อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน
27 เมษายน 2024, 02:43:31 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
"สนับสนุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น"

ผลงานห้อง VIP (งวด 16 เม.ย.67)
อ.apichoke ถูกสามตัวสลับ 589 ถูกตัวกลับเลขท้าย รว.ที่๑ 89 ถูกเลขท้าย๒ตัว 79
ถูกปักหลักสิบเต็มๆ 9 เลขเด่นวันหวยออก ถูกเด่น 5

ออก 598-79
   หน้าแรก   หวยรัฐบาล SUPER VIP หนังสือหวย VIP สมัคร vip ช่วยเหลือ แท็ก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก Register  
ฝากภาพ i-pic
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 [14] 15 16 17 18 19 20   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แล้วใครล่ะ...จะไม่รัก..  (อ่าน 829743 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #325 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2014, 16:33:25 »





'ในหลวง'

คำว่า 'ในหลวง' คือคำเรียกพระมหากษัตริย์อย่างง่ายแทนชื่อของพระองค์
โดยผู้เรียกคือเหล่าประชาชนพูดกับประชาชนด้วยกันเอง
 เป็นคำที่อาจเริ่มมีมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์
สมัยนั้น 'ใน' เป็นนามศัพท์เรียกเจ้านาย
ซึ่งมักหมายถึงผู้ที่มีฐานะเป็นเจ้ากรมขึ้นไป เช่นเสด็จในกรม
ส่วน 'หลวง' นั้นหมายถึง สิ่งที่ใหญ่กว่าอื่นๆ ตัวอย่างเช่น
ภูเขาที่สูงใหญ่กว่าเพื่อน ก็ได้รับการขนานนามว่า 'เขาหลวง'
หรือคำว่า 'เมืองหลวง' ก็คือเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางของประเทศ

ดังนั้น ที่เราพากันเรียกพระเจ้าแผ่นดินว่า 'ในหลวง'
ก็ถือเป็นความรู้สึกถึงบุคคลผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุด
 เพราะพระองค์ทรงถือกำเนิดในราชสกุล
ที่มีพระราชภารกิจปกครองบ้านเมืองสืบต่อกัน
พระองค์จึงทรงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญ ดังคำกล่าวในพระไตรปิฎก

"ถ้าพระราชาเป็นผู้ทรงธรรม ราษฎรทั้งปวงก็เป็นสุข"

(จาก My King โดย National Geographic)






<a href="http://www.youtube.com/v/V_BZ_aH0gxU?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/V_BZ_aH0gxU?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>

King of Kings
* เหนือบัลลังก์ราชัน ใต้ไตรรงค์ธงไทย โลกระบือไกล
กษัตราผู้เปี่ยมน้ำพระทัย ผู้ครองแผ่นดินนี้
พระทรงคอยปัดเป่า ทุกข์และความกังวล หลอมรวมใจปวงชน
ประหนึ่งดังพระนามภูมิพล มหาราชเกริกไกร
โลกต่างชื่นชมพระบารมี ล้ำศักดิ์เลิศศรีไปยังแดนไกล
สูงส่งทัดเทียมเทพไท สดุดีไว้ หนึ่งเดียวนี้
* King of Kings, King of Kings
ปกครองไพร่ฟ้า ด้วยความรัก ด้วยธรรมโดยแท้จริง
King of Kings, King of Kings
ราชันผู้ยิ่งใหญ่ ก้องไปทั้งฟ้าดิน
พระทรงครองในทศพิธราชธรรม พระชี้นำให้มีใจรักและสามัคคี
King of Kings.
พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อย ทุกข์พระวรกาย เพื่อปวงชนชาวไทย
ได้อยู่บนผืนแผ่นดินร่มเย็น ยั่งยืนสืบไป *




จอมทัพไทยในสมัยโบราณ ในราชการสงคราม "พระมหากษัตริย์" จะเป็นผู้นำกองทัพทุกเหล่าทัพออกปกป้องอธิปไตย หรือเพื่อการขยายราชอาณาจักร จนกระทั่งสมัย ร.๑ ผู้นำทัพก็ยังเป็นพระมหากษัตริย์ แต่เมื่อสงครามสมัยใหม่เปลี่ยนแปลงไป พระมหากษัตริย์ก็มิต้องเป็นผู้นำทัพออกไปอีกแบบโบราณ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งฐานะ "จอมทัพ" ตามศักดิ์และสิทธิ์

ในรัฐธรรมนูญตั้งแต่ฉบับแรกจนถึงปัจจุบัน ได้กำหนดให้สถานะของพระมหากษัตริย์ทรงเป็น "จอมทัพไทย" โดยจะทรงยศทางทหารคือ จอมพล , จอมพลเรือ , จอมพลอากาศ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงฉลองพระองค์ชุด "จอมพล" และมี "คฑาจอมทัพภูมิพล" และ "สายยงยศ" เป็นเครื่องหมายของจอมทัพไทย เครื่องแบบจอมพลจะสังเกตได้จากอินทรธนู ซึ่งจะมีดาวห้าดวง มีคฑาและกระบี่ไคว้ ใต้พระมหามงกุฏ ส่วนคฑาจอมทัพภูมิพลนั้นกองทัพได้จัดสร้างถวายในหลวงเจริญพระชนมายุ ๔๐ พรรษา โดยส่วนยอดคฑาเป็นพระครุฑพ่าห์ลงยา และหุ้มด้วยทองคำ ส่วนสายยงยศนั้นนั้นจะแตกต่างจากสายยงยศทั่วไป โดยมีการถักด้วยสายไหม หรือไหมทอง รวบสายยงยศคู่หน้า

โดยฐานะจอมทัพไทย พระเจ้าอยู่หัวก็ไม่อาจจะใช้พระราชอำนาจได้โดยตรงในเรื่องเกี่ยวกับกองทัพ จะทรงใช้พระราชอำนาจบริหารได้ก็ต้องผ่านครม. เพื่อให้ นายกฯ หรือ กลาโหมเป็นผู้สนองรับราชโองการ ซึ่งจะเห็นได้ว่าฐานะจอมทัพนั้นไม่ใช่ฐานะที่ใช้แสดงพระราชอำนาจ แต่เป็นสถานะที่ใช้แสดงถึงความเป็นศูนย์รวมจิตใจของทหารไทยเสียมากกว่า

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 พฤศจิกายน 2016, 17:25:29 โดย FIRE » บันทึกการเข้า

FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #326 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2014, 17:01:26 »




วันสถาปนากิจการรถไฟ "๒๖ มีนาคมของทุกปี"

ถือเอาวันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จ ฯ
ไปทรงเปิดการเดินรถไฟระหว่างสถานีกรุงเทพ - อยุธยา ระยะทาง ๗๑ กิโลเมตร
 เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๔๓๙ ซึ่งเปิดให้ประชาชนเดินทางไปมาระหว่าง
กรุงเทพ - อยุธยา ได้ตั้งแต่วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๔๓๙ เป็นต้นมา

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีประกาศ
พระบรมราชโองการสร้างทางรถไฟสยาม ตั้งแต่กรุงเทพ ฯ ถึง
 เมืองนครราชสีมา ลงวันที่ ๑ มีนาคม ร.ศ.๑๐๙ ซึ่งตรงกับ พุทธศักราช ๒๔๓๓

ข้อมูลจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย
http://www.railway.co.th/home/srt/about/history.asp




 
วันสถาปนากิจการรถไฟ "๒๖ มีนาคมของทุกปี"

ในหลวงกับรถไฟไทย .... องค์ประมุขแห่งชาติกับรถจักรดีเซล




ชมภาพอัลบั๊มเก่า ๆ "ในหลวงกับรถไฟ"

ในหลวงกับรถไฟไทย .... องค์ประมุขแห่งชาติกับรถจักรดีเซล
ที่มา : ๑. หนังสือ "๑๐๐ ปีรถไฟไทย"
 ( จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๐๐ ปีรถไฟไทย ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔, การรถไฟแห่งประเทศ-ไทย )
 ๒. หนังสือเฉลิมพระเกียรติ "อัครมหาราชา ปิ่นฟ้าคมนาคม"
( จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๒, กระทรวงคมนาคม )
 ๓. รายงานประจำปี ๒๕๔๒ ( การรถไฟแห่งประเทศไทย )





ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๑

กล่าวได้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรู้จักคุ้นเคยกับกิจการรถไฟ
มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ กล่าวคือ เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๓
หลวงถวิลเศรษฐพณิชการ ซึ่งทำงานอยู่การรถไฟแห่งประเทศไทย
(กรมรถไฟในขณะนั้น) ได้จัดให้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ได้เสด็จไปทอดพระเนตรรถไฟ



ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๑
ใน พ.ศ.๒๔๘๑ การรถไฟฯได้น้อมเกล้าฯถวายขบวนรถไฟเล็กจำลอง ๑ ขบวน
 ประกอบด้วย รถจักรไอน้ำหมายเลข ๑๕๖ รถโบกี้ชั้นที่ ๓ และสัมภาระ (บสพ.)
 หมายเลข ๖ และรถโบกี้ชั้นที่ ๑ และชั้นที่ ๓ ติดกัน (บอท.) หมายเลข ๑
โดยจำลองมาจากรถที่มีใช้งานอยู่จริงในขณะนั้นทั้งหมด
 เนื่องจากขบวนรถไฟดังกล่าวสามารถแล่นได้บนรางด้วยแรงไอน้ำเหมือนขบวนรถไฟจริง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
(ขณะดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช)
จึงได้โปรดประทับบนขบวนรถไฟดังกล่าวเป็นที่ทรงพระเกษมสำราญพระราชหฤทัยต่อมา
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานขบวนรถไฟเล็กขบวนนี้คืนให้แก่การรถไฟฯ
 และภายหลังการรถไฟฯ ได้นำมาปรับปรุงให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังลมและน้อมเกล้าฯ
ถวายแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ใน พ.ศ.๒๕๓๔




ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๓

พ.ศ.๒๔๘๒ กรมรถไฟได้สั่งซื้อรถจักรดีเซลไฟฟ้าจากบริษัท Sulzer
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จำนวน ๗ คัน
บังเอิญช่วงเวลาหลังจากนั้นไม่นานสงครามโลกครั้งที่ ๒
ได้เกิดขึ้น การจัดสร้างและจัดส่งจึงล่าช้าออกไป อย่างไรก็ตาม
รถจักรดีเซลไฟฟ้าขนาด ๗๓๕ แรงม้าคันแรก คือรถจักรเลขที่ ๖๕๑
ได้สร้างแล้วเสร็จและพร้อมทดลองได้ในเดือนกรกฏาคม พ.ศ.๒๔๘๔




ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๔

ในการทดลองครั้งนั้น บริษัทฯได้ติดต่อสถานทูตไทยในกรุงบอร์นให้นำความขึ้น
กราบบังคมทูลอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
(ขณะดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช)
 และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์)
 ให้เสด็จฯเยี่ยมทอดพระเนตรกิจการโรงงานของบริษัทฯ
และทอดพระเนตรการทดลองรถจักรด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์
และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้เสด็จจากเมืองโลซานน์
โดยทางรถไฟมาถึงเมือง Winterthur ในวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๔
โดยมีข้าราชการฝ่ายไทยและเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯเฝ้าฯรอรับเสด็จฯ
 และนำเสด็จไปยังโรงงาน Sulzer เพื่อทอดพระเนตรกิจการของโรงงาน




ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๕

วันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๔ ขบวนรถไฟทดลองซึ่งประกอบด้วยรถจักร
Sulzer หมายเลข ๖๕๑ รถพระที่นั่งจำนวน ๑ คัน รถชั้น ๑ - ๒ จำนวน ๑ คัน
 และรถสัมภาระอีกจำนวน ๑ คันได้แล่นออกจากสถานี Chur
โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีประทับในรถพระที่นั่ง
 ส่วนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ประทับที่ห้องขับของรถจักรดีเซล
โดยมีข้าราชการกรมรถไฟและเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของบริษัทฯโดยเสด็จอยู่ในรถจักรด้วย
 ขบวนรถไฟแล่นถึงสถานี St.Moritz ใช้เวลา ๓ ชั่วโมง
 ตลอดเส้นทางมีทัศนียภาพที่สวยงามยิ่ง ขวนรถลัดเลาะไปตามไหล่เขา
เลียบห้วย ข้ามเขาและลอดถ้ำ เมื่อถึงที่ใดที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็หยุดขบวนรถให้ทอดพระเนตร
 ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯได้กราบบังคมทูลถึงหน้าที่ส่วนต่างๆ
ของรถจักรโดยละเอียดด้วยทรงสนพระทัยเป็นอย่างยิ่ง และระหว่างเส้นทาง
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ได้ทรงทดลองขับรถจักรด้วย
 เมื่อขบวนรถถึงสถานี St.Moritz บริษัทฯได้จัดให้มีการรับเสด็จฯอย่างสมพระเกียรติ




ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๖

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จขึ้นครองราชย์
เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ แห่งบรมราชจักรีวงศ์
พระเมตตาบารมีของพระองค์ได้ปกแผ่ไพศาลมาถึงกิจการรถไฟด้วย




ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๗

ได้เสด็จฯมาทรงกระทำพิธีเปิดใช้สะพานพระราม ๖
เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๖ กับเสด็จฯมาทรงวางพวงมาลา
ในพิธีเปิดอนุสาวรีย์ พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ณ ตึกบัญชาการรถไฟ
 เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๐๐


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 พฤศจิกายน 2016, 17:26:51 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #327 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2014, 17:15:31 »



 

ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๘-+๙

ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฏรต่างจังหวัดตามภาคต่างๆ
ของประเทศไทยในช่วงสองทศวรรษแรก หลังจากเสด็จฯนิวัติ
พระนครจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้ว
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ได้เสด็จฯ ทางรถไฟเป็นส่วนใหญ่ โดยเสด็จประทับขบวนรถไฟพระที่นั่งที่การรถไฟฯ
จัดถวาย จากสถานีจิตรลดา ซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖
 เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๔ ทดแทนสถานีจิตรลดาหลังเดิมที่เป็นอาคารไม้
โดยก่อสร้างเป็นอาคารคอนกรีตชั้นเดียว สไตล์ยุโรป Italian Renaissance
ตัวอาคารมีพื้นที่ ๗๖๐ ตารางเมตร ใช้สำหรับเป็นสถานีเมื่อมีการเสด็จฯทางรถไฟ
 กับเคยใช้เป็นสถานที่ต้อนรับพระราชอาคันตุกะด้วย




ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๑๐

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯต้อนรับประธานาธิบดีซูการ์โนแห่งประเทศอินโดนีเซีย
ที่สถานีจิตรลดา เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๐๔





ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๑๑

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯต้อนรับประธานาธิบดีอาร์ตูโร ฟรอนดิชี
 แห่งประเทศอาร์เยนตินา ที่สถานีจิตรลดา เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๐๔



ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๑๒

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯต้อนรับพระเจ้าเฟรเดอริคที่ ๙
แห่งประเทศเดนมาร์ค ที่สถานีจิตรลดา เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๕





ในหลวงเสด็จฯนำสมเด็จพระเจ้าเฟรเดริคที่ ๙ แห่งเดนมาร์ค2



ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๑๓

รถไฟพระที่นั่ง
ขบวนรถไฟหลวงแห่งราชอาณาจักรสยามขบวนแรกนั้น
 คือขบวนรถไฟพระที่นั่งที่กรมรถไฟหลวงได้จัดถวายแด่พระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เนื่องในวโรกาสที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาทรงกระทำพิธีเปิดเดินรถไฟหลวงเป็นปฐมฤกษ์
 ระหว่างกรุงเทพ - อยุธยา เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๔๓๙
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯไปยังบางปะอินโดยทางรถไฟอีกหลายครั้ง
ตลอดจนเสด็จฯไปทรงเปิดเส้นทางรถไฟสายต่างๆ เช่น แปดริ้ว นครราชสีมา เพชรบุรี

ในรายงานปีที่ ๑๑ (พ.ศ.๒๔๕๐) ของกรมรถไฟหลวงกล่าวถึงรถพระที่นั่งว่า
 มีใช้งานทั้งในทางขนาดใหญ่ (สายโคราช สายเหนือ และสายตะวันออก)
 ซึ่งเป็นทางขนาดกว้าง ๑.๔๓๕ เมตร เป็นรถชนิด ๔ ล้อ ๑ คัน กับรถชนิด ๘ ล้อ (รถโบกี้) ๑ คัน
และใช้ในทางขนาดแคบ (สายเพชรบุรี) ซึ่งเป็นทางขนาด ๑.๐๐ เมตร เป็นรถชนิด ๘ ล้อ (รถโบกี้) ๑ คัน

สำหรับรถไฟพระที่นั่งที่กรมรถไฟหลวงน้อมเกล้าฯถวายเป็นพระราชพาหนะแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น
 เป็นรถพระที่นั่งกลางวัน ๑ คัน (จัดซื้อใน พ.ศ.๒๔๖๐) กับรถพระที่นั่งบรรทมอีก ๑ คัน (จัดซื้อใน พ.ศ.๒๔๖๙)

รถพระที่นั่งทั้ง ๒ คัน เป็นรถโดยสารแบบโบกี้ (มีแคร่องรับตัวรถ) ใช้ในทางขนาด ๑.๐๐ เมตร
ตัวรถสร้างด้วยไม้อย่างวิจิตรปราณีต โดยเฉพาะภายในได้รับการตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามตระการตา

รวมทั้งมีเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ทั้งนี้
 พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน
ผู้บัญาการกรมรถไฟสมัยนั้นทรงเป็นผู้แนะนำการออกแบบเบื้องต้นโดยละเอียด
 และดำเนินการสร้างโดยบริษัท
 Metropolitant Carriage Wagon & Finance Company Limited ประเทศอังกฤษ
 และเลิกใช้การเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๑ รวมอายุใช้การประมาณ ๕๒ ปี
 (ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์รถไฟ)




ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๑๔


ในปี พ.ศ.๒๕๐๓ รัฐบาลได้พิจารณาเห็นสมควรที่จะจัดหารถพระที่นั่งใหม่จำนวน ๓ คัน
 เพื่อใช้การแทนรถพระที่นั่ง ๒ คันแรก ซึ่งได้ใช้การมานาน มีสภาพชำรุดทรุดโทรม
สมควรที่จะปลดระวางเลิกใช้การ รถพระที่นั่งรุ่นใหม่นี้ประกอบด้วย
รถะพระที่นั่งประทับกลางวัน : พนก. (His Majesty's Day Saloon : HMD.)
 และรถพระที่นั่งกลางวันและบรรทม : พนก. (Royal Day and Night Saloon : RDN.)
และรถพระที่นั่งบรรทม : พนท. (His Majesty's Night Saloon : HMN.)
 โดยรัฐบาลได้มอบให้การรถไฟฯดำเนินการจัดหาใน พ.ศ.๒๕๐๖
จัดสร้างโดยบริษัทคราเวนส์ (Cravens) แห่งประเทศอังกฤษ
 รวมราคาทั้งหมด ๖๙๕,๐๓๐ เหรียญสหรัฐอเมริกา หรือประมาณ ๑๔ ล้านบาทในขณะนั้น

รถพระที่นั่งรุ่นนี้ตัวรถสร้างด้วยเหล็กชนิดเบา ใช้แคร่โบกี้รุ่นที่ทันสมัย
สามารถใช้ความเร็วเกินกว่า ๙๐ กม./ชม.
 ภายในตัวรถได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามเช่นเดียวกับรถพระที่นั่ง ๒ คันเดิม
ติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบสโตนแคเรียร์ มีเครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ตัวรถแต่ละคัน
 หรือจะรับกระแสไฟฟ้าจากภายนอกตัวรถก็ได้ การรถไฟฯได้น้อมเกล้าฯถวาย
เป็นพระราชพาหนะตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๐ และยังคงใช้
เป็นพระราชพาหนะเมื่อมีการเสด็จฯโดยทางรถไฟจวบจนกระทั่งปัจจุบัน




ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๑๕

โครงการตามแนวพระราชดำริที่เกี่ยวข้องกับการรถไฟแห่งประเทศไทย

ปอดของกรุงเทพมหานคร

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 พฤศจิกายน 2016, 17:32:09 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #328 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2014, 17:22:09 »


ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๑๖

ไตของกรุงเทพมหานคร





ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๑๗


โครงการป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานครและปริมณฑล(โครงการแก้มลิง)




สืบเนื่องจากการเกิดภาวะน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความห่วงใยและทรงศึกษาหาวิธีที่จะบรรเทาความเดือดร้อนของหมู่พสกนิกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนี้ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระดำริแก่องคมนตรีและหน่วยราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเข้ารับพระราชทานพระราชดำริ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๘ มีใจความโดยสรุปว่า "ให้ทุกๆฝ่ายร่วมมือกันเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่กรุงเทพมหานครโดยเร็ว ต้องขุดลอกคูคลองและกำจัดวัชพืชในคลองตามแนวดิ่ง พิจารณาก่อสร้างทำนบและประตูระบายน้ำพร้อมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำตามจุดต่างๆ โดยให้ระดมความร่วมมือกันในทุกๆหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน" และจากการที่ได้ทรงศึกษาสภาพการณ์แล้วได้มีพระราชดำริให้ช่วยเร่งระบายน้ำลอดไต้ทางรถไฟในเส้นทางสายตะวันออกเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อบรรเทาภาวะน้ำท่วมในบริเวณพื้นที่ข้างเคียงโดยรอบ

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยระบายน้ำลอดใต้ทางรถไฟจากด้านเหนือสู่ด้านใต้ให้รวดเร็ว เพื่อไหลลงสู่ทะเลโดยสะดวกยิ่งขึ้นและมีเป้าหมายเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล




ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๑๘

โครงการก่อสร้างทางรถไฟทดแทนช่วงที่ถูกน้ำท่วมตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสัก

สืบเนื่องจากวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาพัฒนาบริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสัก เพื่อใช้เป็นที่เก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ยามหน้าแล้ง และช่วยป้องกันอุทกภัยในยามหน้าฝน

เพื่อเป็นการสนองพระราชดำริ คณะกรรมการดำเนินงานซึ่งประกอบด้วยหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เริ่มดำเนินการ โดยสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำที่ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี (ภายหลังได้รัีบพระราชทานชื่อว่า "เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์") เมื่อโครงการสำเร็จตามแผนงาน จะได้พื้นที่เก็บกักน้ำถึง ๑๔,๕๒๐ ตารางกิโลเมตร แต่เมื่อเปิดเขื่อนใช้งานแล้วจะมีผลกระทบกับการคมนาคมตามเส้นทางเดิม เนื่องจากอยู่ต่ำกว่าระดับการเก็บกักน้ำ โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟช่วงสถานีแก่งเสือเต้น - สุระณารายณ์





ในหลวงกับรถไฟไทย
ลำดับภาพที่ ๑๙
โครงการมอบที่ดินให้โรงพยาบาลศิริราช สร้างศูนย์อุบัติเหตุ และพัฒนาปรับปรุงพื้นที่สถานีรถไฟธนบุรี
เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ




ในหลวงที่สถานีพิษณุโลก ๑๙ กันยายน ๒๕๑๓


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 พฤศจิกายน 2016, 17:33:01 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #329 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2014, 09:34:16 »






ตามรอยพ่อ

หมายกำหนดการพระราชพิธี
.
๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ สำนักพระราชวังแจ้งพระราชกิจพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
 พุทธศักราช ๒๕๕๗ ในวันที่ ๕ และวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๗
โดยวันที่ ๕ ธันวาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์
 และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
 ในพระบรมมหาราชวัง ในเวลา ๑๐.๓๐ น. โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 จะเสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งพุดตานกาญจนาสิงหาสน์
 ขอเชิญพสกนิกรร่วมเฝ้ารับเสด็จฯ โดยพร้อมเพรียงกัน







  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #330 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2014, 09:40:46 »

วันนี้ในอดีต
Information Division of OHM



"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2540 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก
 ณ พระตำหนัก จิตรลดารโหฐาน พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้
 นายเฟเดอริโก มายอร์ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาติ พร้อมคณะ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
 ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญที่จัดทำขึ้นในโอกาสครบ ๕๐ ปี
แห่งการก่อตั้งองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ





"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2540 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน
ไปในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์และทรงตรวจพลสวนสนาม
 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ลานพระราชวังดุสิต





  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 ธันวาคม 2014, 14:18:05 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #331 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2014, 09:47:51 »



 พิธีสวนสนามของหน่วยทหารรักษาพระองค์
พิธีสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ จัดขึ้นครั้งแรกในรัชกาลปัจจุบัน
 เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๖ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
 ไปพระราชทานธงชัยเฉลิมพลแก่กองพันต่าง ๆ แห่งกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์
ณ ลานพระราชวังดุสิต และได้พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์แก่ธงชัยเฉลิมพลเหล่านั้น
 กับพระราชทานพระบรมราโชวาท แล้วทรงรับการแสดงความเคารพจากขบวนทหารซึ่งสวนสนามผ่านที่ประทับ

หลังจากพิธีในครั้งนั้นก็ได้ว่างเว้นมาอีกเป็นเวลาหลายปี จนถึงเมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๐๔
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
 เสด็จพระราชดำเนินตรวจพลสวนสนาม เนื่องในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนิน
กลับจากการไปทรงเจริญพระราชไมตรีกับสหรัฐอเมริกา
และประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป ณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ต่อมา ในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๐๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระลานพระราชวังดุสิต
 ในมีพิธีสวนสนามของหน่วยทหารรักษาพระองค์
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่งจัดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรก

จากนั้น พิธีสวนสนามของหน่วยทหารรักษาพระองค์
ที่จัดขึ้นในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา จึงได้กำหนดให้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
 ณ พระลานพระราชวังดุสิต และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
กำหนดให้วันที่ ๓ ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันพิธี

และตั้งแต่ปี ๒๕๓๙ เป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
 ให้เปลี่ยนแปลงวันพิธีจากวันที่ ๓ เป็นวันที่ ๒ ธันวาคม จนถึงปัจจุบัน













  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #332 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2014, 09:52:48 »





ข่าวน่าปลื้มใจ ในหลวงทรงได้รับรางวัลจาก UN
 เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านดินโลก และกำหนดให้
วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันดินโลก กำหนดให้ปี 2558 เป็นปีดินโลกสากล
“ตามรอยปฐพีใต้ธุลีพระบาท นักวิทยาศาสตร์ดิน เพื่อมนุษยธรรม“




ประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
 เสด็จแทนพระองค์ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ
 ไปทรงร่วมงานเฉลิมฉลองวันดินโลกและเริ่มการจัดงานเฉลิมฉลองปีดินสากล ปี ๒๕๕๘ อย่างเป็นทางการ


"ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญาที่เฉียบแหลม กำลังกายที่สมบูรณ์"

พระราชปรารภพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


#พระมหาชนก
<a href="http://www.youtube.com/v/3QSqUEQngcU?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/3QSqUEQngcU?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>




  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ธันวาคม 2014, 15:36:04 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #333 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2014, 10:14:50 »

 


ตามรอยพ่อ

"ทูลกระหม่อมพ่อ" ตอนที่ ๑

หลายทศวรรษที่ผ่านมา แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงงานหนัก
 ทรงทุ่มเทพระองค์เพื่อประเทศชาติ และพสกนิกรชาวไทยจนแทบหาเวลาส่วนพระองค์ไม่ได้
แต่ก็มิได้หมายความว่าจะทรงละเลยบทบาทสำคัญ
ในฐานะพระราชบิดาของพระราชโอรสและพระราชธิดาทั้ง ๔ พระองค์

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
 ทรงสะท้อนถึงภาพความเป็นกษัตริย์ผู้ทรงงานหนักที่สุดในโลกของทูลกระหม่อมพ่อว่า..

"ท่านทำงานหนักมาก ทรงเสียสละมาก เป็นตัวอย่างที่ดีของลูกๆ
 ท่านไม่เคยคิดถึงความสุขของตัวเอง ท่านไม่เสด็จฯ ออกนอกประเทศนานแล้ว
 เพราะทรงห่วงประเทศมาก ท่านจะทรงคิดถึงแต่ประชาชนของท่าน
 และจะทรงสอนลูกๆ เสมอว่า ให้นึกถึงคนอื่นก่อนตัวเอง
 ก่อนจะไปสอนคนอื่นได้ เราต้องทำตัวให้เป็นที่น่าเชื่อถือ..

..ปกติจะไม่ได้สอนกันตรงๆ แต่จะทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างให้ลูกๆ ได้เรียนรู้จากการตามเสด็จฯ"

ภาพ : สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
ในอ้อมพระกร เมื่อวันคล้ายวันประสูติ ๕ เมษายน ๒๔๙๕





"ทูลกระหม่อมพ่อ" ตอนที่ ๒

พระราชดำรัสที่สั้น แต่ชัดเจนของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร
ที่หน้ากุฏิสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๘
 ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือเทิดพระเกียรติ "ในหลวงของเรา"
จัดทำโดย นายอัครวัฒน์ โอสถานุเคราะห์
 คงพอจะเปิดเผยให้เห็นถึงความรู้สึกเบื้องลึกในพระราชหฤทัย ที่พระราชโอรสองค์นี้มีต่อทูลกระหม่อมพ่อ..

"ข้าพเจ้าก็เป็นข้าพระบาทคนหนึ่งของพระเจ้าอยู่หัว
มีหน้าที่ต้องเคารพบูชาพระองค์เช่นเดียวกับท่านทั้งหลาย
ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งสุดจะพรรณนา ก็ตอบได้แต่เพียงเท่านี้"

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ธันวาคม 2014, 15:36:30 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #334 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 15:34:43 »



 "ทูลกระหม่อมพ่อ" ตอนที่ ๓

จากการตามเสด็จถวายการรับใช้อย่างใกล้ชิดที่สุด
ในฐานะที่ทรงเป็นราชเลขาส่วนพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
จึงทรงทราบดีถึงพระราชหฤทัยลึกๆ ของทูลกระหม่อมพ่อ
ได้พระราชทานสัมภาษณ์ไว้ในหนังสือเทิดพระเกียรติ "ในหลวงของเรา" ว่า..

"ทูลกระหม่อมพ่อจะพระราชทานคำแนะนำในทุกด้านที่ไปทูลถาม
เพราะทรงทราบทุกเรื่อง นอกจากนั้นยังทรงสนับสนุนในการค้นคว้าหาความรู้
 แต่ที่สำคัญที่สุด คือทรงสนับสนุนให้ใช้ความคิดในทุกด้าน
 ไม่เคยทรงเบื่อที่จะฟังการออกความเห็นในเรื่องต่างๆ
 จะทรงช่วยวิจารณ์ความคิดนั้นๆ และพระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติมด้วย..

ทูลกระหม่อมพ่อจะทรงใช้ในงานจิปาถะต่างๆ ไม่ได้มีหน้าที่แน่นอน
นอกจากได้สนองพระเดชพระคุณในการคอยดูแลสอดส่องทุกข์สุข
และให้กำลังใจประชาชน คอยดูแลในด้านงานอาชีพ"





"ทูลกระหม่อมพ่อ" ตอนที่ ๔

เมื่อทรงพระเยาว์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทุกพระองค์
 ทรงปฏิบัติตามตารางเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถวางไว้โดยเคร่งครัด
 ในฐานะที่ทรงเป็นสายพระโลหิตแห่งพระมหากษัตริย์ไทย
 ซึ่งทรงถือว่ามีหน้าที่ผูกพันกับประชาชนยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ของชาติใด
 แม้จะอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ก็ทรงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติเพื่อบ้านเมือง
 ในขณะที่พระสหายอื่นๆ มีหน้าที่เรียนเพียงอย่างเดียว

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
 มีรับสั่งเล่าถึงทูลกระหม่อมพ่อว่า..

"ปกติแล้ว ทูลกระหม่อมพ่อทรงให้คำแนะนำทางด้านเทคนิคเสียส่วนใหญ่
งานของพระองค์ท่านกับงานของฉันนั้นก็โยงกันบ้าง ไม่โยงกันบ้าง
อย่างกรณีฝนหลวง ท่านก็ทรงมีรับสั่งถามมาว่า
 ใช้สารเคมีอย่างนี้แล้วดีหรือยัง หรือสารเคมีอย่างนี้ ถ้าจะหามากๆ หาได้ที่ไหน.."



  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #335 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 15:50:40 »



คำพ่อสอน..'อย่าท้อ'

"..ขอรับรองว่าการทำให้ดีไม่ครึต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตน

ในความเพียรของตนต้องถือว่า..วันนี้เราทำยังไม่ได้ผล..อย่าไปท้อ บอกว่าวันนี้เราทำแล้วก็ไม่ได้ผล

พรุ่งนี้เราจะต้องทำอีก..วันนี้เราทำ..พรุ่งนี้เราก็ทำ..อาทิตย์หน้าเราก็ทำ..เดือนหน้าเราก็ทำ..

..ผลอาจได้ปีหน้า..หรืออีกสองปีหรือสามปีข้างหน้า...”

พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ
เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๖

ภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ ผลงานของ คุณสราวุธ อิสรานุวรรธน์





"ให้ความเก่งเป็นปัจจัยและพลังสำหรับการสร้างสรรค์

ให้ความดีเป็นปัจจัยและพลังประคับประคอง หนุนนำความเก่ง..ให้เป็นไปในทางที่ถูกที่ควร"

พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ ผลงานของคุณสุวิทย์ ใจป้อม





“การรู้จักประมาณตน ได้แก่
 การรู้จักและยอมรับว่าตนเองมีภูมิปัญญาและความสามารถด้านไหน เพียงใด
และควรจะทำงานด้านไหน อย่างไร การรู้จักประมาณตนนี้
 จะทำให้คนเรารู้จักใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ได้ถูกต้อง
 เหมาะสมกับงาน และได้ประโยชน์สูงสุดเต็มตามประสิทธิภาพ
 ทั้งยังทำให้รู้จักขวนขวายศึกษาหาความรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์อยู่เสมอ
 เพื่อปรับปรุงส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ในตนเองให้ยิ่งสูงขึ้น
”พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๑

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #336 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 15:59:44 »








  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #337 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 16:01:12 »

 


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #338 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 16:05:43 »



















  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #339 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 16:14:52 »



พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2517

"การมีความรู้ความถนัดทางทฤษฎีประการเดียว
ไม่เพียงพอที่จะทำให้บุคคลสามารถปฏิบัติงานได้เต็มที่
ผู้ที่ฉลาดสามารถแต่ในหลักวิชา โดยปรกติวิสัย
จะได้แต่เพียงชี้นิ้วให้ผู้อื่นทำ ซึ่งเป็นการไม่ศักดิ์สิทธิ์
ไม่อาจทำให้ผู้ใดเชื่อถือหรือเชื่อฟังอย่างสนิทใจได้
เหตุด้วยไม่แน่ใจว่าผู้ชี้นิ้วเองจะรู้จริง ทำได้จริงหรือหาไม่
 ความสำเร็จทั้งสิ้นเกิดขึ้นได้เพราะการลงมือกระทำ ดังนั้น
 ผู้ที่ชำนิชำนาญทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติจึงจัดว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน
 และมีขีดความสามารถสูง เป็นที่เชื่อใจและไว้วางใจได้ว่า
 จะดำเนินงานทั้งปวงอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถทำงาน
 สั่งงาน และสั่งคนได้อย่างถูกต้องแท้จริง"





ถวายพระเพลิง

หลาย ปีมากๆ แล้วเหมือนกัน ตั้งแต่พระเจ้าอยู่หัวยังทรงพระโอสถมวน (สูบบุหรี่) อยู่
คราวหนึ่งพระเจ้าอยู่หัวกำลังจะทรงพระโอสถมวน ยังไม่ได้ทรงจุด
 ท่านผู้หนึ่งที่เผอิญได้เข้าเฝ้าอยู่ในขณะนั้น จะเป็นใครผมก็ไม่ทราบลืมไปแล้ว
 ก็ปราดเข้าไปคุกเข่า จุดไฟแช็คถวาย แถมกราบบังคมทูลเสียด้วยว่า
 "ถวายพระเพลิง พะยะค่ะ"
 พระเจ้าอยู่หัวทรงพระสรวลเสียงดัง ตรัสด้วยพระอารมณ์สนุกว่า
 "ยัง ฉันยังไม่ตาย...."

ผู้ใหญ่ที่มาเล่าเรื่องนี้ต่อให้ผมฟังไม่ได้เล่าว่าตอนนี้สีหน้าผู้ที่จะ
 "ถวายพระเพลิง" เป็นอย่างไร

ขอบคุณที่มา : จากหนังสือในหลวงที่สุดของหัวใจ




  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #340 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 16:23:04 »



เรื่อง "เดิมพันของเรา"

ครั้งหนึ่ง เมื่อหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
กราบบังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า
 "เคยทรงเหนื่อย ทรงท้อบ้างหรือไม่"
ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสตอบว่า
ความจริงมันน่าท้อถอยหรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย
แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน
 เดิมพันของเรานั้นคือบ้านคือเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ


ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐ ฉบัย 5 ธ.ค.32
ขอบคุณภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต





ไปรษณียบัตรลายพระราชหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อครั้งทรงพระเยาว์
ทรงเขียนถึงสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า
พระราชมารดาในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชน




  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #341 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 16:27:45 »



ในหลวงของฉัน

พระองค์ทรงเป็นกำลังใจ
ระหว่างพระราชทานเลี้ยงปีใหม่แก่ผู้ป่วย พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้ป่วย
 อย่างไม่ถือพระองค์ นำมาซึ่งความปิติยินดี
 พร้อมสร้างขวัญและกำลังใจแก่ทุกผู้คนที่ได้มาร่วมเข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิด





ในหลวงของฉัน

ขวัญและกำลังใจที่พระราชทานให้มีค่าล้นพ้น
ระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมและทอด พระเนตร
การฝึกเดินของทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับผู้ก่อการร้าย
พระองค์มีพระราชดำรัสให้กำลังใจแก่ผู้บาดเจ็บ ดังพระราชดำรัสมีต่อทหารนายหนึ่งว่า
"ถ้าพวกเราไม่ช่วยกันทำ ก็คงไม่มีใครทำ
เราทำเพื่อคนไทยทุกคน ฉันเป็นห่วงเหลือเกิน ขอให้อดทน"


ลอง กดเข้ามาดู
เรารักในหลวง


https://www.facebook.com/video.php?v=728504820570311&set=vb.723336277753832&type=2&theater

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #342 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 16:39:27 »



รถยนต์ส่วนพระองค์ สมเด็จพระเทพฯ ทรงติดป้ายสติ๊กเกอร์ ขออภัยมือใหม่

แสงสปอร์ตไลท์ฉายจับภาพรถยนต์พระที่นั่งของ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เนื่องเพราะมีผู้ใคร่รู้ว่าพระองค์ท่านมีรถยนต์ส่วนพระองค์กี่คัน ท
รงขับเป็นไหม ใครกันหรือคือพระอาจารย์ผู้ถวายการสอน

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เริ่มทรงหัดขับรถยนต์
หลังรับพระราชทานปริญญาเอกสาขาโบราณคดี
จากมหาวิทยาลัยศิลปากร พระอาจารย์ผู้ถวายการสอนคือ
 กลุ่มพระสหายร่วมรุ่นอักษรศาสตร์จุฬาฯ แต่ไม่วายฉงนกันว่าถวายการสอนตำราไหน
 เพราะทุกวันนี้พระองค์ท่านทรงขับได้ทะมัดทะแมงแค่เดินหน้า
 ไม่สันทัดขับถอยหลัง มักหยุดจอดให้มหาดเล็กช่วยถอยบ่อยครั้ง

ทรงมีรถยนต์ส่วนพระองค์หลายคัน เป็นรถที่ในหลวงพระราชทานบ้าง
มีผู้น้อมเกล้าฯ ถวายบ้าง และทรงมีพระกรุณาธิคุณพระราชทาน
บางคันแก่ผู้ถวายงานใกล้ชิดที่บ้านอยู่ไกล ไม่สะดวกในเรื่องพาหนะเดินทาง
 รถยนต์ส่วนใหญ่มักผลิตจากญี่ปุ่น เป็นต้น นิสสัน ลิฟต์แบ็ก สีแดงเพลิง
 เลขทะเบียน ด-๒๕๓๔ ที่ทรงมีพระอารมณ์ขัน ติดป้ายสติ๊กเกอร์ข้อความ
 ขออภัยมือใหม่ ไว้ตรงกระจกหลัง
และภายในรถตกแต่งด้วยตุ๊กตาตัวเล็กตัวน้อยหลายแบบ

ที่ทรงโปรดอีกสามคันคือ รถยนต์บีเอ็มดับบลิว ๓๑๘ สีแดงเข้ม
 บรอนซ์ กับฮอนด้า ซีวิค สีขาว และวอลโว่ปี ๑๙๙๕ รุ่น ๘๕๐
สปอร์ตแวกอน ๒๕๐๐ ซีซี สีขาว เลขทะเบียน ๑ด-๒๕๔๐
 เป็นรถระบบไบฟอลย์ปลอดมลภาวะใช้ได้ทั้งก๊าซและน้ำมันที่
วันนิวัติ ศรีไกรวิน กรรมการบริหารบริษัท สวีเดน
 มอเตอร์ส จำกัด (มหาชน) ทูลเกล้าฯ ถวาย
ทรงมีรับสั่งว่า วอลโว่คันนี้ นั่งนุ่มดี นั่งได้หลายคน

ทรงมีใบอนุญาตขับขี่ส่วนบุคคลอย่างถูกต้อง ทรงเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
คราวหนึ่งเคยรับสั่งว่า บางครั้งอยากขับซิ่งบ้าง แต่ไม่อาจทำได้เพราะขับแต่ระยะสั้นๆ
 ภายในบริเวณวังสวนจิตร เวลาเสด็จฯ ออกนอกเขตพระราชฐานหรือเสด็จต่างจังหวัดไม่เคยได้ขับเลย

สกุลไทย (วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓)
ที่มา : หนังสือใกล้เบื้องพระยุคลบาท โดย...ลัดดา ซุบซิบ




 สมเด็จพระเทพฯ

บทเรียนจากการนับข้าวสาร

เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงมีพระชนมายุ 8 พรรษานั้น
 ได้เคยทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ข้าวสาร 1 กระสอบมีกี่เม็ด

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอธิบายว่า ข้าวสาร 1 กระสอบ
มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม กิโลกรัมหนึ่งมีเครื่องชั่งวัดได้ 10 ขีด
 ดังนั้น ก็เอาภาชนะไปตวงข้าวสารมาชั่งได้ 1 ขีด
 แล้วก็นับข้าวสารที่ตวงมานั้นมีกี่เม็ด แล้วก็เอา 10 คูณ
เสร็จแล้วเอา 100 คูณผลลัพธ์อีกทีก็จะได้จำนวนเม็ดข้าวใน 1 กระสอบ

สมเด็จพระเทพฯ ทรงทูลว่า ไม่อยากรู้แล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สอนว่า ไม่ได้หรอก หากถามก็แสดงว่าอยากรู้
 ดังนั้น จงไปหาข้าวสารมาตวงและนับเสีย เมื่อได้ผลเป็นอย่างไร
ให้มาบอกด้วยว่าข้าวสารหนึ่งกระสอบมีกี่เม็ด
เพราะว่าก็อยากรู้เหมือนกันนับเป็นบทเรียนสำคัญที่
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้แก่สมเด็จพระเทพฯ ทีเดียว

ที่มา หนังสือความสุขของสมเด็จพระเทพ






สมเด็จพระเทพฯ

พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
 เมื่อครั้งพระองค์เสด็จ พระราชดำเนินเกาะปูยู ตำบล อำเภอเมือง จังหวัดสตูล

นับเป็นพระฉายาลักษณ์ที่ เมื่อพสกนิกร ชาวไทยได้เห็นต่างอมยิ้มอย่างมีความสุข
จนได้รับกล่าวขานกันว่า เป็นขบวนเสด็จฯที่น่ารักที่สุดในโลก





สมเด็จพระเทพฯ

ความสุขเมื่อทรงดนตรี ทรงหัดดนตรีไทยชิ้นแรก ได้แก่ ซอด้วง
 สิ่งที่ทำให้พระองค์มีความสนพระทัยในดนตรีนั้น คือเพลงลูกทุ่ง
 และพระองค์ทรงมีความสามารถในทางดนตรีสากลด้วย มีเหตุการณ์
ที่น่าประทับใจ และเรียกรอยยิ้ม สมเด็จพระเทพฯ ทรงสีซอ
 “เพลงเขมรไทยโยค” ให้ควายฟัง ที่โรงเรียนกาสรกสิวิทย์
จังหวัดสระแก้ว ตามที่มีสุภาษิตไทยที่ว่า “สีซอให้ควายฟัง”
เมื่อทรงสีซอเสร็จแล้ว ทรงมีรับสั่งว่า”เดินหนีเลย”
 สรุปแล้วควายกะหมาเหมือนกัน เสียงมันแสบแก้วหู เสียงมันแหลม”

ที่มา หนังสือความสุขของสมเด็จพระเทพฯ

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ธันวาคม 2014, 16:59:29 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #343 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 16:59:03 »







พระจริยาวัตรอันงดงามของในหลวงที่มีต่อสมเด็จย่า ยังคงตราตรึงใจพสกนิกร ชาวไทย

ภาพในหลวงทรงประคองสมเด็จย่า เวลาเสด็จพระราชดำเนินไปในที่
ต่าง ๆ เป็นภาพที่คนไทยได้เห็นพระองค์ท่านปฏิบัติจนเคยชิน ในทุกหนแห่ง

พระองค์ท่านรับสั่งว่า "ตอนเล็ก ๆ แม่ประคองเรา สอนเราเดิน
หัดให้เราเดิน เพราะฉะนั้น ตอนนี้แม่แก่แล้ว เราต้องประคองแม่เดิน"
เป็นภาพที่ประทับใจคนไทยมากและซาบซึ้งที่พระองค์ท่านกตัญญูต่อ
สมเด็จย่า โดยประคองสมเด็จย่าเดิน

........
มื่อคราวที่สมเด็จย่าประชวรอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ในหลวงเสด็จ
ไปเยี่ยมไปเฝ้าวันละหลายชั่วโมง ไปทุกวัน ไปให้ความอบอุ่น

คราวหนึ่งในหลวงประชวร สมเด็จย่าก็ประชวร อยู่โรงพยาบาลศิริราช
ด้วยกัน แต่คนละมุมตึก ตอนเช้าในหลวงทอดพระเนตรเห็นพยาบาลกำลัง
เข็นรถสมเด็จย่าออกมารับลมผ่านหน้าห้องพอดี ในหลวงพอเห็นสมเด็จย่า
ก็รีบออกจากห้องมาแย่งพยาบาลเข็นรถ แม้มหาดเล็กจะกราบทูลว่า
"ไม่เป็นไร ไม่ต้องเข็น มีพยาบาลเข็นให้อยู่แล้ว"

ในหลวงมีรับสั่งว่า "แม่ของเรา ทำไมต้องให้คนอื่นเข็น เราเข็นเองได้"







 

พระกระยาหารโปรดของในหลวง

ขออย่าได้แปลกใจไปเลย ที่เมนูพระกระยาหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 แต่ละมื้อหาได้วิเศษเลอเลิศอย่างที่เข้าใจกันไม่ แต่เป็นอาหารธรรมดา
ที่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทั้งหลานบริโภคกันทุกวันนั่นเอง

ในหลวงโปรดเสวยอาหารอ่อนแบบอาหารฝรั่ง อาหารไทย โปรดผัดผักทุกชนิด
 เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา โดยใส่ผักให้มากๆ
 หมูเนื้อใส่น้อยๆ อาหารว่างเคยโปรดหูฉลามและบะหมี่
จะใส่หน้าหมูแดง หน้าเป็ด หน้าปู ได้ทั้งนั้น แต่ต้องไม่ใส่ผักชี
ใบหอม ต้นหอม และตังฉ่าย เครื่องดื่ม โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ
 เคยเสวยวันหนึ่งๆ หลายครั้ง น้ำ ชา กาแฟ ไม่มากนัก
พระกระยาหารหรือเครื่องเสวยประจำวันที่นำมาให้ดูกันมี

เครื่องกลางวัน ซุปอาสาเรน (ซุปใสใส่ไข่) สปาเกตตีมิลานเนส แกงจืดเซ่งจี๊ ผัดไก่เล่าปี่
 ปูเค็มต้มกะทิ หลนปลากุเรา ผัดเผ็ดปลาดุกทอดฟู กล้วยหักมุกเชื่อม ไอศกรีม ผลไม้
ยามดึกเมื่อเสด็จกลับจากพระราชกิจ มหาดเล็กจะตั้งเครื่องว่างจำพวกหูฉลามหรือบะหมี่ถวายอีกครั้งหนึ่ง
หัวหน้าส่วนพระเครื่องต้น ณ พระตำหนักจิตรลดาฯ คนปัจจุบันชื่อ
เอกสิทธิ์ วัชรปรีชานนท์ มีพระเครื่องต้นอยู่ ๓ ห้อง ผู้กำกับดูแลอย่างไม่เป็นทางการในแต่ละห้องมี
 ลูกหลานกุ๊กแต่รัชสมัย ร.๖ เป็นคนจีนชื่อ เยี่ยหง แซ่ห่าน ดูแลพระเครื่องต้นฝรั่ง สมิง ดวงทิพย์
 ดูแลพระเครื่องต้นหวาน ท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล
มารดาวัย ๘๐ ต้น ของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ดูแลพระเครื่องต้นไทย
ผู้จัดการรายสัปดาห์

(วันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๔๕)
ที่มา : หนังสือ




  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #344 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 17:14:46 »



วันนี้ในอดีต

๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ (ค.ศ. 1966) - จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม
 พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เข้าเฝ้าทูลเกล้าฯ
ถวายพระคทาจอมพลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เนื่องในวโรกาสที่มีพระชนมพรรษาเข้าปีที่ ๔๐
และขอพระบรมราชานุญาตขนานนามพระคทาองค์ใหม่เป็นพิเศษว่า พระคทาจอมทัพภูมิพล

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสตอบในการเสด็จพระราชดำเนินออกรับ
พระคทาจอมทัพภูมิพล มีข้อความบางตอนดังนี้
"...ข้าพเจ้ายินดีรับไว้ด้วยความเต็มใจ และจะถือว่าคทาจอมทัพ
เป็นเสมือนเครื่องหมายแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกองทัพทั้งสาม
อิสรภาพ ความมั่นคง ตลอดจนความเจริญรุ่งเรืองของประเทศเรา
 ขึ้นอยู่กับกิจการทหารเป็นสำคัญตลอดมาทุกยุคทุกสมัย
 เพราะเมืองไทยนี้เป็นเมืองทหาร คนไทยทุกคนมีเลือดทหารเป็นนักต่อสู้
ผู้รักและหวงแหนความเป็นไทยยิ่งด้วยชีวิต...

ทหารมีหน้าที่ป้องกันรักษาประเทศ หน้าที่นี้นอกจากในด้านการรบแล้ว
ยังมีด้านอื่นที่สำคัญเท่าเทียมกันอยู่อีกคือ การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประชาชน
ต้องสงเคราะห์อนุเคราะห์ประชาชนด้วยการให้ความคุ้มครองป้องกัน
 และช่วยเหลือในความเป็นอยู่ ตลอดถึงการแนะนำสนับสนุนในการครองชีพด้วย...
... ขอท่านทั้งหลายจงร่วมมือร่วมใจกัน ทำหน้าที่ของทหารให้สมบูรณ์ทุกด้าน
มีความพรักพร้อมเป็นใจเดียวกัน ประกอบกรณียกิจ
เพื่อความมั่นคงเจริญรุ่งเรืองของประเทศ และความร่มเย็นเป็นสุขของประชาราษฎรไทยทุกคน..."


ที่มา วิกิพีเดีย , กระทรวงกลาโหม




พิธีสวนสนามเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
3 ธันวาคม 2557
ขอบคุณที่มาโดย http://www.nationtv.tv/
















  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #345 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 17:15:21 »














  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #346 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 17:23:12 »
















  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #347 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 17:33:35 »



เปิดชมฟรี “ทศพิธธรรมราชา” (๕ ธ.ค. นี้)

.... วันพ่อปีนี้ ปี ๒๕๕๗ ( ๕ ธันวาคม) ถ้าใครยังไม่มีโปรแกรมพาคุณพ่อไปไหน ลองพาไปชมภาพยนตร์เทิดพระเกียร์ติ

อยากให้คนไทย เข้าไปชมภาพยนตร์ชุดนี้กันเยอะๆนะครับ
 เผื่อบางทีหลักธรรมคำสอนเหล่านี้ จะช่วยให้เรา
 ตั้งมั่นอยู่ในสิ่งที่ดีงาม เพื่อความสุขของชีวิตเราเอง
เชิญชม(ฟรี)ภาพยนตร์สั้นชุด “ทศพิธธรรมราชา” ๕ ธันวาฯ นี้

"มูลนิธิไทยพึ่งไทย" เชิญชมภาพยนตร์สั้นชุด “ทศพิธธรรมราชา”
โดย ๑๐ ผู้กำกับและ ๑๐ หนังสั้นที่สร้างจากหลักทศพิธราชธรรมในการครองแผ่นดินของ
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา
๕ ธันวาคม และโอกาสฉลองสิริราชสมบัติ ๖๘ ปี

วันที่ ๕ ธันวาคมนี้ สามารถติดต่อขอรับบัตรได้ที่ http://www.ทศพิธธรรมราชา.com/home/ticket

๑. ทาน
เรื่อง "บ้านของบุญเหม็น"
กำกับ - อรรถพร ธีมากร/นักแสดง - อ้อม พิยดา, เยิ่น ต๊ะ หัว

...บางครั้งการที่เราให้ทานกับใครซักคนไปและ คนคนนั้นเป็นผู้รับ
 ผู้รับคนนั้นอาจจะเป็นคนให้ ทานที่ยิ่งใหญ่กว่าผู้ให้คนนั้นก็ได้
ขึ้นอยู่ที่เจตนา และความบริสุทธิ์ใจในการให้ทาน
โดยที่ไม่หวังผล ตอบแทนจากการให้ทานนั้น...

พระเอกซุปตาร์แถวหน้ารุ่นใหญ่ของฮ่องกง “เยิ่นต๊ะหัว”
 บินด่วนจากเมืองจีน เพื่อมาเข้าฉากถ่ายทำภาพยนตร์เฉลิมพระเกีย¬รติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโครงการ “ทศพิธธรรมราชา”
ที่วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร วันนี้ ซึ่งทันทีที่พระเอกรุ่นใหญ่ทราบข่าวว่า
จะมีโครงการนี้เกิดขึ้นจากปากของ “แซม ยุรนันท์”
เพื่อนซี้ที่มานั่งแท่นผู้อำนวยการผลิต “เยิ่นต๊ะหัว”
จึงรีบเสนอตัวเพื่อร่วมแสดงด้วยทันที
...โดยไม่รับเงินค่าตัวแม้แต่บาทเดียว... เพราะชื่นชมใน¬พระบารมี
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเช่¬นเดียวกับประชาชนชาวไทย
// โดยตอน “บ้านของบุญเหม็น” เยิ่นต๊ะหัว รับบทเป็น ขอทาน
ที่มีความศรัทธาต่อในหลวง ประกบกับ “อ้อม พิยดา”
 ซึ่งทันทีที่เข้าฉากถ่ายทำเสร็จในวันนี้
 ซุปตาร์ฮ่องกงก็จะบินกลับเมืองจีน เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ต่อทันที

https://www.youtube.com/watch?v=Rd4j8h6anCc

๒. ศีล
เรื่อง "ศีล”
กำกับ - ฐิติพงศ์ ใช้สติ/นักแสดง - ยุรกานต์ ภมรมนตรี, ธวัช พรรัจนประเสริฐ.
..เมื่อเรามีศีล ศีลจะช่วยยกจิตใจของเราให้สูงขึ้น
 ให้พ้นจากเรื่องร้ายๆ เมื่อเราคิดดี ทำดี ก็จะพบเจอ แต่สิ่งดีๆ เสมอ...


๓. บริจาค
เรื่อง "สวรรค์ของสุธี"
กำกับ - หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล"/นักแสดง - กัน กันตถาวร, จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทน...
การบริจาคถือเป็นการที่กระทำที่ดีงามและ น่ายกย่องเสมอ
ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย กับคนรอบตัว หรือจะเป็นเรื่องใหญ่ระดับสังคม ประเทศชาติบ้านเมือง...


๔. ความซื่อตรง
เรื่อง "การตัดสินใจครั้งสุดท้าย"
กำกับ - เตชินท์ ทิวสมบุญ/นักแสดง - สุพจน์ จันทร์เจริญ, สายป่าน อภิญญา, ประกาศิต โบสุวรรณ..
.ความซื่อตรง ไม่ใช่การแสดงออกให้คนอื่นเห็น แค่เพียงเปลือกนอก
แต่มันต้องมาจากความคิดและ ความรู้สึกที่อยากจะทำอย่างนั้น ด้วยความบริสุทธิ์ ใจจริงๆ...


๕. ความอ่อนโยน
เรื่อง "โชคดีที่ผมโชคร้าย"
กำกับ - เสรเทพ เวศวงศ์ษาทิพย์/นักแสดง - ชาคริต แย้มนาม
...ความอ่อนโยน คือสิ่ง ที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกับ ผู้อื่นได้ดีที่สุด
คนเราต่อให้เก่งหรือมีอำนาจล้นฟ้า แค่ไหน แต่ถ้าขาดความอ่อนโยน
ขาดสัมมาคารวะ สิ่งเดียวที่เขาจะไม่มีวันทำสำเร็จได้เลยคือ
 การทำ ให้คนแวดล้อมตัวเขานั้นรักเขาได้...


๖.. ความเพียร
เรื่อง "ความเพียร"
กำกับ - เพื่อน ภาคภูมิ/นักแสดง - วะโฮรัมย์ (นักกีฬาวิลแชร์)
...ความเพียรเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้บรรลุใน เป้าหมายแต่ต้องใช้อย่างมีสติ
และเหตุผลถึงจะ ประสบความสำเร็จ...


๗. ความไม่โกรธ
เรื่อง "เรื่องขี้หมา"
กำกับ - บัณฑิต ทองดี/นักแสดง - สายเชีย วงศ์วิโรจน์, โก๊ะตี๋ อารามบอย.
..แน่นอนว่าความโกรธไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดหรือ
เกิดจากความผิดของใครก็ตามแต่บทสรุปของมันก็
จะนำมาซึ่งความเสียหายต่อร่างกาย จิตใจหรือ
ทรัพย์สินของผู้ที่มีความโกรธทั้งสิ้นเพราะฉะนั้นเมื่อ
 มีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องโกรธถ้าเรารู้จักควบคุมความ โกรธไว้ก็จะไม่มีผลเสียใดๆ ตามมา..
.

๘. ความไม่เบียดเบียน
เรื่อง "โรงเรียนบ้านน้อยล่าง"
กำกับ - บาส ณัฐวุฒิ พูนพิริยะ/นักแสดง - กฤษดา สุโกศล แคลปป์,
เดวิด อัศวนนท์, ณัฐวุฒิ ศรีหมอก...

การเอาคืนกับสิ่งที่ตนถูกกระทำหรือถูกเบียดเบียน นั้น
ผลลัพธ์มันไม่เหมือนสมการเสนอไปมันไม่ใช่ ๔ - ๔ = ๐ หรือ ๔ - ๒ = ๒
ทุกอย่างมันมีความ หมายมากกว่านั้น มันคือ
ระยะเวลาความรู้สึก จิตใจ ซึ่งกว่าจะผ่านจุดนั้นมา มันไม่มีอะไรมาชดเชยได้...


๙. ความอดทน (ขนฺติ)(ขันดิ)
เรื่อง "พิกัดที่เที่ยงตรง"
กำกับ - ธนิตย์ จิตนุกูล/นักแสดง - ปิยะ ตระกูลราษฎร์, คริส หอวัง
...เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะต้องพบเจอกับอุปสรรค ทั้งนั้น
 ถ้าเราไม่มีความอดทน ก็อาจจะทำให้พ่ายแพ้
 ต่ออุปสรรคเอาง่ายๆ ซึ่งไม่มีทางจะพบกับความสำเร็จ ได้เลย...


๑๐. ความเที่ยงธรรม
เรื่อง "หวง"
กำกับ - โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ/นักแสดง - สุทธสิทธิ์ พจน์ฐศักดิ์, พิมลรัตน์ พิศลยบุตร
...ความเที่ยงธรรมคือ ความซื่อสัตย์ต่อจรรยาบรรณ ธรรมชาติ ศีลธรรม และลงมือปฏิบัติบางอย่างเพื่อ รักษามัน...

credit : http://www.manager.co.th/Entertainment

@@@ สำหรับใครอยากดูภาพยนตร์ของปี ๒๕๕๖ สามารถดูได้ ๙ เรื่อง ในลิ๊งค์นี้  https://www.facebook.com/photo.php?fbid=589313314548799&set=a.209622822517852.71949.100004104076650&type=1&theater

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #348 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 17:41:57 »






๔ ธันวาคม วันสิ่งแวดล้อมไทย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทาน
เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๒
 ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน สรุปใจความว่า
ทรงห่วงใยต่อสถานการณปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและของโลก
ที่มีความรุนแรงขึ้น ทั้งตรัสเตือนพสกนิกรให้ร่วมมือแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
ด้วยความสุขุมรอบคอบ ให้ถือเป็นหน้าที่ของทุกคนต้องปฏิบัติ
มิใช้เพียงเพื่อประเทศไทยเท่านั้น หากเพื่อความอยู่รอดของโลกด้วย

นับเป็นจุดเริ่มของการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม ทั้งหน่วยงานรัฐเอกชน
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
และสิ่งแวดล้อมจึงขอมติคณะรัฐมนตรีเห็นควรประกาศเมื่อ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๔
กำหนดให้ ๔ ธันวาคม ของทุกปีเป็น วันสิ่งแวดล้อมไทย
 เพื่อกระตุ้นให้ชาวไทยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในการตระหนักถึงความสำคัญ
ร่วมกำลังกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้คงอยู่ต่อไป






"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2544 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
 พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2544

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #349 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2014, 17:46:56 »



เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ชั้น ๑๔ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ สตีเฟน นอร์ตคลิฟฟ์ (Emeritus Professor Dr. Stephen Nortcliff)
กรรมการบริหารและอดีตเลขาธิการสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ
 พร้อมคณะผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้อง เฝ้าทูลละอองพระบาท
ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม
 (The Humanitarian Soil Scientist)
สดุดีพระเกียรติคุณ และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้วันที่ ๕ ธันวาคม ของทุกปี เป็น “วันดินโลก”

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ที่ประชุมสมัชชาหสประชาชาติ
 สมัยสามัญที่ ๖๘ มีมติรับรองให้วันที่ ๕ ธันวาคม เป็นวันดินโลก
 (World Soil Day) และให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีดินสากล
(International Year of Soils in 2015)
ซึ่งประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติกว่า ๒๐๐ ประเทศ
จะจัดงานเฉลิมฉลองวันดินโลกพร้อมกัน เพื่อให้วันดังกล่าวเป็นที่รู้จักแพร่หลาย
ในระดับนานาชาติเกิดความต่อเนื่องและจริงจังในการรณรงค์ด้านทรัพยากรดินในทุกระดับ

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
แท็ก:
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 [14] 15 16 17 18 19 20   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค "เว็บมหาชน คนมหาโชค"
 
คติ "กินอยู่อย่างพอเพียง เสี่ยงโชคแต่พอควร"
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย
คำเตือน -ทางเว็บไม่ได้ทราบเป็นการล่วงหน้าว่าหวยทางกองสลากจะออกตัวไหน แต่เราใช้การวิเคราะห์หรือประเมินตามหลักสถิติ
หรือวิธีการอื่นว่า เลขที่มีโอกาสออกมากที่สุดในแต่ละงวดควรจะเป็นเลขอะไรเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ การเล่นหวยถือว่ามีความเสียงมาก
Sitemap | Contact | WAP | xHTML | iMode | WAP 2 | RSS

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines | Sitemap
อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน ©
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.214 วินาที กับ 23 คำสั่ง
Copyright (c) 2008-2022 apichokeonline.com