อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน
19 เมษายน 2024, 08:28:44 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
"สนับสนุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น"

ผลงานห้อง VIP (งวด 16 เม.ย.67)
อ.apichoke ถูกสามตัวสลับ 589 ถูกตัวกลับเลขท้าย รว.ที่๑ 89 ถูกเลขท้าย๒ตัว 79
ถูกปักหลักสิบเต็มๆ 9 เลขเด่นวันหวยออก ถูกเด่น 5

ออก 598-79
   หน้าแรก   หวยรัฐบาล SUPER VIP หนังสือหวย VIP สมัคร vip ช่วยเหลือ แท็ก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก Register  
ฝากภาพ i-pic
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แล้วใครล่ะ...จะไม่รัก..  (อ่าน 829526 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #100 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2014, 18:19:02 »

 


 

'ฉลองพระเดชบ่จาง กตเวทิคุณพระกรุณา'

ภาพครั้งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ทูลเกล้าฯ
 ถวายดอกไม้ธูปเทียนกราบถวายบังคมลาผนวช
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำมหาสังข์ และทรงเจิมพระราชทาน






พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ
พระราชทานแก่ สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ เป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร
 และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเครื่องราชอิสริยยศ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 พฤศจิกายน 2016, 14:28:24 โดย FIRE » บันทึกการเข้า

FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #101 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2014, 18:22:58 »



พ่อสอนว่า..

"ข้าวที่ออกเป็นสีลักษณะนี้เป็นข้าวที่มีประโยชน์ อย่างข้าวกล้อง คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยกินกัน
 เพราะเห็นว่าเป็นข้าวของคนจน ข้าวกล้องมีประโยชน์ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ข้าวขาวเม็ดสวย
 แต่เขาเอาของดีออกไปหมดแล้ว มีคนบอกว่าคนจนกินข้าวกล้อง เราก็กินข้าวกล้องทุกวัน เรานี่แหละคนจน"

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่สื่อมวลชน
 ณ โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2541






'อยากรู้เหมือนกัน'

เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีมีพระชนมายุ ๘ พรรษา ทรงทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า

"ข้าวสาร ๑ กระสอบมีกี่เม็ด?"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอธิบายว่า ข้าวสาร ๑ กระสอบ มีน้ำหนัก ๑๐๐ กิโลกรัม..กิโลกรัมหนึ่งมีเครื่องชั่งวัดได้ ๑๐ ขีด
ดังนั้นก็เอาภาชนะไปตวงข้าวสารมาชั่งได้ ๑ ขีด..แล้วนับข้าวสารที่ตวงมานั้นว่ามีกี่เม็ด
..แล้วก็เอา ๑๐ คูณ..เสร็จแล้วก็เอา ๑๐๐ คูณผลลัพธ์อีกที..ก็จะได้จำนวนเมล็ดข้าวสารใน ๑ กระสอบ

สมเด็จพระเทพฯ ทรงทูลว่า ..."ไม่อยากรู้แล้ว"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนว่า..ไม่ได้หรอก หากถามก็แสดงว่าอยากรู้
ดังนั้นจงไปทำการหาข้าวสารมาตวงและนับเสีย เมื่อได้ผลเป็นอย่างไรให้มาบอกด้วยว่าข้าวสาร ๑ กระสอบมีกี่เม็ด?...

...เพราะว่าก็อยากรู้เหมือนกัน

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ตุลาคม 2016, 13:59:26 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #102 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2014, 18:30:35 »


'ความรักของในหลวงที่มีต่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ'

ความรักของพ่อที่มีต่อลูกนั้น เปรียบเสมือนต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ลูก และเป็นผู้ที่คอยอุ้มชู ค้ำจุนลูกจนเติบใหญ่ แน่นอนว่า หากวันหนึ่งลูกต้องจากพ่อแม่ไปไกล ผู้เป็นพ่อ-แม่ก็ย่อมคิดถึงลูกเป็นธรรมดา เหมือนดังเช่นกรณีของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่พระองค์ต้องเสด็จไปศึกษาต่อในต่างประเทศเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงอดคิดถึงพระราชโอรสไม่ได้

เรื่องเล่าจาก หม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา เมื่อครั้งที่เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ณ พระตำหนักภูพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อหลายสิบปีก่อนว่า ก่อนร่วมโต๊ะเสวยหม่อมได้รับการกำชับจากท่านผู้หญิงมณีรัตน์ว่า "ห้ามพูดถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ นะ" เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชหฤทัยระลึกถึงพระราชโอรสมาก และคงไม่โปรดให้ใครพูดถึงเพื่อจะได้ลืมและคลายความคิดถึง


**..สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร
His Royal Highness Crown Prince Maha Vajiralongkorn..**

**..พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
 เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพวรางกูร สิริกิติยสมบูรณสวางควัฒน์
 วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิดลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธ สยามมกุฎราชกุมาร..**

..เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 28 กรกฎาคม 2557
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน..
ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไป..ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม..

 
 

**..ดวงตราไปรษณียากร เฉลิมพระเกียรติพระราชพิธีสถาปนา
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฏราชกุมาร พ.ศ. ๒๕๑๕..**





ความหมายและที่มาของธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร

สำหรับธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารจัดพิมพ์ขึ้นจำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ ฉบับ โดยมีกำหนดออกใช้เช่นเดียวกับธนบัตรชนิด ๑๐๐ บาท ที่หมุนเวียนในระบบในปัจจุบัน ในวันศุกร์ที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ มีภาพประกอบดังนี้

ด้านหน้าธนบัตร
ด้านหน้าธนบัตรมีลักษณะทั่วไป สี และขนาดเช่นเดียวกับธนบัตรชนิดราคา ๑๐๐ บาท แบบ ๑๕ ที่หมุนเวียนอยู่ในปัจจุบัน

ภาพด้านหลังธนบัตร
ภาพประธานเป็นการ เชิญพระฉายาสาทิสลักษณ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ในฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศรักษาพระองค์ ฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์ ทรงสายสร้อยและสายสะพายแห่งเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์
อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ และพระสังวาลปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ

ภาพพระราชพิธีสถาปนาเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งน้าพระมหาสังข์ทักษิณาวรรตพระราชทานแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร) โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีสถาปนาเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุ ๒๐ พรรษา ให้ทรงดำรงพระราชอิสริยยศ “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร” ตามโบราณขัตติยราชประเพณี เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม และภาพตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕



ที่มา-ความหมาย บนธนบัตรที่ระลึก
เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระราชินี และพระบรมโอรสาธิราชฯhttps://www.facebook.com/photo.php?fbid=500914490055349&set=a.500914423388689.1073741939.100004104076650&type=1&theater

ภาพด้านหน้าธนบัตร
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=500922756721189&set=a.109070329239769.18940.100004104076650&type=1&theater

ภาพด้านหลังธนบัตรhttps://www.facebook.com/photo.php?fbid=500930726720392&set=a.109070329239769.18940.100004104076650&type=1&theater

ความหมายและที่มาของธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมารhttps://www.facebook.com/photo.php?fbid=500936453386486&set=a.109070329239769.18940.100004104076650&type=1&theater

ที่มาข้อมูล :
แผนกออกแบบและผลิตต้นฉบับ โรงพิมพ์ธนบัตร สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1341300820&grpid=09&catid=20&subcatid=2001

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ตุลาคม 2016, 14:01:44 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #103 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2014, 18:40:32 »


“สมเด็จพระบรมฯ” พระองค์ที่สามแห่งกรุงรัตนโกสินทร์”




ในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม จะเป็นมหามงคลสมัยที่สำคัญอีกวาระหนึ่งของประเทศไทยและประชาชนชาวไทย คือเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

ดังนั้นจึงเป็นการอันสมควรที่จะได้เชิญชวนพสกนิกรทั้งหลายได้ร่วมกันแสดงความจงรักภักดี และถวายราชสดุดีเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน

ความในพระสูตรระบุไว้ว่าของห้าอย่างที่หาได้ยากในโลกคือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นมหาราช คือทรงเป็นมหาราชโดยธรรม สมเด็จเจ้าฟ้าชายในพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระบรมราชินี ช้างเผือก และเพชรสีม่วง

จึงกล่าวได้ว่า ณ บัดนี้พระราชอาณาจักรไทยมีของวิเศษเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว ๔ - ๕ อย่าง ยกเว้นเพชรสีม่วง ซึ่งไม่มีความรู้และไม่ทราบว่ามีอยู่ในราชอาณาจักรนี้หรือไม่ และถ้ามีก็ต้องถือว่าเป็นมหามงคลแห่งแผ่นดินที่ของห้าอย่างมีอยู่ครบในราชอาณาจักรแห่งนี้

ย่อมหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองศิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลและความสวัสดีแก่พระราชอาณาจักรและอาณาประชาราษฎรทั้งผอง

เจ้าฟ้าชายในสมเด็จพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระบรมราชินีเป็นของหาได้ยากอย่างไร?ความข้อนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติในระยะ ๕,๐๐๐ ปีมานี้ ได้พิสูจน์ความข้อนี้แล้ว

แม้ในราชอาณาจักรไทย ในรัตนโกสินทร์สมัย ซึ่งได้สถาปนามากว่า ๒๕๐ ปีแล้ว แต่ตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพิ่งมีเพียง ๓ พระองค์เท่านั้น

อันตำแหน่งมหาอุปราชหรืออุปราชนั้นเป็นตำแหน่งรองของพระเจ้าแผ่นดิน ที่มีมาตั้งแต่ครั้งอยุธยา แต่พอมาถึงยุครัตนโกสินทร์ ตำแหน่งนี้ได้รับพระราชทานนามใหม่เป็นสมเด็จกรมพระราชวังบวร หรือที่เรียกกันภาษาชาวบ้านว่าวังหน้า และตำแหน่งนี้ได้เลิกล้มไปในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดเกล้าให้สถาปนาตำแหน่งสยามมกุฎราชกุมาร แทนที่ตำแหน่งวังหน้า หรือสมเด็จพระราชวังบวรเป็นครั้งแรก และทรงสถาปนาพระราชโอรสคือเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์นั้นสิ้นพระชนม์ในระหว่างรัชกาล จึงทรงโปรดเกล้าสถาปนาสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธขึ้นเป็นที่สยามมกุฎราชกุมารพระองค์ที่สอง และต่อมาก็ได้เสวยสิริราชสมบัติเป็นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖

นับแต่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์ที่สองมีพระราชสมภพแล้ว กรุงรัตนโกสินทร์ได้ว่างเว้นเจ้าฟ้าชายที่ทรงประสูติแต่พระมหากษัตริย์และสมเด็จพระบรมราชินีมาเป็นเวลาเกือบร้อยปี

จนกระทั่งถึงพระประสูติกาลของสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นี่จึงเป็นบทพิสูจน์ความในพระสูตรที่ว่า ของหายาก ๑ ใน ๕ ของโลกอย่างหนึ่งคือเจ้าฟ้าชายที่ประสูติแต่พระมหากษัตริย์และพระบรมราชินี

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าสถาปนาสมเด็จเจ้าฟ้าวชิราลงกรณขึ้นเป็นที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จึงนับเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์ที่สามแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

และทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ครองตำแหน่งยาวนานที่สุดกว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทุกพระองค์ และตลอดเวลาที่ทรงดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารนั้น ก็ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจสนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระบรมราชชนกและสมเด็จพระบรมราชชนนี ด้วยพระวิริยะอุตสาหะ ด้วยวิสัยแห่งขัตติยะราชตระกูล ด้วยน้ำพระทัยที่ทรงไว้ซึ่งพระเมตตาคุณและพระมหากรุณาธิคุณแก่พสกนิกร

ในระหว่างดำรงพระยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นั้น ก็ทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาทหารในอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพไทยด้วย

วันเวลาหลายปีที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาทหาร ทรงแสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในการฝึกอบรมบ่มเพาะทหารให้มีความเคร่งครัดในระเบียบวินัยและอาญาสิทธิ์แห่งกองทัพเป็นที่ประจักษ์ชัด

แบบอย่างการสร้างระเบียบวินัยในกองทหาร คือความจำเป็นยิ่งใหญ่และอย่างยิ่งสำหรับแผ่นดินในปัจจุบัน เพราะในวันนี้สังคมเหลวไหลเลอะเทอะเละเทะ หากไม่สามารถฟื้นฟูระบบระเบียบและวินัยขึ้นไว้สำหรับแผ่นดินแล้ว ความร่มเย็นเป็นสุขและความเจริญรุ่งเรืองของพระราชอาณาจักรนี้ก็ยากที่จะมีขึ้นได้

ในโอกาสนี้จึงขอเชิญชวนพสกนิกรทั้งปวงได้ร่วมกันถวายพระพรและถวายความจงรักภักดี ขอพระองค์ทรงพระเจริญพระพุทธเจ้าข้า
.


บทความโดย สิริอัญญา เขียนที่ สำนักข่าวเจ้าพระยา


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ตุลาคม 2016, 10:02:33 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #104 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2014, 22:23:38 »

“ในหลวง อย่าละทิ้งประชาชน” ใครกันที่ตะโกนทูลพระองค์
คลิกอ่านตามลิงค์
http://welovethaiking.com/blog/%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2/


หลายท่านคงได้อ่านเรื่องราวและได้ยินประโยคนี้กันมานาน ว่า "ในหลวง อย่าละทิ้งประชาชน" แล้วใครกันที่เป็นผู้ร้องตะโกนทูลพระองค์เช่นนั้น วันนี้ขออนุญาตคัดบทความมาเรียบเรียงให้เพื่อนๆ ได้อ่านเรื่องราวแห่งความประทับใจและเก็บไว้ในความทรงจำของเราเพื่อสั่งสอนให้ลูกหลานของเราได้เห็นว่าประเทศไทย มีพระมหากษัตริย์ที่ดีมากขนาดไหนซึ่งไม่เคยละทิ้งประชาชนเลย

พระราชนิพนธ์บันทึกประจำวันบางส่วนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันเสด็จฯ จากสยามสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คงพอจะสะท้อนให้เห็นถึงความรักของประชาชน ที่พร้อมใจส่งเสด็จอย่างมืดฟ้ามัวดิน

       วันที่ 19 สิงหาคม พุทธศักราช 2489..."วันนี้ถึงวันที่เราจะต้องจากไปแล้ว" พอถึงเวลาก็ลงจากพระที่นั่งพร้อมกับแม่ ลาเจ้านายฝ่ายใน ณ พระที่นั่งชั้นล่างนั้นแล้ว ก็ไปยังวัดพระแก้วเพื่อนมัสการลาพระแก้วมรกต และพระภิกษุสงฆ์ ลาเจ้านายฝ่ายหน้า ลาข้าราชการทั้งไทยและฝรั่ง

แล้วก็ไปขึ้นรถยนต์ ตลอดทางที่รถพระที่นั่งแล่นผ่านฝูงชนที่มาส่งเสด็จอย่างล้นหลาม ได้ทอดพระเนตรเห็นประชาชนที่แสดงความจงรักภักดี

บางแห่งใกล้จนทอดพระเนตรเห็นดวงหน้าและแววตาชัด ที่บ่งบอกถึงความเสียขวัญอย่างใหญ่หลวง ทั้งเต็มไปด้วยความรักและห่วงใย

อันเป็นภาพที่ทำให้อยากรับสั่งกับเขาทุกคน ถึงความหวังดีที่ทรงเข้าพระทัย และขอบใจเขาเช่นกัน

ขวัญของคนเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าขาดกำลังใจ ถ้าขวัญเสีย มีแต่ความหวาดระแวง ประเทศจะมีแต่ความอ่อนแอและแตกสลาย

พอรถแล่นออกไปได้ไม่ถึง 200 เมตร มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหยุดรถแล้วส่งกระป๋องให้เราคนละใบ ราชองครักษ์ไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรอยู่ในนั้น บางทีจะเป็นลูกระเบิด เมื่อมาเปิดดูภายหลังปรากฏว่าเป็นทอฟฟี่ที่อร่อยมาก

ตามถนนผู้คนช่างมากมายเสียจริงๆ ที่ถนนราชดำเนินกลาง ราษฎรเข้ามาใกล้จนชิดรถที่เรานั่ง กลัวเหลือเกินว่า ล้อรถของเราจะไปทับแข้งทับขาใครเข้าบ้าง รถแล่นฝ่าฝูงคนไปได้อย่างช้าที่สุด

ถึงวัดเบญจมบพิตร รถแล่นเร็วขึ้นได้บ้าง ตามทางที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงโห่ร้องถวายพระพรได้ยินเสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้นมาดังๆ เข้าพระกรรณ์ ว่า...."
"ในหลวง อย่าละทิ้งประชาชน"
อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า
"ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้"



 เสียงนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พระองค์ท่านทรงนึกถึงประชาชนอยู่ตลอดเวลา จึงได้ทรงพระวิริยะอุตสาหะศึกษาเล่าเรียน เพื่อจะได้นำความรู้ ความสามารถ พัฒนาประเทศ กลับมาดูแลประชาชนของพระองค์ และพระองค์ทรงกลับมา...กลับมาทำสิ่งเหล่านี้...ให้ประชาชนของพระองค์
เป็นที่น่าประหลาดว่า 

ต่อมาอีกประมาณ 20 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพบชายที่ร้องตะโกนทูลพระองค์ไม่ให้ทิ้งประชาชนนั้นเป็น "พลทหาร"

และในปัจจุบันเขาออกไปทำนาอยู่ในต่างจังหวัด
เขากราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ไม่ทรงทิ้งราษฏร เขาทูลว่าตอนที่เขาร้องไปนั้น...เขารู้สึกว้าเหว่และใจหาย ที่เห็นพระเจ้าแผ่นดินเสด็จไปจากเมืองไทย กลัวจะไม่เสด็จกลับมาอีก....
เขาดีใจมากที่ได้เฝ้าฯ อีก กราบบังคมทูลถามว่า...

"ท่านคงจำผมไม่ได้ ผมเป็นคนร้องไม่ให้ท่านทิ้งประชาชน"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งถามว่า "เราน่ะรึที่ร้อง"

"ใช่ครับ ตอนนั้นเห็นหน้าท่านเศร้ามาก กลัวจะไม่กลับมา จึงร้องไปเหมือนคนบ้า"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตอบ "นั่นแหละ ทำให้เรานึกถึงหน้าที่ จึงต้องกลับมา"

https://www.youtube.com/watch?v=5gPChnh0Pb4


เผยดินแดนศักดิ์สิทธิ์ "วัดประจำรัชกาล" ที่หลายคนไม่เคยทราบมาก่อน
คลิกชมที่ลิงค์
http://www.tsood.com/contents/153028/




  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ตุลาคม 2016, 17:13:53 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #105 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2014, 16:57:43 »




































  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ตุลาคม 2016, 10:17:36 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #106 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2014, 17:17:54 »


 
๒๓ หลักการทรงงานและหลักการโครงการ
ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


๑. ศึกษาข้อมูลอย่างเป็นระบบ

ศึกษาข้อมูล รายละเอียดอย่างเป็นระบบ ทั้งข้อมูลเบื้องต้นจากเอกสาร
 แผนที่ สอบถามจากเจ้าหน้าที่ นักวิชาการ
 และราษฎรในพื้นที่ ให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง

๒. ระเบิดจากข้างใน

สร้างความเข้มแข็งให้คนในชุมชนที่จะเข้าไปพัฒนา
 ให้มีสภาพพร้อมที่จะรับการพัฒนาเสียก่อน

๓. แก้ปัญหาจากจุดเล็ก

มองปัญหาในภาพรวม แต่การแก้ปัญหาจะเริ่มจากจุดเล็กๆ
คือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่คนมักจะมองข้าม

๔. ทำตามลำดับขั้น

การพัฒนาให้เริ่มต้นจากสิ่งที่จำเป็นที่สุดของประชาชนก่อน
 ได้แก่ สาธารณสุข ต่อไปจึงเป็นเรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
 และสิ่งจำเป็นสำหรับประกอบอาชีพ

๕. ภูมิสังคม

การพัฒนาใดๆ ต้องคำนึงถึงภูมิประเทศของบริเวณนั้น
เช่น ดิน, น้ำ, ป่า, เขา ฯลฯ และสังคมวิทยา เช่น นิสัยใจคอของผู้คน
 ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น

๖. องค์รวม

คิดอย่างองค์รวม หรือมองอย่างครบวงจร
 มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ไขอย่างเชื่อมโยง

๗. ไม่ติดตำรา

การทำงานมีลักษณะที่อนุโลม รอมชอมกับสภาพธรรมชาติ
 สิ่งแวดล้อม สภาพสังคม จิตวิทยาของชุมชน
 ไม่ผูกมัดกับวิชาการและเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย

๘. ประหยัด เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด

แก้ไขปัญหาด้วยความประหยัด เรียบง่าย ราษฎรสามารถทำได้เอง
 หาได้ในท้องถิ่น และประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ในภูมิภาคนั้นๆ

๙. ทำให้ง่าย

ทำสิ่งยากให้กลายเป็นง่าย ทำสิ่งที่สลับซับซ้อนให้เข้าใจง่าย

๑๐. การมีส่วนร่วม

เปิดโอกาสให้สาธารณชน ประชาชน หรือเจ้าหน้าที่ทุกระดับ
ได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องคำนึง
ถึงความคิดเห็นของประชาชน หรือความต้องการของสาธารณชน

๑๑. ประโยชน์ส่วนรวม

การให้เพื่อส่วนรวมนั้น ไม่ได้ให้เพื่อส่วนรวมอย่างเดียว
 แต่เป็นการให้เพื่อตนเอง สามารถมีส่วนรวมหรือสังคมที่จะอาศัยอยู่ได้

๑๒. บริการที่จุดเดียว

ศูนย์ศึกษาการพัฒนา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
 เป็นต้นแบบการบริหารรวมที่จุดเดียว เพื่อประชาชนที่จะมาใช้บริการ
ได้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย โดยมีหน่วยงานส่วนราชการต่างๆ
มาร่วมดำเนินการและให้บริการ ณ ที่แห่งเดียว

๑๓. ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ

หากเราต้องการแก้ไขธรรมชาติจะต้องใช้ธรรมชาติเข้าช่วยเหลือ
 เช่น การแก้ปัญหาป่าเสื่อมโทรม พระราชทานพระราชดำริการปลูกป่า
โดยไม่ต้องปลูก(ต้นไม้) ปล่อยให้ธรรมชาติช่วยฟื้นฟูธรรมชาติ

๑๔. ใช้อธรรมปราบอธรรม

นำกฎเกณฑ์ของธรรมชาติมาเป็นหลักและแนวปฏิบัติที่สำคัญ
ในการแก้ปัญหาและปรับปรุงสภาวะที่ไม่ปกติให้เข้าสู่ระบบที่เป็นปกติ
เช่น การใช้ผักตบชวาบำบัดน้ำเสียโดยดูดซึมสิ่งสกปรกปนเปื้อนในน้ำ

๑๕. ปลูกป่าในใจคน

การที่จะพื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้กลับคืนมา
 จะต้องปลูกจิตสำนึกให้คนรักป่าเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นก็จะปลูกต้นไม้ลงบนแผ่นดิน
 และรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง

๑๖. ขาดทุนคือกำไร

การเสียคือการให้ หลักการคือ "การให้" และ "การเสียสละ"
เป็นการกระทำอันมีผลเป็นกำไร คือ ความอยู่ดีมีสุขของราษฎร

๑๗. การพึ่งตนเอง

การพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องต้นด้วยการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
เพื่อให้ประชาชนแข็งแรงพอที่จะดำรงชีวิตได้ต่อไป
 ขั้นต่อไปก็คือ การพัฒนาให้ประชาชนสามารถอยู่ในสังคม
ได้ตามสภาพแวดล้อม และสามารถ "พึ่งตนเองได้" ในที่สุด

๑๘. พออยู่พอกิน

ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีความยากลำบากให้สามารถอยู่ได้อย่าง
 "พออยู่พอกิน" เสียก่อนแล้วจึงค่อยขยับขยายให้มีขีดสมรรถนะที่ก้าวหน้าต่อไป

๑๙. เศรษฐกิจพอเพียง

เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต เพื่อสร้างความเข็มแข็งหรือภูมิคุ้มกันทุกด้าน
ซึ่งจะสามารถอยู่ได้อย่างสมดุล ในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง
 ปรัชญานี้สามารถประยุกต์ใช้ทั้งระดับบุคคล องค์กร ชุมชน

๒๐. ความซื่อสัตย์ สุจริต จริงใจต่อกัน

ผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธ์ใจ แม้จะมีความรู้น้อย
 ก็ย่อมทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้มากกว่าผู้ที่มีความรู้มาก
 แต่ไม่มีความสุจริต ไม่มีความบริสุทธ์ใจ

๒๑. ทำงานอย่างมีความสุข

ทำงานโดยคำนึงถึงความสุขที่เกิดจากการได้ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น

๒๒. ความเพียร

จากตัวอย่างบทพระราชนิพนธ์พระมหาชนก พระมหาชนกเพียรว่ายน้ำอยู่ ๗ วัน ๗ คืน
 แม้จะมองไม่เห็นฝั่งแต่ยังคงว่ายต่อไป ไม่จมลง
จนกลายเป็นอาหารของปลา และได้รับความช่วยเหลือจนถึงฝั่งได้ในที่สุด

๒๓. รู้-รัก-สามัคคี

รู้ : การที่เราจะลงมือทำสิ่งใดนั้น จะต้องรู้เสียก่อน รู้ถึงปัจจัยทั้งหมด รู้ถึงปัญหา และรู้ถึงวิธีแก้ปัญหา

รัก : เมื่อเรารู้ครบด้วยกระบวนการแล้ว จะต้องเห็นคุณค่า เกิดศรัทธา เกิดความรักที่จะเข้าไปลงมือปฏิบัติแก้ปัญหานั้นๆ

สามัคคี : เมื่อถึงขั้นลงมือปฏิบัติต้องคำนึงเสมอว่าเราทำคนเดียวไม่ได้
ต้องร่วมมือร่วมใจกัน สามัคคีกันเป็นหมู่คณะ จึงจะเกิดพลังในการแก้ปัญหาให้ลุล่วงด้วย

คัดลอกแนวทางทรงงานของพระองค์ท่าน
 จากงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติปี ๒๕๕๒
เพื่อขอน้อมรับไว้เป็นแนวทางในทางปฏิบัติหน้าที่การงาน
 ด้วยความเทิดทูนต่อพระองค์ทานตลอดไป




ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายพระพรชัยมงคล
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

 

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ตุลาคม 2016, 10:18:50 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
ขวัญเองจ้า
Junior Public Relations
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 52701
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 44,899



« ตอบ #107 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2014, 17:24:22 »




 

บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #108 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2014, 17:52:30 »



นิตยสาร National geographic ประจำเดือนตุลาคม ค.ศ.1982
ได้เทิดทูนในหลวง โดยลงบทความเรื่อง
 Thailand’s Working Royalty หมายถึง
“พระราชกรณียกิจใหญ่หลวงนัก”
ท้ายสุดได้อัญเชิญพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เรื่อง
“เดินตามรอยเท้าพ่อ” โดยถ่ายทอด เป็นภาษาอังกฤษ
แสดงถึงพระวิริยะอุตสาหะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการประกอบพระราชณียกิจ
 ซึ่งคนไทยทุกคนสมควรที่จะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่เปรียบมิได้

Thailand’s working Royalty


“พระราชกรณียกิจใหญ่หลวงนัก”

The Footsep of My Father

“ Through the dark jungle, very dense,
Which stretches out interminably , somber and immense…
I follow without stopping the footstep of my Father.
Oh Father, I am dying of hunger and I am tired.
Look! The blood is running from my two wounded feet…
Father! Will we arrive at our destination?

-Child!… On the earth there exists no place
Full of pleasure and comfort for you.
Our road is not covered with pretty flowers.
Go! Always,even if it breaks your heart.
I see the thornes prick your tender skin.
Your blood: rubies on the grass, near the water.
On the green shruberry, your tears dropped.
Diamonds on emerald, show their beauty.
For all the human race does not lose its courage
In the face of pain. Be tenacious and wise.
And be happy to have and ideal so dear.
Go! If you want to walk in the Footstep of your Father.”


เดินตามรอยเท้าพ่อ

“ ฉันเดินตามรอยเท้าอันรวดเร็วของพ่อโดยไม่หยุด
ผ่านเข้าไปในป่าใหญ่ น่ากลัว ทึบ
แผ่ไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด มืดและกว้าง
มีต้นไม้ใหญ่เหมือนหอคอยที่แข้มแข็งพ่อจ๋าลูกหิวจะตายอยู่แล้วและเหนื่อยด้วย ดูซิจ๊ะ…

เลือดไหลออกมาจากเท้าทั้งสองที่บาดเจ็บของลูก
ลูกกลัวงู เสือ และหมาป่า
พ่อจ๋า…
เราจะถึงจุดหมายปลายทางไหม?

ลูกเอ๋ย… ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนดอกที่มีความรื่นรมย์
และความสบายสำหรับเจ้า
ทางของเรามิได้ปูด้วยดอกไม้สวยสวย
จงไปเถิด แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่บีบคั้นหัวใจเจ้า
พ่อเห็นแล้วว่า หนามตำเนื้ออ่อนอ่อนของเจ้า
เลือดของเจ้า เปรียบดั่งทับทิมบนใบหญ้าใกล้น้ำ
น้ำตาของเจ้าที่ไหลต้องพุ่มไม้สีเขียว
เปรียบดั่งเพชรบนมรกตที่แสดงความงดงามเต็มที่
เพื่อมนุษยชาติ จงอย่าละความกล้า
เมื่อเผชิญกับความทุกข์ให้อดทนและสุขุม
และจงมีความสุขที่ได้ยึดอุดมการณ์ที่มีค่า
ไปเถิด… ถ้าเจ้าต้องการเดินตามรอยเท้าพ่อ.”



อ้างอิง ข้อมูลภาพจาก นิตยสาร National geographic ประจำเดือนตุลาคม ปี ค.ศ.1982


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 สิงหาคม 2014, 17:56:29 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #109 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2014, 18:25:03 »


ไปรษณียบัตรที่มีลายพระราชหัตถ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ขณะยังทรงพระเยาว์ ทรงเขียนถึงสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า โดยระบุในจดหมายเพียงสั้น ๆ ว่า

“ เล็กคิดถึงมาก ”

ไปรษณียบัตรที่เปี่ยมล้นไปด้วย “ความรักและความคิดถึง” ของทั้งสองพระองค์






"ช่างภาพทูลว่าให้ทั้ง 3 พระองค์ทรงทำท่าตลกๆหน่อย"

ในหลวงของเรา..ทรงตลกที่สุด หลังจากขึ้นครองราชย์ เป็นการยากมากที่จะได้เห็นพระองค์แย้มพระสรวล อย่าว่าแต่ทรงหัวร่อเลย จนครั้งหนึ่งคราวเสด็จประพาสสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ.๒๕๐๓ นักข่าวฝรั่งถามว่า "ทำไมพระองค์จึงทรงเคร่งขรึมนัก..ไม่ทรงยิ้มเลย?"

พระองค์ทรงหันพระพักตร์ ไปทางสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และรับสั่งว่า "นั่นไง..ยิ้มของฉัน"

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานสัมภาษณ์ในหนังสือ "ในหลวงของเรา" ช่วงหนึ่งว่า

“เวลาที่ทรงพระสำราญ คือ เวลาที่เสด็จออกวางโครงการพัฒนาประเทศ และเห็นว่าพระราชดำริคงจะมีประโยชน์ต่อประชาชนในเวลาที่เห็นผลจากโครงการต่างๆ อีกประการหนึ่ง สิ่งที่ทำให้ทรงพระสำราญคือการที่ได้ทอดพระเนตรเห็นประชาชนมีน้ำใจต่อท่านและประชาชนด้วยกัน ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะมีส่วนร่วมช่วยพระองค์ท่านได้โดยการช่วยตนเอง ช่วยเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆ มีความรักความสามัคคีกัน ทำตนเป็นพลเมืองดี เห็นแก่ชาติบ้านเมือง”


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ตุลาคม 2016, 17:29:28 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
ขวัญเองจ้า
Junior Public Relations
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 52701
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 44,899



« ตอบ #110 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2014, 09:38:02 »


บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #111 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2014, 16:56:31 »

<a href="http://www.youtube.com/v/oCYIeXYnhcM?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/oCYIeXYnhcM?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>


บันทึกเรื่องพระอารมณ์ขัน
 ตามคำบอกเล่าที่ได้รับฟังจากผู้ถวายงานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท
 คุณวุฒิ สุมิตร รองราชเลขาธิการเล่าว่า
ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงประชวรเกี่ยวกับพระฉวี(ผิว)มีพระอาการคัน
 แพทย์โรคผิวหนังคณะหนึ่่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนัง
 แต่ไม่เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์กราบบังคมทูลถามว่า
 "ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะคะ"
พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงแย้มสรวล
"ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่ จะท้องได้ยังไงกัน"
แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า แพทย์คงจะไม่รู้ราชาศัพท์ด้านอวัยวะจริงๆ
 ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า
 " เอ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ"
เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการเป็นภาษาอังกฤษกันไป


จากข้อเขียน ลัดดาซุบซิบ





ทรงมีพระอารมณ์ขันมากด้วย
ในขณะที่ทรงงานอยู่ มีพระราชกระแสครั้งหนึ่งให้กับสมาชิกสโมสรไลออนส์ว่า
 "ความร่าเริงและรื่นเริง ความคึกคักและครึกครื้นนั้นเป็นปัจจัยของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ"
ทรงมีพระอารมณ์ขันมากอย่างไม่น่าเชื่อ
ตามปกติแล้วจะทรงวางเฉยอยู่แต่ว่าทรงมีพระอารมณ์ขัน..

..แล้วเวลานี้พอใกล้พระชนมายุ ๖๐ ทุกคนก็ไปขอพระราชทานโน่น
 พระราชทานนี่ไปแสดง ขอพระราชทานรูปวิทยุอะไรหลายอย่าง
 อย่างสวนหลวงนี่ ซึ่งผมเป็นกรรมการอยู่ด้วยก็ไปขอพระราชทานกันหมด
 เรือใบอะไรนี่ไปแสดง

พระองค์ท่านก็บอก
"นี่ให้จะหมดตัวแล้วนะนี่ อีกหน่อยฉันคงจะต้องเอาองค์จริงแลกองค์ปลอม"
คือเหลือแต่ตัว เหลือแต่องค์จริงจะไปแลกองค์ปลอม
 ทรงโต้แย้งกลับมาอย่างชนิดที่ว่ามีความคมคายมากในทุกสิ่งทุกอย่าง
 เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่าทรงมีพระอารมณ์ขันถึงแม้จะเหนื่อยยากอะไรยังไงก็ตาม
 และก็ทรงชอบที่จะเห็นคนอื่นนี่มีนิสัยร่าเริงอยู่ตลอดเวลา

(เรื่องเล่าของ...ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล)

ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา
 ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
 ทรงพระเกษมสำราญ ตลอดกาล ตลอดไป
 เป็นมิ่งขวัญให้ปวงชนชาวไทย ตราบนานเท่านาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

 


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ตุลาคม 2016, 10:20:24 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #112 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2014, 17:15:09 »



เรื่องเล่าจากสนามยิงปืนค่ายนเรศวร

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปยังสนามยิงปืนค่ายนเรศวร
ทรงพระแสงปืนเล็กกลแบบ M16 เมื่อทรงยิงไปได้ชุดหนึ่ง
 พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ผู้ทำหน้าที่ชี้เป้าถวายเด่นออกไปดูเป้าที่เพิ่งจะทรงยิง
 และเห็นด้วยความไม่ประหลาดใจเพราะทราบดีว่าทรงปืนแม่น
 และไม่มีกระสุนนัดใดออกจากวงดำบนเป้าแม้แต่นัดเดียว
เมื่อเด่นกลับไปแนวยิง ถวายความเคารพแล้วจึงกราบบังคมทูล
"ถูกหมดทุกนัด พระพุทธเจ้าค่ะ"
"ถูกกี่นัด" พระราชดำรัสถาม
พล.ต.อ.วสิษฐ ไม่ได้นับจำนวนกระสุนที่ถูกเป้า
 แต่ทราบว่าซองกระสุนปืนรุ่นนั้น ในสมัยนั้นบรรจุได้เต็มที่ 20 นัด
"20 นัดพระพุทธเจ้าค่ะ"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงก้มพระพักตร์ลง
ทอดพระเนตรพระแสงปืนในพระหัตถ์
 ทรงพลิกไปพลิกมา 2-3 ตลบ
 จึงเงยพระพักตร์ขึ้นแย้มพระสรวล มีพระราชดำรัสว่า..
"ปืนกระบอกนี้วิเศษมาก บรรจุ 18 นัด แต่ยิงได้ถึง 20 นัด"





เรื่องเล่าจากในวัง

ครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้าน
 ของราษฎรผู้หนึ่ง ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจ
 ในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
 เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
"ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า
 บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวน พระพุทธเจ้าข้า.."

มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
 ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
 "มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก
ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"


เรื่องนี้ ดร.สุเมธ เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกด กลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง

ทรงพระเจริญ


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ตุลาคม 2016, 10:21:25 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #113 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2014, 17:25:03 »



"ต้นไม้รับเสด็จ"

เรื่องความละเอียดอ่อนและรอบรู้ในสรรพวิชาของในหลวงนั้น
มีนานัปการ และทรงเป็นนักวิเคราะห์และสังเกตได้อย่างที่ไม่มีผู้ใดคาดถึง
สมัยเมื่อหลายปีก่อนยามที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามงานใด
ในพระราชดำริ ก็มักมีการเตรียมพื้นที่ประดับต้นไม้ใบหญ้าสารพัดเพื่อให้สมพระเกียรติ
ดร.สุเมธเล่าว่า ทรงเรียกต้นไม้ดอกไม้ทั้งหลายว่า
 'ต้นไม้รับเสด็จ' บ้าง หรือ ปลูกผักชีรับเสด็จบ้าง
เพราะบางที่มีทั้งกระถางโผล่มาให้ทรงเห็นในแปลงเกษตรทั้งหลายก็มี

หรือในครั้งหนึ่งเมื่อรถพระที่นั่งถึงบริเวณโครงการแห่งหนึ่ง ทรงสัพยอกถามเจ้าหน้าที่ที่นั่นว่า
"...มีปลูกผักชีด้วยหรือเปล่า..."

ผู้นั้นกราบทูลหน้าตาซื่อว่า
 "มีพระพุทธเจ้าข้า พร้อมทำท่านำเสด็จฯไปทอดพระเนตรอย่างขึงขัง"
ทรงชี้ไปยังกลุ่มกอกล้วยน้ำว้ากอใหญ่ที่ต่างออกดอกปลีมีผลเป็นเครือสวยงาม และตรัสว่า
"นี่ก็เป็นต้นกล้วยรับเสด็จด้วย"

พร้อมนั้นมีพระราชาธิบายว่า "ธรรมชาติของกล้วยนั้นจะออกดอกผลไปในทางทิศเดียวกัน.."
แต่กล้วยที่นี่ออกลูกได้ในทุกทิศ จึงเป็นกล้วยรับเสด็จที่ทรงจับได้ในวันนั้น
นับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีพระอารมณ์ขันในยามทรงงานด้วยเช่นกัน





"เป็นครบหมอแล้ว"

ครั้งแรกมีการทูลเกล้าฯถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
ด้านแพทยศาสตร์ พระองค์ก็ได้รับสั่งกับข้าราชบริพารที่ใกล้ชิดว่า
"เวลานี้เป็นหมอยาแล้ว"
ผ่านไประยะหนึ่ง มีการทูลเกล้าฯถวายปริญญาทางด้านนิติศาสตร์ ก็รับสั่งว่า
"ก่อนนั้นเป็นหมอยา ตอนนี้เป็นหมอความแล้วนะ"
ผ่านไปอีกสักระยะหนึ่งได้มีการทูลเกล้าฯ
ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางด้านชีววิทยาเกี่ยวกับเรื่องดิน ก็รับสั่งว่า
"นอกจากจะเป็นหมอยา หมอความแล้ว ยังเป็นหมอดิน"
ต่อมามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ทูลเกล้าฯ
ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางด้านดนตรี ก็ได้รับสั่งว่า
"เป็นครบหมอแล้ว ตอนนี้นอกจากจะเป็นหมอยา หมอความ หมอดินแล้ว ยังเป็นหมอลำด้วย"


พ่อของแผ่นดินผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
 ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช
 เทวาภินิหารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก
 ได้โปรดอภิบาลให้ล้นเกล้าฯ ของชาวไทยทรงพระสิริสวัสดิ์
 ทรงพระเกษมสำราญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน
 ปราศจากโรคาพยาธิพิบัติภัยใดมาแผ้วพาน
 ขอจงทรงพระเจริญ ถึงพร้อมด้วยจตุรพิธพรชัยทุกประการ
กราบแทบพระบาท

 

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #114 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2014, 17:30:48 »




















  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ตุลาคม 2016, 10:40:35 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #115 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2014, 17:36:36 »



ในหลวงใส่นาฬิกาเรือนละ ๗๕๐ บาท เสื้อผ้าทรงมีไม่กี่ชุด ทรงใช้จนเปื่อยซีด ฉลองพระบาทคู่ละ ๓๐๐ - ๔๐๐ บาท-
.
ดร.สุเมธ เล่าว่า
“ ครั้งหนึ่ง ผมพยายามจะแอบดูว่าพระองค์ท่านใส่นาฬิกายี่ห้ออะไร จนพระองค์ท่านรู้สึกได้ว่าผมพยายามอยากจะดูยี่ห้อ ..
.
“ ท่านจึงยื่นข้อพระหัตถ์มาให้ดูตรงหน้า จึงทราบว่าพระองค์ ท่านใส่นาฬิการาคาเพียงเรือนละ ๗๕๐ บาทเท่านั้น ซึ่งก็เดินตรงเหมือนกันกับนาฬิกาเรือนแพง แม้กระทั่งฉลองพระองค์ก็ทรงมีไม่กี่ชุด ทรงใช้จนเปื่อยซีด แต่พวกเรามักคิดว่า การมีแบบเหลือกินเหลือใช้จึงจะดี
เพราะคนสมัยนี้เริ่มไม่เอา ‘เกษตรกรรม’ แต่เลือกที่จะทำ ‘อุตส่าหากรรม’
 (—เป็นศัพท์ที่บัญญัติขึ้นเอง แทนคำว่า อุตสาหกรรม) สุดท้าย อนาคตก็จะอดกิน .. ”
.
ดร.สุเมธ ถามอีกว่า
“ คนในห้องนี้มีรองเท้ากันคนละกี่คู่? —ก็มีสตรีนักธุรกิจตอบว่า ๑๐๐ กว่าคู่ .. ”
.
ดร.สุเมธ จึงถามว่า
“ แล้ววันนี้ใส่มากี่คู่? —ถ้าจะใช้ให้คุ้ม ทำไมไม่เอาแขวนคอมาด้วย ”
.
ก่อนที่จะบอกว่า
“ พระองค์ทรงฉลองพระบาทคู่ละ ๓๐๐ - ๔๐๐ บาท อีกทั้งฉลองพระบาทของพระองค์ ยังถูกนำส่งไปซ่อมแล้วซ่อมอีก
 ขณะที่ข้าราชบริพารใส่รองเท้าคู่ละ ๓,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ บาท แต่เวลาพระองค์ทรงออกเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ห่างไกล ที่สุดแล้ว ข้าราชบริพารก็เดินตามพระองค์ไม่ทันอยู่ดี .. ”
.
พระองค์ท่าน จะตรัสว่า
“ เวลาเดิน คนเราใส่รองเท้าได้คู่เดียว ”
.
ขอขอบคุณเจ้าของเครดิตภาพข้อมูล



พระอารมณ์ขันกับทหารเรือ

กองทัพเรือไทยกับสหรัฐฯจะทำการฝึกร่วมกันมาตลอด
มีการฝึกร่วมกันที่ได้รับการกล่าวขานถึงความยิ่งใหญ่
ประเภทหนึ่งเรียกว่า คอบร้า โกลด์ (Cobra Gold) แปลเป็นไทยว่า
'งูเห่าทอง' และในโอกาสครบรอบ ๓๐ ปีที่พระราชทานเพลงมาร์ช
 "ราชนาวิกโยธิน" เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๓๒
 กองทัพเรือจึงขอพระราชทาน
พระบรมราชวโรกาสนำทหารนาวิกโยธินเข้าเฝ้าฯ
 ณ วังไกลกังวล หัวหิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงมีพระราชดำรัสกับผู้บัญชาการกรมนาวิกโยธิน หลังเสร็จจากทรงเรือใบว่า..

"...ทหารนาวิกโยธินที่จะมาเฝ้าฯ ใน วันที่ ๒๗ มิถุนายน
ให้ยกพลข้ามอ่าวจากสัตหีบมาที่หัวหิน
 สาธิตการยกพลขึ้นบกให้เหมือนคอบร้า โกลด์ (Cobra Gold)
แต่ให้ย่อขนาดลงเป็น 'งูเขียวหางไหม้' ..."






พระอารมณ์ขันกับแผนที่

แผนที่ ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด
โดยกรมแผนที่ทหารได้รวบรวมจัดทำขึ้นทูลเกล้าฯ
 ถวาย เราจะเห็นภาพจนชินตาที่ทรงถือแผนที่ในระหว่าง
ทรงงานทุกแห่งทั่วประเทศ ไม่ว่าจะหน้ารถพระที่นั่ง
หรือยืนกางแผนที่กันกลางป่าเขา แม้กระทั่งปูลงกับพื้น
แล้วพระองค์พร้อมกับข้าราชบริพาร นั่งล้อมวงดูรายละเอียดกันก็มี

แผนที่ของพระองค์จะประกอบกันอย่างน้อย 4 แผ่น
เท่ากับ 4 ระวาง ไปจนถึง 6 แผ่น มาตราส่วน 1: 50,000
โดยจะทรงปะติด ประกอบรวมเป็นแผ่นเดียว และพับด้วยพระองค์เอง

ทรงมีเทคนิคการพับ สามารถที่จะคลี่ดูได้อย่างต่อเนื่อง
 เวลาพลิกไปพลิกมา หาพิกัดได้อย่างง่าย
มีรอยดินสอขีดเขียนทำเครื่องหมายไว้ทั่วไปหมด

เวลาก่อนใช้แผนที่ จะตรัสด้วยพระอารมณ์ขันว่า
 "เดี๋ยวก่อนนะ เดี๋ยวคลี่โสร่งก่อน" นั่นคือพระองค์ขอกางแผนที่ดูก่อน


ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ ยิ่ ง ยื น น า น
 

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ตุลาคม 2016, 10:34:10 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #116 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2014, 17:45:37 »



รหัสวิทยุ " VR009 และ เดโชชัย1 " คือเสียงจากฟ้าประทานที่แท้จริง :) #KingBhumibol #ฉันเกิดในรัชกาลที่9 #เรารักในหลวง



พระอารมณ์ขัน

ในคราวที่ในหลวงทรงประชวร
เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เก่าแก่ที่สุดแห่งนึง
 มีข้าราชบริพารและประชาชนเข้าเยี่ยมอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมากมาย
ทุกคนคงจำได้ที่เป็นข่าวใหญ่โต ครั้งที่อดีตนายกฯ
 ผู้หนึ่งถวายบัตร 30 บาท ให้พระองค์เพื่อใช้สิทธิ์
 สร้างความแค้นเคืองใจให้พสกนิกรชาวไทย
 แต่ไม่มีใครรู้เบื้องหลังว่าพระองค์ทรงตอบว่าอย่างไร

ในหลวงทรงตรัสว่า
"ไม่เป็นไรหรอก หากข้าพเจ้าไม่สามารถจ่ายค่ารักษาได้
 แต่คงสามารถใช้บัตรผู้สูงอายุได้หรือจะใช้สิทธิข้าราชการ
ของบุตรี (ฟ้าหญิง) ก็ได้"

ท่านตรัสเสียงเรียบๆ ฟังแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ว่าพระองค์ทรงตอบได้น่ารักมาก





พระอารมณ์ขัน ...'ทำแบบโง่กันเลยดีกว่า'

วันหนึ่งที่สกลนคร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงมีรับสั่งว่าราชการนั้น ไม่ได้คิดวันนี้แล้วทำวันนี้ได้
จะต้องวางฎีกา กว่าจะเบิกเงินทองได้ต้องใช้ระยะเวลา
 มีพระราชประสงค์ที่จะมีระบบที่คิดวันนี้ แล้วทำได้เดี๋ยวนี้เลย
ซึ่งรับสั่งว่า "...ถ้าทำแบบปกติไม่ได้ก็ทำแบบโง่กันเลยดีกว่า..."

ข้าราชบริพารก็สงสัย..ทำแบบโง่ทำอย่างไร ก็รับสั่งต่อว่า
"...เหมือนที่คนอื่นเค้าทำกันน่ะ 'ทำแบบโง่'
เดี๋ยวนี้มีเยอะแยะไปที่ทำ..N.G.O. (เอ็น.จี.โอ.) อ่านว่า 'โง่' มิใช่หรือ..."

ทรงล้อให้เกิดอารมณ์ขันขึ้นมา

พระองค์ทรงหมายถึงการทำงานที่รวดเร็ว
 คล่องตัวแบบองค์กรเอกชนนั่นเอง
 จึงได้มีพระราชกระแสให้จัดตั้ง
 'มูลนิธิชัยพัฒนา' เพราะการพัฒนาประเทศ
เพื่อขจัดความยากความทุกข์นั้น
 เป็นเหมือนการทำสงคราม ทำสงครามเพื่อนำไปสู่ชัยชนะ

 

( ที่มาเรื่องเล่าของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล)
ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ ยิ่ ง ยื น น า น
พ่อของแผ่นดินผู้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ
 เพื่อพสกนิกรของพระองค์ได้อยู่ดีมีสุขถ้วนหน้า
ปวงข้าพระพุทธเจ้าสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
 ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล
ขอจงทรงพระสิริสวัสดิ์ ทรงพระเกษมสำราญ
ปราศจากโรคาพยาธิพิบัติภัยใดมาแผ้วพาน
 ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
 เป็นธงชัยแห่งประเทศชาติ
 และสถิตเป็นมิ่งขวัญแห่งอาณาประชาราษฎร์สืบไปชั่วจิรัฐติกาล
 กราบแทบพระบาท

 


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ตุลาคม 2016, 10:37:16 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #117 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2014, 17:52:06 »



"...ความแก่นี่เป็นกำลัง...
ข้าพเจ้าอีกไม่กี่วันก็จะเข้าปี..ปี ๘๐ นี้นับว่ามาก
แล้วก็ความเจริญอายุคนที่อายุ ๘๐ ...ก็เชื่อว่ามีกำลังที่จะปฏิบัติงานได้อีกเยอะไม่ใช่น้อย...
ถ้าอายุมากขึ้น
มันก็เป็นประโยชน์ได้เปรียบ...เรียกว่ามีประสบการณ์
คนที่อายุมาก...ถ้ารักษาความดี..รักษาคุณสมบัติ..คุณธรรม ก็ได้เปรียบคนอายุน้อย
...และในประเทศชาติ ถ้ามีคนที่มีอายุมากเราได้เปรียบ ชาติบ้านเมืองจะก้าวหน้าได้..."
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช ๒๕๔๙


พระอารมณ์ขัน..'ไม่ขึ้นเงินเดือนให้เสียที'

ด้วยความที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดการถ่ายภาพ
 และทรงถ่ายภาพต่างๆอยู่เป็นประจำ
ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ไปปรากฏอยู่ในนิตยสาร"สแตนดาร์ด"
ของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร
 ทรงมีพระราชดำรัสด้วยพระอารมณ์ขันแก่
ผู้ใกล้ชิดผู้หนึ่งถึงการเป็นช่างภาพอาชีพของพระองค์ว่า...

"ฉันเป็นกษัตริย์ก็จริง แต่ฉันยังมีอาชีพเป็นช่างภาพ
ของหนังสือพิมพ์สแตนดาร์ด ได้เงินเดือนละ ๑๐๐ บาท
 ตั้งหลายปีมาแล้วจนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นเขาขึ้นเงินเดือนให้สักที
 เขาก็คงถวายเดือนละ ๑๐๐ บาทอยู่เรื่อยมา"





พระอารมณ์ขัน.."แต่งซะหล่อ"

นายสอน ดวงปากดี เข้าเฝ้าฯ
 รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะเสด็จฯ
 ทอดพระเนตรฝายชาวบ้านในลำห้วยเรือ ณ บ้านดงน้อย
 ตำบลดงมะไฟ อ.เมือง จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๗

"หลังจากนายสอนคลายความตื่นเต้นลง
 เนื่องจากได้เข้าเฝ้าฯ อย่างกระทันหัน
 จึงได้ขอพระบรมราชานุญาตไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
 แล้วกลับมาในชุดเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว
 ทรงมีพระราชดำรัสเย้านายสอนว่า..แต่งซะหล่อ"

(หนึ่งในภาพจากโครงการ'ภาพประทับใจในหลวงของฉัน'
ภาพโดยนางพรรณพร สมบัติทวี
ฝ่ายช่วยอำนวยการและประสานงานราชการกรมชลประทาน)



  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ตุลาคม 2016, 10:49:32 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #118 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2014, 17:53:55 »
































  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ตุลาคม 2016, 17:25:53 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #119 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2014, 17:55:45 »




 
ขวัญเองจ้า
Public Relations
Golden Hero 8
พลังน้ำใจ: 34562
[คลิกขอบคุณ]
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 33,326

ขอบคุณครับ

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #120 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2014, 17:56:51 »






บ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ 5 บ้านหนองคอไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี
เจ้าของบ้านถือโฉนดและมีชื่อในทะเบียนบ้าน _ ขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรทำไร่
นี่ไงครับ... บ้านพ่อผม
......วังของพระราชาที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก!

(ภาพบ้านพักส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในพื้นที่โครงการชั่งหัวมัน เพชรบุรี)




เพจ ราชบัลลังก์ จักรีพระปรมินทร  ได้โพสต์ภาพเก่าเล่าเรื่อง : ไม่หวั่นอันตราย

ภาพนี้เป็นเหตุการณ์ที่นิคมสร้างตนเองสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ขณะจะเข้าไปดูสถานที่ ผมเองได้เข้าไปสำรวจหาตำแหน่งจุดหมายมาแล้วครั้งหนึ่ง กำลังออกมาเพื่อนำเสด็จฯ พระองค์ท่านเข้าไป
เมื่อผมไปสำรวจมาแล้วเห็นว่าส่วนใหญ่ทางที่จะเดินไปเป็นป่ากก รกทึบ มีทากดูดเลือดเป็นจำนวนมาก จึงได้เตรียมตัวป้องกันโดยเอาชายขากางเกงใส่ไว้ในถุงเท้า แต่พระองค์ทรงเฉยๆ ไม่ได้เกรงแมลงสัตว์กัดต่อยหรือทากเลยสักนิด


ครั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรเห็นผมเตรียมตัวผจญทากอย่างเต็มที่ ก็เลยจัดการเตรียมแต่งพระวรกายให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการนำหนังยางมาผูกชายขาพระสนับเพลา(ขากางเกง) ของพระองค์ให้กระชับ และนำชายขาพระสนับเพลาใส่ไว้ในถุงพระบาท (ถุงเท้า) เช่นเดียวกับผม

คัดลอกจากหนังสือการทรงงานของพ่อในความทรงจำเล่มที่ ๒โดย ปราโมทย์ ไม้กลัด

นอกจากนี้ เพจ ราชบัลลังก์ จักรีพระปรมินทร ยังโพสต์ ภาพเก่าเล่าเรื่อง : ไม่เป็นไรเราไปได้

เมื่อพ.ศ.๒๕๒๘ เป็นการเสด็จฯ ที่เรียกว่าสมบุกสมบันมากเลยทีเดียว แม้แต่ข้าราชดารยังไม่มีหน่วยงานไหนเคยเข้าไปถึงต้นน้ำมาก่อนเลย แต่พระองค์ท่านไปถึง ทรงต้องการไปยังต้นน้ำสายบุรี บริเวณนิคมสร้างตนเองสุคิริน จังหวัดนราธิวาส เพื่อทอดพระเนตรสถานที่สร้างอ่างเก็บน้ำที่เหมาะสม แต่เส้นทางเป็นป่ารกทึบ รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ ฮซึ่งผมได้ลุยล่วงหน้าเข้าไปสำรวจ ตามจุดที่พระองค์กำหนดพิกัดมาก่อนหน้านี้แล้ว


การเดินทางเข้าไปนั้นลำบากมาก ครั้นจะไปตกแต่งเส้นทางก็เกินกำลังจึงต้องนำเสด็จฯ พระองค์ท่านลุยตามร่องน้ำเข้าไปราว 1 กิโลเมตร ซึ่งน้ำก็ไหลเชี่ยวมากลุยเข้าไปอย่างทุลักทุเลอย่างภาพที่เห็น
เมื่อเข้าไปถึงจุดที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ในแผนที่ พวกเราแทบหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เมื่อทรงแย้มพระสรวล(ยิ้ม) พร้อมกับตรัสว่า ใช่แล้ว!

 คัดลอกจากหนังสือการทรงงานของพ่อในความทรงจำ เล่มที่ ๒ โดย ปราโมทย์ ไม้กลัด

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ตุลาคม 2016, 11:04:09 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #121 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2014, 18:06:15 »



เรื่องน้ำนี้ มีเกร็ดเล็กๆ เล่าให้ฟังถึงพระอารมณ์ขัน
 หลายปีมาแล้ว เมื่อพระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน จะเสด็จฯ เยือนเมืองไทย
 และมีพระราชประสงค์จะทอดพระเนตรเขื่อนภูมิพล
เพราะสงสัยว่า ทำไมเขื่อนภูมิพลจึงไม่เต็มเร็ว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำรัสถาม
 กฟผ.ก็ได้กราบบังคมทูลตอบไปว่า เขื่อนอิหร่านนั้น
มีรูปทรงตีบ แคบ พอเปิดให้น้ำไหลเข้าโรงไฟฟ้า
 น้ำจึงไหลเชี่ยว พัดเอาตะกอนมาทับถมทำให้ตื้นเร็ว
ขณะที่เขื่อนภูมิพลกว้างเหมือนอ่าว น้ำจึงไม่ไหลเชี่ยว จึงไม่ค่อยเต็ม

ทรงถามว่า "แล้วอีกกี่ปี ถึงจะเต็ม" ก็กราบบังคมทูลตอบว่า
 อย่างน้อย ๔๐๐ ปีขึ้นไป ก็ทรงถามต่อไปอีกว่า
 "ถ้าเขื่อนเต็มจะทำอย่างไร" ถึงตอนนี้ก็เข้าตาจน ก็กราบบังคมทูลตอบไปว่า
 "ไม่ทราบเกล้าพระพุทธเจ้าข้า ยังไม่ได้คิด
 เพราะว่าตายไปแล้วไปเกิดใหม่อีกไม่รู้กี่ชาติ กว่าจะครบ ๔๐๐ ปี"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานพระราชดำรัสว่า
 "ถ้าคิดออกแล้วให้เขียนใส่โอ่งฝังดิน
 แล้วทำลายแทงไว้ ถ้าเขื่อนเต็มเมื่อไร ก็ให้ไปขุดดู"


จากพระมหากษัตริย์นักคิด นักปฏิบัติ
เพื่อความสุขของประชาชน
 เขียนโดยพลอากาศเอก กำธน สินธวานนท์





เสด็จไปในทุกถิ่น      ทั่วแผ่นดินพื้นเย็นฉ่ำ
พระดำรัสน้อมนำ        ควรจดจำนำพัฒนา
บุญแล้วที่เกิดมา        ได้พึ่งพาแผ่นดินไทย
อยู่ใต้ร่มโพธิ์ไทร       ร่วมรวมใจราษฎร
น้อมอาศิรวาท          แทบพระบาทอดิศร
น้อมใจถวายพระพร    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ


ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ ยิ่ ง ยื น น า น
 

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
ขวัญเองจ้า
Junior Public Relations
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 52701
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 44,899



« ตอบ #122 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2014, 16:04:50 »




 

บันทึกการเข้า
ขวัญเองจ้า
Junior Public Relations
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 52701
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 44,899



« ตอบ #123 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2014, 16:20:04 »




 
ขวัญเองจ้า
Public Relations
Golden Hero 8
พลังน้ำใจ: 34562
[คลิกขอบคุณ]
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 33,326

ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะคุณFIRE ขวัญเข้ามาชื่นชมพระบารมีพ่อหลวงค่ะขอบคุณข้อมูลดีๆค่ะ  ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมฯ
 

บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #124 เมื่อ: 08 สิงหาคม 2014, 11:46:44 »


จะมีกษัตริย์องค์ไหนบ้าง
ที่กางเกงเลอะขนาดนี้ขณะทรงงาน





เรื่องเล่าของในหลวง
 เรื่อง "นํ้าฝนในถังสักแก้ว"
วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๐๑ ขณะที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชดำเนิน
ทอดพระเนตรโบราณสถานในเมืองศรีสัชนาลัยอยู่นั้น
ในหลวงทรงตรัสสอบถามคุณย่าทวด "เล็ก เปล่งเสียง"
อายุวัย 90 ปี เป็นชาวบ้าน ต.สารจิต อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
ซึ่งคุณย่าทวดเล็กได้นำน้ำฝนลอยดอกมะลิ
มาตั้งไว้หลายถังเผื่อหากข้าราชบริพารที่ติดตามขบวนเสด็จกระหายนํ้าจะได้ดืมนํ้ากัน
แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า พระองค์ทรงตรัสกับคุณย่าทวดเล็กว่า
"ย่าจ๋า ฉันขอดืมน้ำในถังสักแก้วได้ไหม "
คุณย่าทวดเล็กก็ทูลตอบว่า
"ฉันไม่กล้าให้ในหลวงกินหรอก เพราะมันเป็นน้ำฝนและเป็นนํ้าธรรมดาด้วย"
ในหลวงก็ทรงแย้มพระสรวล (ยิ้ม)
 พระองค์ก็ทรงตรัสกับคุณย่าทวดเล็กว่า "ปกติฉันก็กินน้ำธรรมดาอย่างนี้นี่แหละย่า"
จากนั้นพระองค์ทรงตักนํ้าฝนในถังเสวย และพระองค์ยังตรัสว่า
"นํ้าฝนเย็นสดชื่นดี และยังหอมกลิ่นดอกมะลิอีกด้วย"


ภาพประกอบ
คือภาพจริงในเหตุการณ์จริง เมื่อปี ๒๕๐๑
"ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล"
เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา



 

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ตุลาคม 2016, 11:09:12 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
แท็ก:
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค "เว็บมหาชน คนมหาโชค"
 
คติ "กินอยู่อย่างพอเพียง เสี่ยงโชคแต่พอควร"
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย
คำเตือน -ทางเว็บไม่ได้ทราบเป็นการล่วงหน้าว่าหวยทางกองสลากจะออกตัวไหน แต่เราใช้การวิเคราะห์หรือประเมินตามหลักสถิติ
หรือวิธีการอื่นว่า เลขที่มีโอกาสออกมากที่สุดในแต่ละงวดควรจะเป็นเลขอะไรเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ การเล่นหวยถือว่ามีความเสียงมาก
Sitemap | Contact | WAP | xHTML | iMode | WAP 2 | RSS

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines | Sitemap
อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน ©
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.217 วินาที กับ 24 คำสั่ง
Copyright (c) 2008-2022 apichokeonline.com