แล้วใครล่ะ...จะไม่รัก..

[FIRE]

[FIRE]

ความรักผ่านสายพระเนตร จากคลิป ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

เมื่อครั้งงานพระราชพิธีครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พ.ศ.๒๕๔๙ ..ภายในพระที่นั่งอนันตสมาคม

<a href="http://www.youtube.com/v/B52EPEm9niA?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=1&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/B52EPEm9niA?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=1&amp;loop=1</a>

พระนามเล่น พระบรมวงศานุวงศ์ไทย
ทุกพระองค์ ในรัชกาลที่ ๙
๑. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
มีพระนามเล่นว่า "เล็ก"
๒. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
มีพระนามเล่นว่า "สิริ"
๓. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
มีพระนามเล่นว่า "ชาย"
๔. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
มีพระนามเล่นว่า "น้อย"
๕. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
มีพระนามเล่นว่า "เล็ก"
๖. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
มีพระนามเล่นว่า "ปูเป้" หรือ "หญิง"
๗. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
มีพระนามเล่นว่า "เอ๋ "
๘. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
มีพระนามเล่นว่า "ภา"
๙. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์
มีพระนามเล่นว่า "หญิง"
๑๐. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ
มีพระนามเล่นว่า "ที"
๑๑. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์
มีพระนามเล่นว่า "หริภา"
๑๒. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ
มีพระนามเล่นว่า "ติ๊ด"
๑๓. คุณพลอยไพลิน เจนเซน
มีพระนามเล่นว่า "พลอย" หรือ "พะพอย"
๑๔. คุณสิริกิติยา เจนเซน
มีพระนามเล่นว่า "ใหม่"

[FIRE]

ภาพชุดที่อบอวลด้วยความรักที่นำพาความเป็นสิริมงคลให้กับพวกเราเหล่าพสนิกรชาวไทย















ภาพชุดที่อบอวลด้วยความรักที่นำพาความเป็นสิริมงคลให้กับพวกเราเหล่าพสนิกรชาวไทย

[FIRE]

[FIRE]

 

 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้
 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
 เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ เป็นองค์ประธานในงานสโมสรสันนิบาต
 พร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
 เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2557
 ณ สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 7 ธันวาคม 2557 เวลา 19.00 น.
โดยมีนายกรัฐมนตรีและคู่สมรส เฝ้ารับเสด็จฯ
กล่าวถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำกล่าว "ทรงพระเจริญ"
ภาพ.ทำเนียบรัฐบาล

[FIRE]

ชมฟรีครบ ๗ ตอน (ของปี ๒๕๕๖) และ ๓ ตอน (ของปี ๒๕๕๗) ที่นี่

ภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันจากบทพระราชนิพนธ์ เรื่อง “พระมหาชนก”
ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๗ พรรษา เริ่ม ๕ ธันวาคมนี้
ได้จัดเผยแพร่ทั้งในโรงภาพยนตร์ และทางสถานีโทรทัศน์ รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย

ในส่วนนี้ได้รวบรวมมาให้เพื่อนพี่น้องได้รับชมพร้อมกัน ณ ที่นี่แล้ว

ภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชัน พระมหาชนก

ได้รวบรวมมาให้เพื่อนพี่น้องได้รวมกันชม ในที่นี่แล้ว (ไม่ต้องรอดูทางทีวี)

@@@@ ปี ๒๕๕๖
พระมหาชนก EP.1: http://youtu.be/ezknIe3ZkDo
พระมหาชนก EP.2: http://youtu.be/HcW3TmNfY7U
พระมหาชนก EP.3: http://youtu.be/cbfSisqQ4Gc
พระมหาชนก EP.4: http://youtu.be/eGsFklaIABU
พระมหาชนก EP.5: http://youtu.be/gKVvYhSXszI
พระมหาชนก EP.6: http://youtu.be/Im8BxLxOqJk
พระมหาชนก EP.7 จบ: http://youtu.be/Xq3cEYPOJQY
ขอบคุณผู้จัดรวบรวมลิ๊งก์ ทั้งเจ็ดมาพวกเราได้ชมกันมา
 ณ ที่นี่ด้วย ผู้จัดรวบรวมคือคุณ ราชบัลลังก์ ภักดีจักรีภูมินทร์

@@@@ ปี ๒๕๕๗
ภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันเรื่อง “พระมหาชนก”
ตอนที่ 1 กำเนิด : https://www.youtube.com/watch?v=pR9N7k-DCss
ตอนที่ 2 ความเพียร : https://www.youtube.com/watch?v=NFaFA_PvRQ4
ตอนที่ 3 ปัญญา : https://www.youtube.com/watch?v=FtCCiopP54I

และพระมหาชนก เดอะฟีโนมีนอนไลฟ์โชว์
(MAHAJANAKA the Phenomenon Live Show)
https://www.youtube.com/watch?v=I9k8nsRKoaE

<a href="http://www.youtube.com/v/I9k8nsRKoaE?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/I9k8nsRKoaE?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>

ขอบคุณผู้จัดรวบรวมลิ๊งก์ ของปี ๒๕๕๗ ทั้งสามและ อีกหนึ่ง
 เดอะฟีโนมีนอนไลฟ์โชว์ มาพวกเราได้ชมกันมา
 ณ ที่นี่ด้วย ผู้จัดรวบรวมคือคุณ Tum Zaa

กลับมากล่าวถึงในส่วนของภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันเรื่อง “พระมหาชนก”
ของปี ๒๕๕๗ นี้เพื่อให้ตรงตามเนื้อหาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรม ซอฟต์แวร์ แห่งชาติ
 (องค์การมหาชน) หรือ SIPA ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์
 กราฟิกส์ไทย หรือ TACGA จัดทำขึ้นจากบทพระราชนิพนธ์เรื่อง
 พระมหาชนก ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉบับการ์ตูนภาพสี่สี

โดยมีบริษัทผู้ผลิตแอนิเมชัน ๑๕ บริษัทร่วมกันผลิต ได้แก่ บริษัท กันตนา โพสท์ โปรดักชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด,
 บริษัท กันตนา ซาวด์ สตูดิโอ จำกัด, บริษัท กันตนา แอนนิเมชั่น สตูดิโอ จำกัด,
บริษัท ฮิวแมน ฟาร์ม วีเอฟเอ็กซ์ สตูดิโอ จำกัด, บริษัท ออลเทอร์เนท สตูดิโอ จำกัด,
 บริษัทแอนิเมเนีย จำกัด, บริษัท วิธิตา แอนิเมชั่น จำกัด, บริษัท อิเมจิแมกซ์ จำกัด,
 บริษัท สตาดิโอ จำกัด, บริษัท เร็นเดอร์ริ่ง มีเดีย คอมมิวนิเคชั่น จำกัด,
บริษัท พีค อะ บู แอนนิเมชั่น สตูดิโอ จำกัด, บริษัท ลันช์บ๊อกซ์ สตูดิโอ จำกัด,
 บริษัท โตโมแกรม สตูดิโอ จำกัด, บริษัท ดิจิ ดรีม จำกัด และ ห้างหุ่นส่วนจำกัด ข้าวงาย

จนเป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชัน ๓ มิติ ฝีมือคนไทย ความยาว ๑๑๒ นาที แบ่งเป็น ๓ ตอน
 โดยใช้เวลาในการผลิตถึง ๓ ปี และใช้งบประมาณทั้งหมดในการผลิตถึง
 ๒๘,๕๐๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบแปดล้านห้าแสนบาทถ้วน)
 ขอบคุณ ปุญญดา หมวยจ้า [/color]

[FIRE]

<a href="http://www.youtube.com/v/rnmO17_PIlk?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/rnmO17_PIlk?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>

ในหลวงทรงมีพระพักตร์แจ่มใส เสด็จฯ "โกลเด้นเพลส"  รพ.ศิริราชปิยมหาราชการุณย์

วันนี้ (29 ธันวาคม 2557) เวลา 16.19 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 เสด็จฯ ลงจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ไปยังร้าน
 โกลเด้นเพลส สาขาโรงพยาบาลศิริราช
 (ร้านโกลเด้นเพลส ดำเนินการโดยบริษัท สุวรรณชาด จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์
นับเป็นหนึ่งในโครงการส่วนพระองค์ที่ทรงจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นร้านค้าปลีกต้นแบบของคนไทย)

ในการนี้ ทรงเลือกซื้อสินค้าจากโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เช่น นมเปรี้ยวจิตรลดา
นมจืดจิตรลดา ไอศกรีม และผลไม้ต่าง ๆ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปยังชั้น 7
ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถาบันแพทย์แผนไทย เพื่อประทับเปลี่ยนพระราชอิริยาบถ
พร้อมเสวยพระสุธารส และทอดพระเนตรทัศนียภาพ 2 ฝั่งแม่น้าเจ้าพระยา สมควรแก่เวลา
จึงเสด็จฯ กลับอาคารเฉลิมพระเกียรติ เมื่อเวลา 17.00 น.ซึ่งตลอดเส้นทางเสด็จ ฯ
มีประชาชนรอเฝ้า ฯ รับเสด็จและเปล่งเสียงถวายพระพรทรงพระเจริญอย่างกึกก้อง

ที่มาของภาพ:ฝ่ายช่างภาพส่วนพระองค์ กองงานส่วนพระองค์ สำนักพระราชวัง






 

[FIRE]

ตามรอยพ่อ




'อิ่มเดียว หลับเดียว'

คืนหนึ่งในพระราชฐาน ขณะที่ทรงครองราชสมบัติใหม่ๆ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงมาทรงพระราชดำเนินไปรเวท(เดินเล่น)
 ตอนนั้นทรงเสด็จฯ ผ่านหน้าข้าพเจ้าซึ่งกำลังหมอบกราบด้วยความเคารพ
ทรงหยุดพระราชดำเนินแล้วมีพระราชดำรัสเรียกชื่อข้าพเจ้า ทรงพระราชดำรัสต่อไปว่า..

"ชีวิตมนุษย์เรานี่ อิ่มเดียว หลับเดียวเท่านั้น"

ข้าพเจ้าทบทวนพระราชดำรัสจนขึ้นใจนึกไม่ออกว่าหมายความว่าอย่างไร
 อีกสองสามวันต่อมาได้มีโอกาสเข้าไปคุยธรรมะกับพระที่วัดเทพธิดา
 จึงได้ถามท่านมหาผู้มีเปรียญเป็นดีกรี และได้รับคำตอบให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
"โยมเฉลิมศักดิ์ คำนี้น่ะ ผู้ที่ได้กล่าวถึงนี้เป็นผู้มีความรู้ในพระสัจธรรมของพระบรมศาสดาไม่น้อยเลย
และยังสามารถย่อพระพุทธพจน์อันมีความหมายยาวให้ย่นย่อเข้าใจง่ายอีกด้วย
คำว่า 'อิ่มเดียว หลับเดียว' นั้น มาจากพระพุทธพจน์ที่ทรงให้ตัดความโลภเพื่อให้ชีวิตเป็นสุข...ให้รู้จักคำว่าพอ
เพราะมนุษย์เรานั้นจะกินได้มากเท่าใด อาหารอันโอชะสักเท่าใด ก็ไม่เกินอิ่มของตน
 พออิ่มแล้วก็เท่านั้นแหละ อะไรก็ไม่วิเศษอีกแล้ว
การนอนก็เช่นกันจะนอนนานแค่ไหน นอนบนเครื่องนอนอย่างไร
ก็แค่อิ่มนอนของตัวเองเท่านั้น เต็มอิ่มแล้วก็ต้องลุกขึ้นมา
มนุษย์เรานั้นวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะไม่รู้จักอิ่ม ได้มาอิ่มแล้วก็ยังอยากได้อีก
นอนอิ่มแล้วก็ยังอยากนอนอีก อยากได้ให้มันมากขึ้นไปอีก
ถ้าคนเรายึดในหลักว่าอิ่มเดียวหลับเดียว โลกก็จะเป็นสุขไม่ต้องแก่งแย่งชิงดี
และแสวงหาจนทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว...ชีวิตของมนุษย์ทุกคนก็เท่าเทียมกันด้วย
 'อิ่มเดียว หลับเดียว' นี่แหละ"
ฟังท่านมหาท่านวิสัชนาแล้ว ผมก็ยกมือท่วมหัวบูชาพระบาทสมเด็จพระภัทรมหาราช
และท่านมหาพร้อมกันไป ในใจก็คิดว่า "ทรงเป็นพระสมมติเทพอุบัติโดยแท้
ทรงศึกษาแม้ทางธรรม คู่ไปกับทางโลก ทรงเป็นธรรมิกราชันย์
 ผู้ยิ่งด้วยพระปรีชาสามารถและพระปฏิภาณ"
(Edit จาก 'เรื่องหลัง จากวังหลวง' ของอดีตตำรวจหลวง เฉลิมศักดิ์ รามโกมุท)
 ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ ยิ่ ง ยื น น า น
ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ทรงพระเกษมสำราญ ตลอดกาล ตลอดไป
 เป็นมิ่งขวัญให้ปวงชนชาวไทย ตราบนานเท่านาน
ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ กราบแทบพระบาท

[FIRE]

"ผู้มีปัญญามาก เป็นผู้ไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยม
เพราะผู้มีปัญญามากนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมอันเป็นกลโกง เป็นความไม่สุจริต
ผู้มีปัญญาสามารถใช้ปัญญาแก้ไขจัดการเรื่องราวทั้งหลาย ให้เป็นไปได้อย่างถูกต้องด้วยดี

ผู้มีปัญญารังเกียจการใช้เล่ห์เหลี่ยม ไม่ยินดีจะใช้เล่ห์เหลี่ยม แต่รู้จักเล่ห์เหลี่ยม
เพราะปัญญาเป็นแสงสว่าง ย่อมนำให้รู้ ให้เห็น ให้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัดเจน
..มากน้อยตามความมากน้อยของปัญญา"

พระโอวาทภาค ๑๐๐ บทพระนิพนธ์ของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร
 สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์


'คบมิตร'

พึงคบมิตรผู้ประกอบด้วยคุณลักษณะ ๗ ประการ เหล่านี้ คือ
๑ ให้ของที่ให้ได้ยาก
๒ รับทำกิจที่ทำได้ยาก
๓ อดทนถ้อยคำที่อดทนได้ยาก
๔ บอกความลับของตนแก่เพื่อน
๕ ปิดความลับของเพื่อน
๖ ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ
๗ เมื่อสิ้นโภคสมบัติก็ไม่ดูหมิ่น
(อัง.สัตตก.๓๓)

พระโอวาทภาค ๑๐๐ บทพระพุทธพจน์ของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์



"ทำกรรมดีแล้วใจจักไม่ร้อน เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับผลไม่ดีต่างๆ
ความไม่ต้องหวาดวิตกหรือกังวลไปต่างๆ นั้น นั่นแหละเป็นความเย็น
เป็นความสงบของใจ เรียกได้ว่าเป็นผลดีที่เกิดจากกรรมดี
ซึ่งจะเกิดขึ้นทันตาทันใจทุกครั้งไป เป็นการทำดีที่ได้ดีอย่างบริสุทธิ์แท้จริง

ส่วนผลปรากฏภายนอก เป็นลาภยศสรรเสริญต่างๆ นั้น
มีช้ามีเร็ว มีทันตาทันใจ และไม่ทันตาทันใจ
จนเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดกันมากมายว่า..ทำดีไม่ได้ดีบ้าง ทำชั่วได้ดีบ้าง"

พระโอวาทภาค ๑๐๐ บทพระนิพนธ์ของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร
 สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

[FIRE]

ตามรอยพ่อ



พระอารมณ์ขัน.."สงสัยบ้านเขาทำฟิล์มเอง"

คุณไกรพิทย์ พันธุ์วุฒิ ช่างภาพฝีมือดีที่สำนักข่าวใหญ่ระดับโลกต้องการตัว
เล่าถึงการติดตามถ่ายภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า..

"ชอบภาพนี้มากที่สุด เป็นภาพที่ทรงเอียงพระพักตร์ วันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ
ทรงเยี่ยมราษฎร ขณะนั้นพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงเป็นสีแดงๆพอดี
ผมกับพี่มานิต กฤษณะเทวินทร์ ช่างภาพของไทยรัฐยืนอยู่ตรงมุมนั้นกันสองคน
 เราหันมาปรึกษากันว่า มาร่วมใจกันกดมอเตอร์ไดรฟ์คนละม้วนหมดไปเลยดีกว่า
 เพราะแสงตอนนั้นถ่ายอย่างมากอีกนาทีสองนาทีก็ถ่ายไม่ได้แล้ว
 และปกติเราไม่ใช้แฟลชถ่ายพระองค์ท่าน เพราะเกรงจะเป็นการรบกวนสายพระเนตร..
..ที่คุยกันอย่างนั้น เพราะเราทราบว่าพระองค์ท่านไม่โปรดช่างภาพที่ใช้มอเตอร์ไดรฟ์
พระองค์ท่านพระราชทานเหตุผลว่า ช่างภาพที่มีฝีมือต้องถ่ายทีละรูป และเป็นการเปลืองฟิล์ม
ทีนี้เวลาที่เราสองคนกดมอเตอร์ไดรฟ์พร้อมกัน เสียงมันดัง
พระองค์ท่านซึ่งกำลังทอดพระเนตรแผนที่กับข้าราชการทรงหยุด
และทรงหันมาทอดพระเนตรทางเรา แต่ตอนนั้นพอเราสองคนถ่ายเสร็จปั๊ป เรากระโดดหนีทันทีเลยนะ

..ตอนหลังมาทราบจากข้าราชการที่เฝ้าฯ อยู่ตรงนั้นว่า
ทรงมีรับสั่งว่า...นี่สงสัยบ้านเขาทำฟิล์มเอง.."

[FIRE]

พระอารมณ์ขัน

เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราช
หลังจากทรงเข้ารับการถวายการรักษา ไปประทับที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต
(วันที่ 7 พฤศจิกายน 2550) ในฉลองพระองค์เชิ้ตคอจีนสีชมพูอ่อน ทับด้วยฉลองพระองค์สูทสีชมพู
ทรงติดเข็มกลัดพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ที่ปกฉลองพระองค์สูทด้านซ้าย พระสนับเพลาสีดำ
ทรงวางกล้องถ่ายรูปไว้บนพระเพลา ทรงมีพระพักตร์สดใส และทรงแย้มสรวลให้กับประชาชนที่มารอเฝ้าฯรับเสด็จ

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินมาถึงศาลาศิริราช 100 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 มีพระราชปฏิสันถารกับ ศ.คลินิก นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาธร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
 ซึ่ง ศ.คลินิก นพ.ปิยะสกลได้ถวายรายงานแนะนำ ศ.คลินิก นพ.ธีระวัฒน์ กุลทนันทน์
ว่าที่คณบดีคณะแพทยศาสตร์คนใหม่ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 9 ธันวาคม 2550

พระองค์ทรงแย้มสรวลมีรับสั่งว่า.. "นักเรียนใหม่ ต้องตั้งใจทำงาน"





พระอารมณ์ขัน..'แล่นบ้าง ไม่แล่นบ้าง'

ส.ค.ส. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 ที่พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย มีข้อความว่า..

"ส.ค.ส. ๒๕๓๗
ปีที่แล้ว ยิ้มบ้าง - ไม่ยิ้มบ้าง
ปีนี้ต้องยิ้ม... "จร" คือแล่น
ต้องใจเย็น... "อจร" คือ ไม่แล่น
"จราจร" คือ แล่นบ้าง ไม่แล่นบ้าง"

(ภาพความประทับใจในเทศกาลแห่งความสุข ภาพความรักความอบอุ่น
และรอยแย้มสรวลที่สองพระองค์ทรงพระสำราญสร้างความปิติชุ่มชื่นใจให้กับปวงพสกนิกร)




กสทช.เชิญชวน ปชช.ถวายพระพรในหลวงวันขึ้นปีใหม่กับโครงการกด 9 ถวายพระพร ส่ง SMS พิมพ์ 9 ส่งมาที่ 4567999 (ฟรีทุกเครือข่าย) ตั้งแต่ 27ธ.ค.57-4ม.ค.58

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวารดิถีขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2558สำนักงาน กสทช. จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมแสดงความจงรักภักดีและความสามัคคีของคนในชาติ ด้วยการถวายพระพรผ่านการส่งข้อความสั้น (SMS) ในโครงการ กด 9 ถวายพระพร ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2557 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2558 ซึ่งเป็นการดำเนินโครงการร่วมระหว่างสำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้วยการส่ง SMS ถวายพระพรโดยพิมพ์ 9 แล้วส่งมาที่หมายเลข 4567999 ฟรี หนึ่งเลขหมายกดได้ 1 ครั้งทุกเครือข่าย จากนั้นระบบจะส่งข้อความตอบกลับการร่วมถวายพระพร ว่า ขอขอบคุณที่ร่วมกด 9 ถวายพระพร (ชื่อผู้ให้บริการ)/กสทช. ซึ่งความหมายของเลข 9 ในที่นี้หมายถึง ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

“อยากให้ประชาชนคนไทยมาร่วมกับสำนักงาน กสทช. ในการถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ในครั้งนี้”

[FIRE]

ขอนำมาเล่าซ้ำอีกครั้ง
เรื่องเล่าจากในวัง

ครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้าน ของราษฎรผู้หนึ่ง
 ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจ ในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่ว
และใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
"ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวน พระพุทธเจ้าข้า.."

มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า "มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว
 ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"
เรื่องนี้ ดร.สุเมธ เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกด กลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง




พระอารมณ์ขัน.."ดนตรีบำบัด"

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงสนพระทัยดนตรีบำบัด (Music Therapy) ได้ทรงสรุปว่า
"จากหนังสือเอกสารที่ได้มาแสดงให้เห็นว่า ดนตรีรักษาโรคได้มากมายราวกับยาวิเศษทีเดียว
 เช่นรักษาคนไข้โรคจิต โรคประสาท รักษาโรคความผิดปกติของกระดูกและข้อ
โรคปัญญาอ่อน บรรเทาอาการปวดหรือลดความเครียดในขณะที่ทันตแพทย์กรอฟัน
 ลดอาการกลัวและอาการเครียดในขณะเจ็บท้องคลอดลูก
ช่วยฝึกกล้ามเนื้อเด็กที่แขนขาร่างกายพิการ ช่วยฝึกคนตาบอดหูหนวก
ตลอดจนใช้รักษาคนพูดผิดปกติได้เป็นอย่างดี"

ทรงยกตัวอย่างต่อไปว่า "คนที่ปากเบี้ยวเพราะอัมพาต อาจจะทดลองให้เป่าขลุ่ย
 เพื่อให้มีลมพุ่งตรง เป็นเครื่องมือเกี่ยวกับการบริหารปอด กับอีกอย่างหนึ่ง
เวลาข้าพเจ้าเป่าแตรแล้วไปวัดความดันโลหิต ความดันจะลดลงเป็นปกติ
คนนิ้วมือไม่มีแรง อาจจะฝึกให้ตีฉิ่ง หรือมือไม่มีแรงอาจจะให้ตีกรับ ตีฉาบตามจังหวะ
คนที่กลัวหมอกรอฟัน ก็ให้ใส่หูฟังแล้วเปิดเพลงที่ตนชอบให้กลบเสียงที่กรอ
 และเชื่อว่าใจไปอยู่ที่เสียงเพลงเสียส่วนหนึ่ง ทำให้ไม่เกร็ง เพราะความกลัวหมอฟัน"

นี่ก็แสดงให้เห็นถึงพระอารมณ์ขันอีกแล้ว! ทรงแนะให้ใช้ดนตรีมาแก้ความกลัวหมอฟัน!!
หมอฟันทั้งหลายโปรดสดับ และนี่เป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องตลกเลย จะบอกให้
(จากนิตยสาร a day เล่มที่ 20)

[FIRE]

 




แม่แห่งแผ่นดิน

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้โดยเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 ในการเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2498
นับตั้งแต่นั้นมา เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎร
 ณ ที่แห่งใด เกือบทุกครั้ง จะเห็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ทรงประทับและทรงงานเคียงข้างอยู่เสมอ โดยจะทรงรับฟังปัญหาและความทุกข์สุขของราษฎร
อย่างตั้งพระราชหฤทัย ดังพระราชปณิธานที่ทรงเคยมีพระราชดำรัสไว้ถึงสาเหตุที่ต้องทรงงานหนัก ความตอนหนึ่งว่า

“…ความจริงที่ข้าพเจ้ามีกำลังใจและกำลังกายที่จะปฏิบัติหน้าที่รับใช้บ้านเมือง
ก็เนื่องด้วยเหตุนึกถึง คำของพ่อที่สอนมาตั้งแต่เล็กๆ และก็เมื่อแต่งงาน
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงสอนตลอดมาว่า แผ่นดินนี้มีคุณ
 มีบุญคุณแก่ชีวิตของพวกเรามากมายนัก เพราะฉะนั้นชีวิตที่เกิดมานี้อย่าได้ว่างเปล่า
จงตอบแทนให้รู้สึกตัวเสมอว่าเป็นหนี้บุญคุณ…”

ที่มา สำนักข่าวเจ้าพระยา

แม่แห่งแผ่นดิน
"โครงการ บ้านเล็กในป่าใหญ่"
วันที่ 4 มีนาคม 2534 ขณะที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เสด็จประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เพื่อไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรที่บ้านห้วยหล่อดูก
 ตำบลม่อนจอง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ได้ทอดพระเนตรเห็นผืนป่า
ในเขตอำเภออมก๋อยที่กว้างใหญ่แม้จะยังมีสมบูรณ์ของป่า
แต่ก็มีหมู่บ้านเล็กหมู่บ้านน้อยตั้งเป็นหย่อมๆ แทรกอยู่ในความหนาทึบของป่าไม้
ทรงห่วงใยต่อผืนป่าใหญ่ของประเทศที่เหลืออยู่น้อยแห่ง
ขณะเดียวกันก็ทรงคิดถึงราษฎรที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้มานานแล้ว
จึงได้มีพระราชกระแสว่าเขาเคยอยู่อย่างไรก็ให้เขาอยู่อย่างนั้น แต่เราเข้าไปส่งเสริมคุณภาพชีวิต
"...ถ้าเราสามารถร่วมกันจัดระบบได้ดี คน กับ ป่า ก็คงจะอยู่ร่วมกันได้
โดยไม่ต้องทำลายซึ่งกันและกัน และแผ่นดินที่เสื่อมโทรมผืนนี้
ก็จะกลับคืนมาเป็นประโยชน์มหาศาลแก่พวกเรา..."
โครงการ "บ้านเล็กในป่าใหญ่" คือการจัดระบบหมู่บ้านให้อยู่ร่วมกัน
และพัฒนาให้มีความเจริญในด้านต่างๆ ทั้งในด้านการส่งเสริมอาชีพทางการเกษตร
เพาะปลูกพืชต่างๆ เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงปลา การรับจ้างปลูกป่า และรายได้จากศิลปาชีพโดยได้เลือก
 หมู่บ้านห้วยไม้หก ตำบลม่อนจอง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง เป็นหมู่บ้านตัวอย่างของโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่
ที่มา เว็บทรูปลูกปัญญา



แม่แห่งแผ่นดิน

พระราชดำริเกี่ยวกับการอนุรักษ์เต่าทะเล

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีน้ำพระราชหฤทัยห่วงใยที่เต่าทะเล
ทรงตระหนักว่าทรัพยากรธรรมชาติ ทางทะเลของไทยนับวันมีแต่จะ
ลดน้อยลง มีสัตว์หลายชนิดที่ใกล้จะ สูญพันธุ์ โดยเฉพาะเต่าทะเล เช่น
 เต่ามะเฟือง เต่าตนุ เต่ากระ เต่าหญ้า เต่าตาแดง ซึ่งในอดีตเคยมีเป็น จำนวนมาก
 บัดนี้ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากราษฎรนิยมเก็บไข่เต่าทะเลไปซื้อขายเพื่อประกอบอาหาร
 แม้กรมประมงจะ ขอแก้ไขกฎหมายประมง เมื่อ พ.ศ.2493
กำหนดให้ผู้ครอบครองเต่าทะเลมีความผิดตามกฎหมาย แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงมีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการอนุรักษ์เต่าทะเล
โดยได้ พระราชทาน เกาะมันใน จังหวัดระยอง ซึ่งรัฐบาลในสมัยนั้นถวายให้เป็น ทรัพย์สินส่วนพระองค์
จัดเป็น ศูนย์กลางอนุรักษ์และ เพาะขยายพันธุ์เต่าทะเล พระราชทานชื่อว่า
โครงการสมเด็จฯอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เริ่มเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2522
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ผู้แทนจากกรมประมง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
รับพระราชทานพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เต่าทะเล เพื่อนำไปใช้ในการแพร่ขยายพันธุ์
ศูนย์อนุรักษ์และ เพาะขยายพันธุ์เต่าทะเลนี้


แม่แห่งแผ่นดิน
ภาพเมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันที่ ๒ - ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘

[♫♥♪♥ พ ริ ม ♫♥♪♥]

  ลาทีปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ด้วยใจเบิกบาน 
ขออวยพรจากใจ Happy New Year

[FIRE]

พระราชดำรัสพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย
ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๘
วันพุธ ท่่๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘
 



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ส.ค.ส.
พระราชทานพรปีใหม่ พุทธศักราช 2558
สำหรับ ส.ค.ส.พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2558 นี้
เป็นภาพจากพระราชนิพนธ์พระมหาชนก ฉบับการ์ตูน
 ในเหตุการณ์ขณะเรือที่กำลังแล่นไปในสุวรรณภูมิล่ม
พระมหาชนกต้องอดทนว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทรนานถึง 7 วัน 7 คืน
และนางมณีเมขลาได้มาอำนวยพรให้ กลางภาพ ส.ค.ส.
มีพรพระราชทานจากพระราชนิพนธ์เรื่องนี้ว่า
ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญาที่เฉียบแหลม กำลังกายที่สมบูรณ์
ด้านล่างของภาพด้านขวา มีข้อความภาษาไทยพิมพ์ด้วยตัวอักษรสีเหลืองว่า
 ขอจงมีความสุขความเจริญ และข้อความภาษาอังกฤษ
 พิมพ์ด้วยตัวอักษรสีขาวว่า Happy New Year
 และชื่อพระราชนิพนธ์พระมหาชนก The Story of MAHAJANAKA
ด้านซ้ายบนของส.ค.ส.มีตราพระมหาพิชัยมงกุฎและผอบทองประดับ
มีตัวอักษรสีเหลืองข้อความว่า ส.ค.ส.พ.ศ.2558
และตัวอักษรสีขาวข้อความว่า สวัสดีปีใหม่
ด้านล่างของ ส.ค.ส. มีแถบสีเข้ม มุมล่างซ้ายมีข้อความ ก.ส.9 ปรุง 301021 ธ.ค.2557
 มุมด้านขวามีข้อความว่ามหาวิทยาลัยปูทะเลย์ มิถิลา 2557
กรอบของ ส.ค.ส.พระราชทาน เป็นภาพใบหน้าคนเล็กๆ เรียงกัน ด้านบน ด้านซ้ายและด้านขวา
 เรียงกันด้านละ 2 แถว ส่วนด้านล่างเรียงกัน 3 แถว ทุกหน้ามีแต่ รอยยิ้ม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 พระราชทาน ส.ค.ส.
พระราชทานพรปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๘

<a href="http://www.youtube.com/v/i07JoGM7lcQ?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/i07JoGM7lcQ?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>

ส.ค.ส.พระราชทานพรปีใหม่ มีขึ้นครั้งแรกในโอกาสขึ้นปีใหม่
พุทธศักราช ๒๕๓๐ และมีโดยต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี

ยกเว้นปี ๒๕๔๘ ที่ไม่มี ส.ค.ส.พระราชทาน

เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องทรงงานหนักในการพระราชทานความช่วยเหลือ
แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยสึนามิ
 (นายขวัญแก้ว วัชโรทัย ประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๗)

สามารถชม ส.ค.ส.พระราชทานพรปีใหม่ ทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ของสำนักราชเลขาธิการ

http://www.ohm.go.th/th/monarch/card




'พรปีใหม่'
สวัสดีวันปีใหม่พา
ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม
ต่างสุขสมนิยมยินดี
ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า
ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี
โปรดประทานพรโดยปรานี
ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย
ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์
ทุกวันทุกคืนชื่นชมให้สมฤทัย
ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่
ผองชาวไทยจงสวัสดี
ตลอดปีจงมีสุขใจ
ตลอดไปนับแต่บัดนี้
ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์
สวัสดีวันปีใหม่เทอญ
เพลงพระราชนิพนธ์อันดับที่ ๑๓ ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๕
เมื่อเสด็จนิวัติพระนครและประทับ ณ พระตำหนัก จิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต
 มีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานพรปีใหม่แก่บรรดาพสกนิกรไทยด้วยเพลง
จึงทรงพระราชนิพนธ์เพลง 'พรปีใหม่' และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องเป็นคำอำนวยพรปีใหม่
 แล้วพระราชทานแก่วงดนตรี ๒ วง คือ วงดนตรีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นำออกบรรเลง ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงดนตรีสุนทราภรณ์ นำออกบรรเลง
ณ ศาลาเฉลิมไทย ในวันปีใหม่ วันอังคารที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๕



คลิกชมภาพและเสียงเพลง
https://www.facebook.com/video.php?v=430991257053485

[♫♥♪♥ พ ริ ม ♫♥♪♥]

  สวัสดีปีใหม่ 2558 ยิ้มรับปีใหม่ 
ยิ้มรับในสิ่งที่ดีๆ สิ่งที่ปรารถนา
สุขี สุขัง มีตังค์ใช้ตลอดปีนะค่ะ

[FIRE]

วันนี้ในอดึต



"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2518 ราษฎรเผ่าแม้วทำพิธีทูลพระขวัญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไป
ทอดพระเนตรโรงเรียนหลวงพัฒนาบ้านพุย ซึ่งราษฎรและเจ้าหน้าที่โครงการหลวงพัฒนาชาวเขา
ได้ร่วมกันสร้างขึ้น ณ บ้านพุย อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่



"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงยกช่อฟ้าอุโบสถวัดศรัทธาประชากร อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี


"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2524 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรแผนที่ในการเสด็จพระราชดำเนิน
ไปทรงเยี่ยมโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเคียนตามพระราชดำริ บ้านผาแมว ตำบลหัวเสือ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง



"วันนี้ในอดีต"
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
เสด็จออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้
ฯพณฯ นายไกสอน พมวิหาน ประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และภริยา เฝ้า
 ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะ
พระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ

[FIRE]

 

"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2529 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางแกลดิส บรันท์ ประธานกรรมการสภามหาวิทยาลัยฮาวาย
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขามนุษยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาวาย



"วันนี้ในอดีต"
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2523 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมโครงการอ่างเก็บน้ำแม่แมะ บ้านไฮ ตำบลปงดอน
 อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง และทอดพระเนตรท่อบังคับน้ำปากเหมืองส่งน้ำ
 และระบบการวางท่อลอดแม่น้ำวัง สำหรับนำน้ำส่งให้กับพนที่เพาะปลูก
เป็นเนื้อที่ประมาณ 4,000 ไร่ ทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง




"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2529 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงในพระกรัณฑ์
 สำหรับเชิญไปบรรจุในพระเศียรพระพุทธรูป ณ วัดทองผาภูมิ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี



"วันนี้ในอดีต"

เมื่อตอนบ่ายวันที่ 11 ธันวาคม 2511 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในงาน
 "วันกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส" ณ ตำหนักวาสุกรี วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม



"วันนี้ในอดีต"
เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2524 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานกระแสพระราชดำรัสกับเจ้าหน้าที่
เกี่ยวกับการดำเนินงานตามโครงการปลูกสวนป่าขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
 ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโครงการชลประทานตามพระราชดำริ
และโครงการปลูกสวนป่า ตลอดจนทรงเยี่ยมราษฎรอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่


"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2522 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรฝายทดน้ำดอนแก้ว
 ตำบลเปือ อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน อันเป็นฝานหินก่อสูง 2 เมตร
มีท่อระบายน้ำเข้าเหมืองส่งน้ำทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของลำน้ำเปือ
เพื่อส่งน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูกในแถบอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน




๓๖๕ วัน ๓๖๕ พระราชกรณียกิจในอดีต
๑๓ มกราคม ๒๕๕๒
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทรงรับนายโฮเซ รามอส-ฮอร์ตา
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต และคณะ
 ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล

[FIRE]

6 มกราคม 2558 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงเยี่ยมโรงเรียนศรีแก้วประชาสรรค์ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านศรีสวัสดิ์
จังหวัดยโสธร และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหนองใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ [Modern 9]




7 มกราคม 2558 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
 เสด็จฯไปในงานวันวิชาการเฉลิมฉลองครบ 60 ปี โรงเรียนจิตรลดา [ททบ.5]

[FIRE]

วันอังคารที่ 13 มกราคม 2558 เวลา 17.21 น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง
 จากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ไปยังสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา
 บริเวณด้านข้างโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นการส่วนพระองค์
ในการนี้ ทรงวางพวงมาลัยถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
 และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ ซึ่งประดิษฐาน ณ พลับพลาริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ภายในบริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ในโอกาสนี้
เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรทัศนียภาพ 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองบางกอกน้อย
จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังพลับพลาริมคลองบางกอกน้อย เพื่อประทับเปลี่ยนพระราชอิริยาบถ
และทอดพระเนตรสภาพการจราจรบนสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร
ที่อาศัยอยู่บริเวณริมคลองบางกอกน้อย ซึ่งเป็นชุมชนที่ชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่อย่างเกื้อกูลกัน
โดยมีวิถีชีวิตอย่างเรียบง่าย และยังคงใช้เรือเป็นพาหนะในการสัญจร ทั้งนี้ คลองบางกอกน้อย
ตั้งอยู่ในเขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา
จนกระทั่งรัชสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราชแห่งกรุงศรีอยุธยา
 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ขุดคลองลัดแม่น้ำขึ้นจากปากคลองบางกอกน้อย
ไปยังปากคลองบางกอกใหญ่ ซึ่งช่วยย่นระยะทางในการเดินเรือได้ถึง 1 วัน
ต่อมากระแสน้ำส่วนใหญ่ได้ไหลเข้าสู่คลองลัดทำให้คลองกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
 กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาสายใหม่ ส่วนแม่น้ำสายเดิมแคบลงเป็นคลองบางกอกน้อย
 คลองชักพระ และคลองบางกอกใหญ่ สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง
เสด็จพระราชดำเนินกลับอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อเวลา 18.02 น.
โดยมีประชาชนมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอย่างเนืองแน่นพร้อมเปล่งเสียงถวายพระพรดังกึกก้อง
และต่างปลื้มปีติที่เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระพักตร์แจ่มใส และมีพระพลานามัยแข็งแรง
(ภาพโดยฝ่ายช่างภาพส่วนพระองค์ สำนักพระราชวัง)




 

[FIRE]

วันนี้ในอดึต



"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานผ้าห่มแก่คนยากจน และได้มีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรที่มาเฝ้า ฯ
ในการเสด็จ ฯ ไปทรงเยี่ยม ราษฎร ณ บ้านสวด อำเภอเมือง จังหวัดน่าน




"วันนี้ในอดีต"
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ทรงพักผ่อนพระราชอิริยาบถ
ณ เรือนรับรองกรมทางหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการพระ ณ วัดบ้างปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน






"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 ได้มีพระราชปฏิสันถารเกี่ยวกับการปลูกป่าไม้บนดอยอินทนนท์กับผู้ใหญ่บ้าน
ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร
ณ หมู่บ้านแม้วขุนกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่





"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรบ้านขอบด้ง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่

[FIRE]

'ในหลวง' ของปวงประชาพระทรงเป็น 'ครู' แห่งแผ่นดิน จากการทอดผ่านหนังสือ " ตามรอยพระยุคลบาท...ครูแห่งแผ่นดิน" ของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล

.คลิกชม
https://www.youtube.com/watch?v=VuB5TmptGIc

<a href="http://www.youtube.com/v/VuB5TmptGIc?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/VuB5TmptGIc?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>

.
นอกจากทรงเป็น “ผู้คงแก่เรียน” แล้ว ในอีกด้านหนึ่งทรงวางพระองค์เป็น “ครู” ให้ผู้เกี่ยวข้องได้ศึกษาแนวพระราชดำริจากพระราชกรณียกิจอย่าง “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” นั่นเอง
.
ตลอดระยะเวลาแห่งการครองราชย์ ดูเหมือนว่าความสุขที่สถิตในพระราชหฤทัยของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็คือความผาสุกของพสกนิกรไทย นับเป็นบุญของคนไทยยิ่งนักที่พระมหากษัตริย์พระองค์นี้ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้รอด พ้นจากความทุกข์ยากโดยมิทรงเลือกหมู่เหล่า ดังในปฐมพระบรมราชโองการระหว่างพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” แม้แผ่นดินไทยเลื่องชื่อว่ามีความอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีผืนดินแห้งแล้ง ความยากจนข้นแค้น แทรกซึมอยู่ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย
.
ด้วยทรงเข้าถึงปัญหาอย่างแท้จริง จากการพระราชดำเนินแปรพระราชฐานยังต่างจังหวัด ร้อยทั้งร้อยบังเกิดจากน้ำพระราชหฤทัยห่วงใยปากท้องของราษฎร เมื่อทรงรับทราบปัญหาด้วยพระองค์เอง ทรงศึกษาค้นหาข้อมูลหาทางออก เมื่อทรงศึกษาถ่องแท้จนรู้แจ้งแล้ว จึงทรงนำความรู้ดังกล่าวมาพัฒนาเพื่อช่วยเหลือประชาชน ผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันผลิดอกออกผลมากกว่า 4,000 โครงการ ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ นอกจากทรงเป็น “ผู้คงแก่เรียน” แล้ว ในอีกด้านหนึ่งทรงวางพระองค์เป็น “ครู” ให้ผู้เกี่ยวข้องได้ศึกษาแนวพระราชดำริจากพระราชกรณียกิจอย่าง “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” นั่นเอง
.
หลักการสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างไรนั้น คงไม่มีผู้ใดบอกเล่าได้ดีกว่าผู้ถวายงานรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระ ชนมพรรษา 86 พรรษา ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ประพันธ์หนังสือชื่อ “ตามรอยพระยุคลบาท...ครูแห่งแผ่นดิน”
.
ถ่ายทอดเรื่องราวพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวในหลากหลายแง่มุม ทั้งการทรงงาน, โครงการพระราชดำริ และเกร็ดความรู้ไว้อย่างน่าสนใจ โดยจะขอยกบทสัมภาษณ์บางส่วน ในงานเปิดตัวหนังสือดังกล่าวมาเผยแพร่พอสังเขปดังนี้ สำหรับกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา สำเร็จการศึกษาปริญญาเอกทางรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมองเปลิเอ ประเทศฝรั่งเศส เข้าถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการพัฒนาตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่ พ.ศ. 2524 ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองวางแผนเตรียมพร้อมด้านเศรษฐกิจ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และได้ถวายงานเรื่อยมาในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เป็นระยะเวลา 18 ปี
.
กระทั่งลาออกจากราชการใน พ.ศ.2531 พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจัดตั้งมูลนิธิชัยพัฒนา พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งนายกกิตติมศักดิ์และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ภายหลังแม้ลาออกจากราชการแล้ว แต่ ดร.สุเมธ ยังคงทำงานในมูลนิธิชัยพัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนับเป็นเวลา 35 ปี ความรู้สึกเมื่อได้เข้าเฝ้าฯ เป็นครั้งแรก ดร.สุเมธ เผยว่า พระองค์ทอดพระเนตรและไม่มีรับสั่งอะไรเป็นเวลานานจนรู้สึกสั่น เราเองก็นั่งไปสั่นไป กระทั่งมีรับสั่งว่า “ขอบใจนะที่ เข้ามาช่วยฉัน ขอบอกไว้ก่อนว่าทำงานกับฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำประโยชน์ ให้แก่ผู้อื่น” เป็นประโยคแรกที่ได้รับพระราชทานนำทางในการทำงาน “ความสุขที่จะทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น” เป็น หลักที่ทุกคนสามารถยึดและนำไปปฏิบัติได้ ทำอะไรเพื่อสังคม เพื่อประเทศชาติขอให้ทำ พวกเราได้รับการสอนมาตั้งแต่เข้าใจความได้ แต่เราเป็นนักเรียนที่ไม่ค่อยจะเข้าหัวสักเท่าใด ไม่ว่าจะรับสั่งก็ดีหรือแม้กระทั่งภาพตามสื่อต่าง ๆ เราดูเป็นภาพเฉย แต่หากดูให้ดีแล้วพระองค์ทรงสอนเราทุกอิริยาบถ ขอให้มองให้ฟังทุกคำแล้วตี ความหมาย
.
“ตอนนี้เราชอบพูดแต่คำว่า บูรณาการ ชอบพูดแต่ไม่ทำกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนับเป็นครูบูรณาการ เวลาทอดพระเนตรอะไรก็ทรงเชื่อมโยงไปกับทุกเรื่อง เมื่อนำทุกอย่างมารวมกันแล้วจึงมองลึกลงไป เช่น น้ำเสีย ได้ทอดพระเนตรเชื่อมต่อไปว่าขาดออกซิเจน น้ำไม่เคลื่อนที่แล้วจึงเกิดเป็นความเน่าเหม็น ต่อมาเกิดเป็นกังหันน้ำชัยพัฒนาที่นำมาทำให้น้ำเคลื่อนที่เพิ่มออกซิเจนในน้ำ บำบัดการเน่าเสียของน้ำ หรือตอนเสด็จพระราชดำเนินไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทอดพระเนตรแผ่นดินแห้งแล้ง แต่ทอดพระเนตรเห็นเมฆฝนลอยอยู่เบื้องบน จึงเป็นที่มาของโครงการฝนหลวง” เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าว
.
ขณะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร ผู้ถวายงานรับใช้มาตลอด 35 ปี เล่าว่า พระองค์ทรงสอบถามปัญหาความต้องการและวิธีการแก้ไข ทรงซักถามความคิดเห็นของชาวบ้านด้วยพระองค์เอง ภาพที่เห็นขณะทรงหนีบแผนที่รับสั่งอย่างมีประเด็นกับชาวบ้าน โดยเกลี่ยประโยชน์ให้อย่างพอเหมาะพออยู่พอกินได้ และมีการสำรวจติดตามผลงาน นอกจากนี้ทรงมีความจำดีมาก ทรงจำชื่อ-นามสกุล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชื่อตำบล หมู่บ้าน มีลูกกี่คน ได้ทั้งหมด เวลาตามเสด็จพระราชดำเนินพระองค์ท่านจึงต้องทำการบ้านเตรียมตัวเป็นอย่างดี ท่านสอนชาวบ้าน ข้าราชการ เราคอยติดตามเก็บความรู้เหล่านั้น
.
สำหรับความประทับใจจำได้แม่นยำ ดร.สุเมธ เล่าว่า วันหนึ่งรับสั่งว่าวันนี้ไปเที่ยวกัน เสด็จพระราชดำเนินยังบึงมักกะสัน มีความกว้าง 1 กิโลเมตร ความเน่าเหม็นเกิดจากการซ่อมรถไฟ น้ำมันลอยเต็มหน้าน้ำ ผักตบชวาวัชพืชเต็มไปหมด สภาพเช่นนั้นเราคิดว่าสุดแท้จะแก้ไข แต่เมื่อเสด็จพระราชดำเนินลงจากรถยนต์พระที่นั่ง รับสั่งถามว่า “ใครใหญ่” ทั้งฝ่ายรถไฟฯ ฝ่ายกรุงเทพ มหานครต่างก็เงียบหมด พระองค์รับสั่งว่า “ไม่มีใครใหญ่เลยไม่มีใครรับผิดชอบ” คำว่า “ใหญ่” พระองค์ท่านไม่ได้หมายถึงความยิ่งใหญ่ แต่เป็นความรับผิดชอบเป็นการสอนเรื่องการบริหารว่าต้องมีคนเข้ามามีส่วนรับผิดชอบ พอถึงการปฏิบัติก็ต้องรู้ยุทธวิธีแก้ปัญหา โดยรับสั่งว่า “จะเอาอธรรมสู้กับอธรรม” จึงเอาผักตบชวากับน้ำมันมาสู้กัน ทำให้เกิดที่ว่างให้แสงแดดส่องถึง แล้วดูดน้ำมันทันทีที่ลอยบนผิวน้ำ เศษน้ำมันเครื่องนำมากลั่นใหม่แล้วนำไปจำหน่าย ได้เงินกลับมากว่า 3 แสนบาท ไม่นานน้ำก็มีคุณภาพดีขึ้น
.
พระองค์ทรงสอนเราเพียงประโยคเดียว ประโยคสั้น ๆ ให้เข้าใจแก้ปัญหาได้ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู ทรงให้หลักแก่นักเรียนเมื่อเจอปัญหา สามารถคิดเรียงลำดับขั้นตอนในการจัดการปัญหา ทั้งบริการ ปฏิบัติและวิธีการ สามารถดำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว ดร.สุเมธ ยกประโยคตัวอย่าง เช่น “ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก” เมื่อพระองค์เจอพื้นที่แห้งแล้ง มีพระราชดำริให้สร้างฝายชะลอน้ำ เพื่อให้เกิดความชื้นในดิน ทรงใช้วิธีง่าย ๆ เอาหินมาโยนขวางทางน้ำเอาไม้ปักไว้ เมื่อฤดูฝนมาถึงกรมชลประทานกราบทูลว่า ไม่สำเร็จเพราะไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ แต่พระองค์กลับรับสั่งยินดีด้วยสำเร็จแล้ว นั่นคือพระองค์มีพระราชประสงค์ทำระบบน้ำหยดเพื่อธรรมชาติไม่ใช่เก็บกักน้ำ จากวิธีการดังกล่าวทำให้ดินกลับมามีความชุ่มชื้น พืชพันธุ์เจริญเติบโต จากแผ่นดินแห้งแล้งเหมือนทะเลทรายกลายเป็นป่าโปร่ง, ป่าเบญจพรรณ และวิวัฒนาการเป็นป่าดิบชื้น
.
ครูแห่งแผ่นดินพระองค์นี้เคย “ดุ” หรือไม่ นักเรียนผู้นี้เผยว่า แน่นอนดุอยู่แล้ว ใครที่ถวายงานพระองค์แล้วไม่มีใครไม่เคยโดนดุ เวลาทำงานไม่ทรงโปรดเลยคือ “เรื่องช้า” ท่านรับสั่งว่า “ความทุกข์ของคนรอได้หรือ ตอนเกิดอุทกภัยครั้งหนึ่ง ทรงเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเฝ้าฯ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพรุ่งนี้จะไปดู ทรงรับสั่งว่า “น้ำมีเวลาหยุดด้วยหรือ ต้องแก้ตามปัญหา ไม่ใช่แก้ตามเวลาราชการ” หากถามว่าทรงดุไหม พระองค์ท่านทรงดุด้วยเมตตา ดุด้วยเพราะเราอาจเกิดความเข้าใจผิด แต่พอเราทำหน้าจ๋อย ทรงเปิดกระเป๋าพระราชทานพระพุทธรูป เรียกได้ว่าสะสมพระมาเต็มถุง
.
“ทุกวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวยังทรงงานทุกวัน แต่วิธีการเปลี่ยนไปบ้าง จะให้พระองค์เสด็จฯ ไปสมบุกสมบันเหมือนสมัยก่อนไม่ได้ ทรงเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ประทับอยู่ที่ใดก็สั่งงานได้หมดไม่จำเป็นต้องเห็นพระพักตร์ ล่าสุดเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2556 ที่ผ่านมา พระวรกายทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่ก็เป็นไปตามพระชนมายุ คิดว่าพระองค์ควรพักได้แล้ว พวกเราต้องลุกขึ้นมาช่วยกันทำงาน ช่วยกันดูแลแผ่นดิน หากแผ่นดินแตกสลายเราก็ไม่มีที่อยู่ เพราะฉะนั้นต้องถนอมแผ่นดินเพื่อตัวเราและลูกหลานทุกรุ่นไปไม่รู้จบ หากทุกคนรู้ปฏิบัติ ไม่มุ่งประโยชน์อย่างเดียว รู้จักพอเพียง พออยู่พอกิน” ดร.สุเมธ กล่าว
.
ทั้งนี้พระองค์ทรงสอนโดยปฏิบัติให้ดูผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ จะเห็นว่าไม่ทรงนิยมพระราชทานทรัพย์และสิ่งของเพราะพรุ่งนี้ก็ใช้หมด แต่พระราชทานความรู้ซึ่งไม่มีใครสามารถขโมยจากตัวเราไปได้ สามารถสร้างเงินสร้างงานได้ พระองค์ทรงงานอย่างทุ่มเทมาตลอดเวลา พระราชทานความรู้เป็นตำรามนุษย์เล่มใหญ่ พวกเราอยู่ใกล้กับเจ้าของตำราเล่มนี้มาก อยากให้นำสาระนี้ไปปฏิบัติ เคยรับสั่งตามพระราชประสงค์ว่า “หากอยากถวายพระพรพระองค์ ที่จะทำให้ทรงพอพระราชหฤทัยนั้น ให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ด้วยจิตสำนึกที่มีต่อแผ่นดิน” [/color]

[FIRE]

ในหลวงของเรา..พระผู้ทรงเป็นครูของแผ่นดิน...เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก
.
กระทรวงศึกษาธิการได้ถวายพระราชสมัญญา “พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
.
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม๒๕๕๔ ด้วยทรงมีพระราชกรณียกิจที่เป็นประโยชน์แก่วงการศึกษาเหลือคณานับ ทรงส่งเสริมการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบ รวมทั้งกองทุนที่ก่อประโยชน์แก่นักเรียน นักศึกษาและประชาชน โดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นทฤษฎีที่สำคัญยิ่งแก่สังคมไทยและวงการศึกษาและคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการถวายพระราชสมัญญา เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคมพุทธศักราช ๒๕๕๓
.
ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา อธิบายว่า “การถวายพระราชสมัญญา พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน ทำให้คำว่า “ครู” กลับมามีความหมายอีกครั้งตลอดจนทำให้คนที่จะก้าวเข้ามาเป็นครูมีความมั่นใจในอาชีพมากขึ้น...
.
คำว่าครู ยังคงเป็นคำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นคำที่อยู่ในความเคารพนับถือของคนไทยทั้งหลาย ซึ่งจะเป็นแรงใจให้ผู้ที่เป็นครูอยู่แล้วเกิดความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ของตัวเอง ขณะเดียวกันสำหรับผู้ที่จะก้าวเข้ามาอยู่ในวิชาชีพนี้จะได้มั่นใจว่า
ได้เลือกเดินเข้ามาในอาชีพที่มีเกียรติและเลือกไม่ผิดที่มายืนอยู่ตรงนี้”
.
คำว่า “ครู” มาจากภาษาบาลีสันสกฤตว่า ครุ หรือ คุรุ แปลว่า หนัก
.
กล่าวคือ หนักด้วยภาระหน้าที่ในการกล่อมเกลาศิษย์ให้มีความรู้คู่คุณธรรม
.
การเป็นครูเป็นได้ ๒ ลักษณะคือ
โดยการบอกกล่าวชี้แนะอบรมสั่งสอน และโดยการประพฤติปฏิบัติสิ่งที่ถูกต้องดีงาม
เป็นต้นแบบให้ผู้อื่นได้เรียนรู้แล้วนำไปประพฤติปฏิบัติตาม
.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นครูทั้ง ๒ลักษณะ กล่าวคือ
ทรงมีพื้นฐานแห่งความเป็นครู เห็นได้จากสมเด็จพระบุรพการีหลายพระองค์
ทรงเป็นแบบอย่างและ ทรงมีพระวิญญาณครู เช่น สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ทุกพระองค์ทรงสนับสนุนการศึกษา ทรงสร้างโรงเรียน ทรงอบรมสั่งสอน ทรงมีวิธีการสอนอย่างแยบยล ทรงสอนให้เป็นคนดี
.
ดังพระดำรัสสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ว่า
.
“คนดีของฉันรึ จะต้องไม่พูดปด ไม่สอพลอ ไม่อิจฉาริษยา ไม่คดโกงและไม่มีความทะเยอทะยานอย่างบ้าๆ
แต่ต้องพยายามทำหน้าที่ของตนให้ดีในขอบเขตของศีลธรรม”
.
ความเป็นครูจึงอยู่ในสายพระโลหิต พระราชกรณียกิจนานาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเกี่ยวข้องกับการศึกษาและสนับสนุนงานอาชีพหลายประการ เช่น - - พระราชทานกำเนิดโรงเรียนและมูลนิธิที่สนับสนุนการศึกษา
- โรงเรียนสำหรับพระราชโอรส พระราชธิดา พระบรมวงศานุวงศ์ บุตรหลานข้าราชบริพาร
- โรงเรียนสำหรับเด็กกำพร้ายากจน เด็กในพื้นที่ห่างไกลคมนาคม พระราชทานการศึกษาสงเคราะห์สำหรับเด็กยากจน
- ทุนการศึกษา รางวัลและกำลังใจในรูปแบบต่าง ๆ แก่ครู นักเรียนผู้บริหารสถานศึกษา
- ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รับนักเรียนไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์และพระบรมราชูปถัมภ์
- พระราชทานแนวพระราชดำริก่อตั้งสถานศึกษาเพื่องานวิจัยขั้นสูง ทรงรับอุปถัมภ์โรงเรียนวังไกลกังวล
- ทรงเป็นครูในรายการ “ศึกษาทัศน์” ของมูลนิธิทางไกลผ่านดาวเทียม ทรงสอนด้วยพระองค์เอง
- ทรงพานักเรียนไปศึกษาในสถานที่จริง เป็นต้น ทั้งยังทรงได้รับการยกย่องว่าทรงเป็นครูภาษาไทยของแผ่นดิน
.
ด้วยมีพระอัจฉริยภาพทางภาษาไทย และทรงเห็นความสำคัญของภาษาไทยว่าเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นชาติ เป็นเครื่องมือสื่อสารให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกัน เป็นรากฐานทางวัฒนธรรม
.
ดังจะเห็นได้จากงานพระราชนิพนธ์ กระแสพระราชดำรัสต่างๆ ทรงอุปถัมภ์หน่วยงาน
องค์กรที่ปฏิบัติงานด้านส่งเสริมภาษาไทยอยู่เสมอ
.
พระราชทานแนวพระราชดำริให้จัดทำโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน นอกจากนี้ยังทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ ในการศึกษาวิจัยใฝ่รู้ตลอดเวลา จนเกิดความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาการต่างๆแล้วทรงนำความรู้และแนวทางที่เป็นคุณประโยชน์มาปฏิบัติให้เป็นแบบอย่าง ประจักษ์แก่สาธารณชนอยู่เป็นนิจ
.
ประชาชนทั้งหลายจึงได้เรียนรู้และปฏิบัติตนตามพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ยังความเจริญก้าวหน้าในทุกวิชาการเสมอมา
-
พระราชดำรัส พระบรมราโชวาท พระราชนิพนธ์ พระราชกรณียกิจ พระราชจริยวัตร และพระราชดำริหลากหลายประการ ล้วนทรงสั่งสอนและทรงเป็นแบบอย่างแก่พสกนิกรทั้งสิ้น
.
กล่าวได้ว่าทรงเป็นนักคิด นักประดิษฐ์ นักวิจัย ที่สามารถนำผลมาเป็นแบบของงานที่อำนวยประโยชน์สุขแก่ประชาชน
.
ทรงถือเป็นพระราชภาระที่จะทรงสั่งสอน ชี้นำ แสดงตัวอย่างและติดตามผลโครงงานต่างๆเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ของราษฎร
.
อย่างไรก็ตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงให้ความสำคัญแก่ครูและวิชาชีพครู
ทรงสั่งสอนให้ครูตระหนักในหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งที่พระราชทานแก่
ครูอาวุโสในโอกาสที่เข้ารับพระราชทานเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ เมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๖ ดังนี้
.
“งานของครูเป็นงานพิเศษผิดแปลกกว่างานอื่นๆ กล่าวในแง่หนึ่งที่สำคัญก็คือว่า
ครูจะหวังผลตอบแทนเป็นยศศักดิ์ ความร่ำรวยหรือประโยชน์ทางวัตถุเป็นที่ตั้งไม่ได้
ผลได้ส่วนสำคัญจะเป็นผลทางใจ ซึ่งผู้เป็นครูแท้ก็พึงใจและภูมิใจอยู่แล้ว”
.
จะเห็นได้ว่าพระบรมราโชวาทที่พระราชทานในโอกาสต่าง ๆ เช่น วันเฉลิมพระชนมพรรษา วันขึ้นปีใหม่ วันพระราชทานปริญญาบัตร หรือโอกาสใดๆ ก็ตาม ล้วนเป็นคำสอนที่มีค่า เหมาะสมแก่กาลสมัยและยังประโยชน์โดยตรงแก่ผู้น้อมนำไปปฏิบัติ
.
ทั้งยังทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างของผู้ที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมตลอดมาและด้วยเหตุที่ทรงพระเมตตาต่อพสกนิกรจึงพระราชทานความรู้ทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง ความรู้นั้นเป็นความรู้ที่ทรงคิดทรงค้นคว้า ทรงทดลองด้วยพระองค์เอง การที่ประชาชนปฏิบัติตามวิธีการต่างๆที่ทรงสอน ทรงสาธิตทำให้ราษฎรอยู่ดีกินดีมีสุข
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ โครงการหลวง โครงการส่วนพระองค์ ศูนย์ศึกษาการพัฒนา ต่างๆเหล่านี้เป็นบทเรียนที่มีค่ามหาศาล ประชาชนได้เรียนรู้และพัฒนาคุณภาพชีวิต
การทั้งปวงเป็นที่ประจักษ์ชัด ตั้งแต่แรกเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงประกาศพระปฐมบรมราชโองการ
“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเป็นไปเพื่ออาณาประชาราษฎร์อย่างแท้จริง ทรงแก้ไขปัญหา ทรงคิดหาแนวทางแก้ไข
สิ่งที่สำคัญคือ ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่าง ทรงชี้แนะให้มองประโยชน์ส่วนรวม มีความรู้รักสามัคคี มีความซื่อสัตย์สุจริตจริงใจ และมีความเพียร มุ่งมั่นพัฒนาประเทศชาติ
จากพระราชกรณียกิจนานา พสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมอย่างหาที่สุดมิได้และพร้อมที่จะสนองพระมหากรุณาธิคุณในทุกโอกาสและในกาลทุกเมื่อด้วยพระอัจฉริยภาพดังกล่าวมา
จึงทรงเปรียบประดุจครูของประชาชนทั่วประเทศสมดังที่กระทรวงศึกษาธิการ อันประกอบด้วย ครู บุคลากรทางการศึกษาและประชาชนร่วมกันถวายพระราชสมัญญา “พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน”
พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสเกี่ยวกับการเรียนการสอน
@ ...ผู้ที่เป็นครูอาจารย์นั้น ใช่ว่าจะมีแต่ ความรู้ในทางวิชาการ และในทางการสอนเท่านั้นก็หาไม่ จะต้อง รู้จักอบรมเด็กทั้งในด้าน ศีลธรรมจรรยาและวัฒนธรรม รวมทั้งให้มีความสำนึก รับผิดชอบในหน้าที่ด้วย..."
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ วิทยาลัยวิชาการศึกษา ๑๕ ธันวาคม ๒๕๐๓
@ "…ความรู้นั้นสำคัญยิ่งใหญ่ เพราะเป็นปัจจัยให้เกิดความฉลาดสามารถและความเจริญก้าวหน้า มนุษย์จึงใฝ่ศึกษากันอย่างไม่รู้จักจบสิ้น แต่เมื่อพิเคราะห์ดูแล้ว การเรียนความรู้แม้มากมายเพียงใด บางทีก็ไม่ช่วยให้ฉลาดหรือเจริญได้เท่าใดนัก ถ้าหากเรียนไม่ถูกถ้วน ไม่รู้จริงแท้…"
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตของมหาวิทยาลัยศรีนรินทรวิโรฒ ณ สวนอัมพร: ๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๔)
@ "…ท่านทั้งหลายคงจะตระหนักอยู่แล้วว่า การศึกษาเล่าเรียนเป็นเรื่องที่ไม่มี สิ้นสุด ผู้ปรารถนาความเจริญในการประกอบกิจการงาน จะต้องหมั่นเอาใจใส่แสวงหาความรู้ให้เพิ่มพูนอยู่เสมอ มิฉะนั้นจะกลายเป็นผู้ที่ล้าสมัยสมรรถภาพไป…"
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระ ราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์: ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๔)
@"…วิชาความรู้อันพึงประสงค์นั้น ได้แก่ วิชาความรู้ที่ถูกต้อง จัดเจน แม่นยำ ชำนาญ นำไปใช้การเป็นประโยชน์ได้พอเหมาะพอควร ทันต่อเหตุการณ์ อย่างมี ประสิทธิภาพ เราจะสร้างเสริมวิชาความรู้อย่างนี้ขึ้นได้อย่างไร เบื้องต้นจะต้องเลิกคิดว่า เรียนวิชาไว้เพื่อสอบไล่ เพราะ ในชีวิตของเรา เราไม่ได้อยู่กับการกาผิดกาถูกในข้อสอบ หากแต่อยู่กับการทำงานและการวินิจฉัยปัญหาสารพัด ทางที่ถูกเราจะต้องขวนขวาย เปิดตาเปิดใจให้เรียนรู้อยู่เสมอ ทั้งโดยทางกว้างและทางลึก คือเมื่อจะศึกษาเรื่องใดก็ให้พยายามจับเค้าโครงของเรื่องนั้นให้ได้ก่อน แล้วจึง พยายามมองลงไปในส่วนละเอียดทีละส่วน ให้เห็นชัดโดยถ้วนถี่ เมื่อรู้แล้วก็นำมาคิดพิจารณาให้เห็นประเด็น ให้เห็นส่วนที่เป็นเหตุส่วนที่เป็น ผลให้เห็นลำดับความเกาะเกี่ยวต่อเนื่องแห่งเหตุและผลนั้นๆ ไปจนตลอด ให้เข้าใจโดยชัดเจนแน่นอน เพื่อให้สามารถสำเหนียกกำหนดและ จดจำไว้ได้ ทั้งส่วนที่เป็นหลักเป็นทฤษฎี ทั้งส่วนเรื่องราวหรือรายละเอียด จักได้สามารถนำไปสั่งสอนผู้อื่น และนำไปเทียบเคียงใช้ให้เป็น ประโยชน์ในการงาน หรือการคิดอ่านแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตต่อไป…"
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลันศรีนครินทรวิโรฒ : ๒๖ มิถุนายน ๒๕๒๓)
.
.
ในหลวงทรงเป็น ครูของแผ่นดินพระราชดำรัสของพระองค์ทุกคำล้วนมีความหมายและมีคุณค่ายิ่งสำหรับปวงชนชาวไทย

ที่มาปุญญาดา


คำขวัญวันครู พ.ศ.2558 "เกียรติครูยิ่งใหญ่ น้อมใจบูชา เลิศล้ำคุณค่า ศรัทธาพระคุณ" และประวัติวันครู
- คุรุสภาประกาศผลการตัดสินการจัดประกวดคำขวัญวันครู พ.ศ. 2558
ดร.อำนาจ สุนทรธรรม เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า ตามที่คุรุสภาคุรุสภาจะจัดงานวันครู พ.ศ. 2558 ระหว่างวันที่ 10 – 16 มกราคม 2558 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ “พระผู้ทรงเป็นแม่และครูแห่งแผ่นดิน” และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2558 และส่งเสริมเชิดชูเกียรติครูและวิชาชีพครู และรณรงค์ให้สังคมเห็นความสำคัญของครูและระลึกถึงพระคุณครูนั้น เพื่อเป็นการร่วมเชิดชูเกียรติคุณครู และระลึกถึงพระคุณครู คุรุสภา
ที่มา คุรุสภา http://www.ksp.or.th/ksp2013/content/view.php…

[FIRE]

พระราชอารมณ์ขัน ..."ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะ จะท้องได้ยังไง ?? "
คลิปข่าว ...http://goo.gl/5Qg9FR



“ใครถูกบึ้งกัด ??”

คลิกอ่าน...
http://goo.gl/anvJ7Q




 เรื่องเล่า .. "ก๋วยเตี๋ยวอร่อย"
คลิกอ่าน ....http://goo.gl/EBTcwh





อ่าน เรื่องพระราชอารมณ์ขัน ... คุณยาย คือ FBI ของฉัน....
คลิกอ่าน..http://goo.gl/86Adih

[tt_takman180]

 gd:

[แท็ก:]

กระโดดไป: เลือกหัวข้อ: ----------------------------- บอร์ดหวยรัฐบาล อภิโชค ----------------------------- => หวยรัฐบาล ลอตเตอรี่ เลขเด็ด ThaiLottery ===> apichoke ===> รวยๆเฮงๆ โดย janya ===> หวยซอง และ หนังสือหวย By:Goodyjung ===> numchai42 ===> goodrich ===> n_uthong ===> แพรวา ===> winnie ===> ตุ้งหนิง ผู้หญิงตัดเซียน ===> ห้องแข่งขัน ===> 10 อันดับคนเก่ง Top10 ===> ห้องรวมคนเก่ง -ผู้ที่ให้เลขถูก ===> ห้องประกาศข่าว ประชาสัมพันธ์ เก็บกระทู้ปักหมุดที่สำคัญ => ซุปเปอร์วีไอพี Super VIP => หวยซอง-หนังสือหวย VIP => ใบเรียงเบอร์ => สูตรหวย => ข่าวหวย ข่าวดังเลขเด็ด => ตรวจหวย เรียงเบอร์ ใบตรวจหวยอนันตโชค ม้าสีหมอก ===> ตรวจหวย => โชว์สลากกินแบ่งรัฐบาล ----------------------------- บอร์ดทั่วไป ----------------------------- => พระเครื่องของขลัง => โหราศาสตร์ ===> ท่าพระนคร ===> มณีนาถ ===> ดาวเหนือ ===> ทำนายฝัน & ดูดวง => คำประพันธ์..คำกลอน => สุขภาพ-สมุนไพร => คลายเครียด : สัพเพเหระ ตลก => เพลงดี ดนตรีเพราะ => ก้าวทันโลกออนไลน์ => ธรรมะและอื่นๆ => สาระบันเทิง ===> อภิโชคเรดิโอ => โปสเตอร์หนัง ปกหนัง ปกเพลง -ดีวีดี วีซีดี เทปฯ => สิ่งมหัศจรรย์ => โฆษณา แจกฟรี! คูปอง ส่วนลด => กฏระเบียบข้อบังคับ & การบริหาร => Thai Lottery & Finance ----------------------------- สถิติอภิโชค ----------------------------- => สถิติ Super Vip