที่ใช้ในการสงครามทั้งสิ้นกว่า7,400ชิ้นในหลุมสุสาน 25,000กว่าตารางเมตรบางหลุมกองทัพทหารดินเผามีรถเทียมม้าบางหลุมมีตุ๊กตานกและสัตว์ต่างๆซึ่งสะท้อนถึงอุปนิสัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ทรงโปรดการเสด็จประพาสป่าล่าสัตว์กองทัพทหารดินเผาและเหล่าม้าศึกที่เฝ้าคอยติดตามถวายอารักขาพระองค์หลังสิ้นพระชนม์เป็นการบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของจิ๋นซีฮ่องเต้เมื่อวิญญาณโปอยู่ในร่างของพระองค์ขณะทรงมีพระชนมชีพหรือเมื่อสิ้นพระชนมชีพวิญญาณฮั่นก็จะนำเสด็จขึ้นสู่สรวงสวรรค์

พุดจีบน้องคุณยายพุดซ้อน:


--

ตุ๊กตาทหารดินเผาตุ๊กตาทหารดินเผาทุกตัวจะมีตราประทับอักษรบนตัวมากกว่า80ชื่อทำให้นักโบราณคดีจีนมั่นใจว่าผู้ที่สร้างหุ่นทหารดินเผาทั้งหมดเป็นบรรดาช่างปั้นหม้อ ในสังคมสมัยฉิน ถือว่าพวกนี้เป็นพวกชั้นต่ำบางพวกเคยทำงานรับใช้ในราชสำนักช่างปั้นดินเผาในสมัยจีนโบราณที่สืบทอดวิชาความรู้จากครูหรือบรรพบุรุษ มีเอกลักษณ์งานปั้นเฉพาะตัวรับคำสั่งเกณฑ์พลจากทุกแห่งเพื่อสร้างกองทัพทหารดินเผา
 
ผู้ที่จัดวางตำแหน่งของกองทัพทหารดินเผาภายในสุสานได้วางตำแหน่งอย่างเป็นระเบียบทหารดินเผาทุกตัวอยู่ในท่าเตรียมพร้อมประกอบไปด้วยทหารดาบทหารเกาทัณฑ์ทหารหอกและรถม้าศึกโดยเลือกชัยภูมิจัดผังออกแบบค่ายเป็นรูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบด้วยกำแพงดินพูนสูงขึ้นและมีคูอยู่นอกกำแพงเมืองถนนตัดอยู่ภายในเป็นทางเดินกองทหารตัดจากทิศเหนือไปถึงทิศใต้และตะวันออกไปตะวันตกมีด่านกันไฟเป็นระยะๆตรงกลางค่ายเป็นที่ตั้งกองบัญชาการล้อมด้วยเหล่าเสนาบดีที่ปรึกษาหน่วยทหารที่เป็นหน่วยกล้าตายและองค์รักษ์ทำหน้าที่คุ้มกันจิ๋นซีฮ่องเต้การจัดวางกองทัพทหารดินเผาเป็นการยืนยันถึงภาพที่ชัดเจนของตำราพิชัยสงครามซุนวู
 
ในยุคสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้สุสานแห่งนี้เคยถูกเผาทำลายหลายครั้งโดยมีหลายข้อสันนิษฐานเช่นการปะทุของก๊าซมีเทนใต้ผิวดินหรืออาจถูกเผาจากหลังจากพิธีฝังพระบรมศพ

ทหารดินเผาที่ขุดพบได้นั้นมีลักษณะใบหน้าที่มองดูแล้วกลมเกือบคล้ายกัน บางหน้าเป็นรูปไข่บางหน้าเป็นรูปเหลี่ยมซึ่งแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเทคนิคของช่างแต่ละคนมีการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน เช่นแผนกช่างนวดดิน ช่างปั้น ช่างทำพิมพ์สำหรับอวัยวะต่างๆเช่น มือ แขน ขา ศีรษะเป็นหน้าที่ของช่างขึ้นรูปที่ทำการปั้นขึ้นรูปศีรษะเป็นรูปๆทำให้ใบหน้าแต่ละหน้าจึงไม่ซ้ำกัน ซึ่งอาจจะเป็นการจำลองจากบุคลิกของทหารจริงในเวลานั้น
 
ส่วนมากใบหน้าของกองทัพทหารดินเผามีสัณฐานสี่เหลี่ยมริมฝีปากหนาไว้หนวดเคราทรงผมนานาชนิดแล้วเอาส่วนต่างๆมาประกอบเข้ากันนำไปเผาไฟแล้วส่งต่อไปให้ช่างสีซึ่งใช้ฝุ่นสีฉูดฉาดเช่น สีแดง เขียว ฟ้า น้ำตาล เหลือง ดำ ม่วง น้ำเงินขาวมาระบายลงบนตัวทหารดินเผาแยกสีตามเหล่าทหารแต่ละกอง สำหรับการปั้นม้าจะแยกชิ้นส่วนต่างๆตามลักษณะของม้าก่อนนำมาประกอบเข้าเป็นลำตัวที่กลวง ส่วนอื่นจะทึบตันหมดแล้วจึงเข้าเตาเผาไฟที่มีความร้อนสูงระหว่าง950ถึง1,050 องศาเทคนิคงานปั้นดินเผาของจีนเริ่มมานานกว่า2,000ปีจนถึงปัจจุบันวิธีเก่าแก่นี้ก็ยังคงใช้อยู่ทั่วโลก

กองทัพทหารดินเผาทุกตัวเคยถืออาวุธจริงแต่ได้โดนยึดไปโดยพวกกบฏเป็นจำนวนมากคงหลงเหลือกว่า10,000ชิ้นอาวุธส่วนมากสร้างขึ้นจากโลหะผสมทองแดงและดีบุกรวมทั้งนิกเกิลและสังกะสีฝีมือประณีตโดยเฉพาะหัวลูกธนูจะผสมตะกั่วเท่ากับเป็นการอาบยาพิษอย่างแรงแต่ทั้งหมดได้รับการปลดออกมาเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางทหารและเทคโนโลยี
 
จากการขุดค้นพบกองทัพทหารดินเผาและม้าศึกจำนวนกว่า6,000ตัวคาดว่าเมื่อรวมกับจำนวนของทหารดินเผาที่ยังไม่ได้ขุดค้นอาจมีประติมากรรมอันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกมากถึง8,000ตัวกองทัพทหารดินเผาที่ขุดค้นพบทั้ง3หลุมนี้ในแต่ละหลุมจะแยกจากกันอย่างมีแบบแผนมีการฝังลึกลงไปจากผิวดินในระยะทางประมาณ5เมตรมีแนวกำแพงดินพูนสูงราว3เมตรแยกจากกันเป็นช่วงๆค้ำยันด้วยท่อนซุงโดยรายละเอียดต่างๆของกองทัพทหารดินเผามีดังนี้




หน้า: (1/2) > >>

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค "เว็บมหาชน คนมหาโชค"
 
คติ "กินอยู่อย่างพอเพียง เสี่ยงโชคแต่พอควร"
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย
คำเตือน -ทางเว็บไม่ได้ทราบเป็นการล่วงหน้าว่าหวยทางกองสลากจะออกตัวไหน แต่เราใช้การวิเคราะห์หรือประเมินตามหลักสถิติ
หรือวิธีการอื่นว่า เลขที่มีโอกาสออกมากที่สุดในแต่ละงวดควรจะเป็นเลขอะไรเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ การเล่นหวยถือว่ามีความเสียงมาก