แล้วใครล่ะ...จะไม่รัก..

[FIRE]

คู่พระบารมี




อานุภาพ " ความรัก" ช่างยิ่งใหญ่นัก..

ความรักและความซื่อสัตย์ที่ "ในหลวง" และ "พระราชินี" ทรงมีต่อกัน กับทั้งความรักหวงแหน
ต่อ "แผ่นดินไทย" ความรักความปรารถนาดีที่ทั้งสองพระองค์มีต่อ "พสกนิกรไทย"
 ก็เป็นเสมือนแรงขับดันยิ่งใหญ่ ที่ทำให้ทั้งสองพระองค์มิได้ทรงหยุดพัก
จากการทรงงานและภาระหน้าที่อันแสนหนักหน่วงนี้..ตราบถึงปัจจุบัน

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองพระองค์จึงทรงเป็นศูนย์รวม "ความรัก" และ "ศูนย์รวมดวงใจ"
ของปวงพสกนิกรไทยทั้งแผ่นดิน เฉกเช่นเดียวกัน

<a href="http://www.youtube.com/v/d1TkEH7Jn70?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=1&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/d1TkEH7Jn70?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=1&amp;loop=1</a>

[FIRE]

 

 คู่พระบารมี
 สถิตย์อยู่ใน ดวงใจประชา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ



ที่สุดแห่งรัก...“ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่า พระองค์ท่านทรง‘รัก’ข้าพเจ้า”พระราชดำรัสสมเด็จพระราชินี
พระโอสถขนานเอก
กล่าวกันว่า ในยามที่ร่างกายป่วยไข้ได้รับบาดเจ็บ “ยาทางใจ” นับเป็นสิ่งสำคัญที่คอยเสริม “ยาทางกาย” ให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น
อาจนับว่าพระอาการของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในครั้งนั้น ที่อาจเรียกได้ว่า “ดีวันดีคืน” จึงนอกจากจะเป็นด้วยทรงได้รับการถวายการรักษาจากคณะแพทย์เป็นอย่างดีแล้ว ยังเนื่องเพราะทรงมี “กำลังพระทัย” ที่ดีเยี่ยมเกื้อหนุนด้วยอีกประการหนึ่ง
ระหว่างที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประชวรจากอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้น ทรงได้รับการถวายรายงานเกี่ยวกับความห่วงใยที่ประชาชนชาวไทยมีแด่พระองค์ด้วยพระราชหฤทัยที่เต็มตื้น
ที่สำคัญยิ่งก็คือ ยังทรงมีสมเด็จพระราชชนนีและสมเด็จพระเชษฐภคินี (สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา) ทรงอยู่คอยเฝ้าปรนนิบัติด้วยความห่วงใยอย่างที่สุด
อีกทั้ง...ยังมีสาวน้อยแห่งราชสกุล “กิติยากร” ผู้มีสิริโฉมงดงาม และกิริยาอ่อนหวานละมุนละม่อมอีกผู้หนึ่ง ที่คอยเฝ้าถวายการปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดด้วยดวงใจที่เปี่ยมด้วยความปริวิตกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ภายหลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายครั้งนั้นไปแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสรับสั่งถึงความในพระทัยของพระองค์ว่า...เมื่อทรงฟื้นคืนพระสติครั้งแรกนั้น ทรงระลึกถึงบุคคลเพียง ๒ คน คือ สมเด็จพระราชชนนี และ...หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์
ในภาพยนตร์สารคดีเรื่อง “ขวัญของชาติ” ที่ออกเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ บี.บี.ซี. กรุงลอนดอน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้นำเสนอพระราชดำรัส ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานสัมภาษณ์เอาไว้ถึงเหตุการณ์นี้ ตัดตอนความบางช่วงได้ว่า...ทันทีที่ตำรวจโทรศัพท์ไปกราบบังคมทูลสมเด็จพระราชชนนี (สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี) พระองค์ท่านทรงรีบเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมพระอาการทันที และเมื่อเสด็จฯ ถึงห้องที่ประทับในโรงพยาบาลแล้ว..
... “(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) ทรงหยิบรูปข้าพเจ้าออกมาจากกระเป๋า โดยที่ข้าพเจ้าไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าพระองค์ทรงมี ‘รูปของข้าพเจ้า’ อยู่ แล้วพระองค์ก็ตรัสให้นำตัวข้าพเจ้าเข้าเฝ้า”
ในขณะที่ ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ ว่า
“สิ่งแรกเมื่อรู้สึกพระองค์คือทรงหยิบรูป ‘หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์’ ออกจากพระกระเป๋า ส่งถวายสมเด็จพระราชชนนี พร้อมกับรับสั่งว่า ‘แม่...เรียกสิริมาที’ ...”
แน่นอนว่า “ภาพหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์” ที่ว่านี้ เป็นภาพใบเดียวกับ “ภาพหมู่” ที่ทรงถ่ายให้กับคณะบุคคลที่มาเข้าเฝ้าฯ ที่สถานทูตไทยประจำประเทศฝรั่งเศส เมื่อคราวเสด็จฯ ปารีสครั้งแรกนั้นเอง
เพียงแต่รายละเอียดนั้นเปลี่ยนไป...
เพราะ...พระองค์ท่านทรงตัดเฉพาะใบหน้างามสดชื่นของหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์แยกเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว...ซึ่งไม่มีผู้ใดทราบว่าในหลวงทรงเก็บรูปใบเล็กนี้เอาไว้ในพระกระเป๋าส่วนพระองค์ ตั้งแต่เมื่อใด?
พระราชโทรเลขด่วนที่รับสั่งให้ราชองครักษ์ติดต่อไปยังหม่อมเจ้านักขัตรมงคล เพื่อให้หม่อมหลวงบัวพาหม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์และหม่อมราชวงศ์หญิงบุษบา เข้าเฝ้าฯ เยี่ยมพระอาการประชวรที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้น สร้างความตระหนกให้กับครอบครัว “กิติยากร” ยิ่ง และหม่อมหลวงบัวก็ได้นำธิดาทั้งสองเดินทางไปเข้าเฝ้าฯ ในทันทีด้วยความห่วงใยในพระอาการ
ท่านผู้หญิงบุษบา สธนพงษ์ (หม่อมราชวงศ์หญิงบุษบา กิติยากร ในอดีต) ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ในวันที่ “เข้าเฝ้าฯ เยี่ยมพระอาการประชวร” ด้วย ได้เคยเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น ในหนังสือ “ด้วยพลังแห่งรัก” ว่า
“ตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประสบอุบัติเหตุ ก็มีรับสั่งให้ครอบครัวเราเข้าเฝ้า เพราะทรงได้รับบาดเจ็บที่พระเนตรและพระเศียร คุณแม่ก็เข้าไปก่อน ตอนเข้าเฝ้าฯ ก็ให้จับพระหัตถ์ท่านแล้วบอกชื่อ พอถึงสมเด็จฯ ท่านก็ทูลว่า ‘หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เพคะ’ พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงจับมืออยู่นานพอสมควรเลย...”
แม้มิต้องเปล่งพระสุรเสียง แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะสื่อความหมายในน้ำพระราชหฤทัยของพระมหากษัตริย์หนุ่ม ที่มีต่อหม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ กิติยากร...
อย่างไรก็ตาม สำหรับหม่อมราชวงศ์หญิงผู้ทรงสิริโฉมนั้นเล่า ในช่วงเวลานั้น...
... “ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่า พระองค์ท่านทรง ‘รัก’ ข้าพเจ้า” (พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จากภาพยนตร์สารคดีเรื่อง “ขวัญของชาติ” (สถานีโทรทัศน์ บี.บี.ซี. กรุงลอนดอน พ.ศ. ๒๕๒๑))
หลังจากพักอยู่ที่โลซานน์ได้ ๒-๓ วัน หม่อมหลวงบัวและธิดาคนเล็กก็ถวายบังคมลากลับ ในขณะที่หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ยังคงอยู่ที่นครโลซานน์ต่อเพื่อเฝ้าพระอาการ และถวายการปรนนิบัติอยู่อย่างใกล้ชิดต่อไป จนกระทั่งพระอาการประชวรทุเลาลงและเสด็จฯ กลับไปทรงพักรักษาต่อที่พระตำหนักวิลล่าวัฒนาได้ ในปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ นั้นเอง
แม้พระอาการโดยรวมของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเป็นที่พอใจของคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา แต่พระองค์ท่านก็ยังต้องเสด็จฯ เข้าโรงพยาบาลอีกในเดือนต่อมา (๑๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๑) เพื่อให้แพทย์ทำการผ่าพระเนตรข้างขวา ซึ่งเกิดจากการที่กระจกรถยนต์ทะลุเข้าดวงพระเนตร ซึ่งหลังจากนั้น เอกอัครราชทูตประจำกรุงเบิร์น ได้รายงานว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลกลับไปยังพระตำหนักฯ อีกครั้ง เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๑ และแพทย์ก็ได้รับความพอใจในผลการผ่าตัดครั้งนี้ นับว่าพระอาการของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่ในเกณฑ์ดี
ตลอดช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานพระวรกายนั้น นอกจากสมเด็จพระราชชนนีและสมเด็จพระเชษฐภคินีผู้เป็นพระญาติใกล้ชิดที่สุดแล้ว หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ จึงเป็นบุคคลสำคัญอีกผู้หนึ่งที่คอยถวายการดูแลอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ทั้งยังเป็นเสมือน “พระโอสถขนานเอก” ซึ่งเปี่ยมประสิทธิภาพในการเยียวยาและเพิ่มกำลังพระราชหฤทัยได้อย่างวิเศษยิ่ง โดยเฉพาะในยามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปริวิตกกับพระอาการเกี่ยวกับพระเนตรของพระองค์ท่านเอง
ทางด้านประเทศไทยนั้น...
เป็นอันว่าความคืบหน้าเกี่ยวกับพระอาการประชวรของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีการรายงานว่าพระอาการดีขึ้นโดยลำดับ ก็ทำให้ประชาชนที่รอคอยติดตามข่าวอยู่อย่างใจจดใจจ่อคลายความวิตกลงได้เปลาะหนึ่ง
ถึงแม้ว่ากระแส “ข่าวลือ” ที่แทรกซ้อนเข้ามา และแพร่กระจายไปทั่วสังคมไทยช่วงนั้นในเวลาอันรวดเร็ว จะทำให้ประชาชนที่ได้ยินหรือ ได้รับข่าวล้วนไม่อาจวางใจได้ หนำซ้ำยิ่งรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้น
คือข่าวที่ว่า...เหตุร้ายที่อุบัติขึ้นครั้งนี้ อาจมิใช่ “อุบัติเหตุ”!!??
จากหนังสือเรื่อง อมตะ..แห่งรัก เรียบเรียงโดยสุวิสุทธิ์

[FIRE]

[FIRE]

แม่ของแผ่นดิน

เนื่องในวโรกาส 12 สิงหาคมนี้
เป็นวันสำคัญ *วันแม่แห่งชาติ*
จะขอนำพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ
พระบรมฉายาลักษณ์
ของสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ
มาฝากเพื่อระลึกน้อมถึงพระคุณ*แม่ของแผ่นดิน*

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
 มีพระนามเดิมว่า หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร
 เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2475
ณ บ้านของพลเอกเจ้าพระยาวงษานุประพัทธ
 (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) บ้านเลขที่ 1808 ถนนพระรามที่ 6
 ตำบลวังใหม่ อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร
 อันเป็นบ้านของพระอัยกาฝ่ายพระมารดา
ทรงเป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร
 (ภายหลังได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น
 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านักขัตรมงคล กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ)
ประสูติแต่หม่อมหลวงบัว กิติยากร (สกุลเดิม สนิทวงศ์)
มีพระพี่น้องคือ หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์,
หม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ และหม่อมราชวงศ์หญิง บุษบา กิติยากร

สำหรับพระนาม "สิริกิติ์" เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจาก
 สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7
อันมีความหมายว่า "ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร" มีชื่อเล่นว่า "คุณหญิงสิริ"
ส่วนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเรียกว่า "แม่สิริ"





ตลอดระยะเวลาแห่งการดำรงพระอิสริยยศ “พระราชินี”
จนถึง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ได้ทรงปฏิบัติภารกิจน้อยใหญ่นานัปการ ทั้งในฐานะ
 “พระผู้ทรงเป็นที่พึ่งของปวงชนชาวไทย” และในฐานะ
“คู่บุญคู่พระราชหฤทัย” ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 ทรงช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจ
ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อานาประชาราษฏร์
ทั้งโดยเสด็จตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 และเสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์
ไปทรงเยี่ยมราษฎรในชนบททั่วทุกภูมิภาค แม้ตรากตรำพระวรกาย
 เนื่องจากการคมนาคมในสมัยนั้นยังไม่สะดวกสบายเหมือนในปัจจุบัน
 ก็มิได้ทรงย่อท้อแต่อย่างใด






คำอธิบายภาพพระราชกรณียกิจ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระหัตถ์
ให้ราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จสัมผัส ในโอกาสที่เสด็จฯ พร้อม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า
จุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ไปทอดพระเนตรโครงการ
อ่างเก็บน้ำต้วน ตามพระราชดำริ และโครงการเกษตรกรรมทหาร
ของฐานแสงเพ็ญ กับทรงเยี่ยมราษฎร อ.เมืองน่าน จ.น่าน
เมื่อวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๔


คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ
ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๔๘ ถึงพุทธศักราช ๒๕๕๗

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานคำขวัญเนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ วันที่ ๑๒
สิงหาคม มาตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๒๒ ศูนย์สารสนเทศ
สำนักราชเลขาธิการ ได้รวบรวมคำขวัญพระราชทาน
ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๔๘ ถึงพุทธศักราช ๒๕๕๗ มาเผยแพร่ ดังนี้

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๘

ดุจดังแม่ผู้ประเสริฐบังเกิดเกล้า
เลี้ยงเราทุกคนมาจนใหญ่
ทุกคำข้าวคือสินแผ่นดินไทย
ควรตรองใจทดแทนคุณแผ่นดิน

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๙

รักในหลวงพร้อมใจใส่เสื้อเหลือง
รักบ้านเมืองจงน้อมใจให้สร้างสรรค์
ใส่สีเดียวแล้วใจเดียวกลมเกลียวกัน
รักเช่นนั้นชาติของตนจึงพ้นภัย

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๐

ข้าวในนาปลาในน้ำคำโบราณ
คือตำนานความอุดมสมบูรณ์สิน
ฝากลูกไทยร่วมหวงแหนรักแผ่นดิน
ถนอมไว้อย่าให้สิ้นแผ่นดินไทย

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๑

เมื่อเกิดมาอาศัยถิ่นแผ่นดินไหน
ควรมีใจกตัญญูรู้คุณถิ่น
หากคนไทยรู้ตอบแทนคุณแผ่นดิน
จักไม่มีวันสิ้นแผ่นดินไทย

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๒

แผ่นดินนี้ปู่ย่าตายายสร้าง
เคยทอดร่างลงถมถิ่นแผ่นดินแม่
ขอลูกไทยรักษามั่นไม่ผันแปร
เป็นไทยแท้มิใช่ไทยแต่ในนาม

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๓

แผ่นดินนี้แม่ของลูกใช้ปลูกข้าว
กี่แสนก้าวที่เดินซ้ำย่ำหว่านไถ
บำรุงดินจนอุดมสมดังใจ
หวังนาไทยเป็นของไทยไปนิรันดร์

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๔

เพลงชาติไทยเตือนไทยไว้เช้าค่ำ
ให้จดจำจารึกใจไว้ทุกส่วน
จะดำรงคงไทยได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๕

มือของแม่นั้นคือมือช่างปั้น
ขึ้นรูปอันอ่อนลออจนหล่อเหลา
อยากให้เป็นงานดีที่งามเงา
อยู่ที่คอยขัดเกลาแต่เบามือ

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๖

คำโบราณว่าดูนางดูอย่างแม่
คือคำแปลว่าแม่ดีมีลูกเด่น
จะชายหญิงรู้ชั่วดีมีกฎเกณฑ์
เพราะจัดเจนแบบอย่างในทางดี

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๗

รักเรียน รู้งาน
ถนอมบ้านเมืองไทย
ร่วมใจสามัคคี คือลูกที่ดีของแม่

ข้อมูลจากข่าวตัดหนังสือพิมพ์
ทรัพยากรของศูนย์สารสนเทศ สำนักราชเลขาธิการ










คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ
ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๓๖ ถึงพุทธศักราช ๒๕๔๗

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานคำขวัญเนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ วันที่ ๑๒
สิงหาคม มาตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๒๒ ศูนย์สารสนเทศ
สำนักราชเลขาธิการ ได้รวบรวมคำขวัญพระราชทาน
ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๓๖ ถึงพุทธศักราช ๒๕๔๗ มาเผยแพร่ ดังนี้

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๖

เวลาเป็นสิ่งมีค่า แม่ทุกคนควรหาให้ลูกได้
เวลาเป็นของขวัญอันพึงใจ ลูกทุกคนควรให้แก่มารดา

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๗

จับมือลูกเรียนเขียน ก. ไก่ สอนให้ทำดีมีเหตุผล
จากนั้นลูกของแม่แต่ละคน จึงรวมตนเป็นชาติที่มีวัฒนธรรม

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๘

วัฒนธรรมประจำชาติ สามารถสืบสานผ่านมือแม่

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๙

สอนระเบียบวินัยให้แก่ลูก เพื่อปลูกวินัยให้แก่ชาติ

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๐

สอนลูกให้ประหยัด ขจัดวัตถุนิยม ชื่นชมความเป็นไทย

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๑

มนุษย์เกิดมาเหมือนเป็นเพื่อนทุกข์ แม้ใครสุขปันเพื่อนให้ได้สุขบ้าง
เพื่อนจะไม่อับจนสิ้นหนทาง โลกสว่างก็เพราะแสงแห่งเมตตา

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒

ร่วมยกย่องคนดีมีคุณธรรม จะชักนำปวงชนเป็นคนดี

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๓

ยิ่งกว่าใช้เงินทองซื้อของขวัญ สิ่งสำคัยที่ควรให้ในวันแม่
คือความรักเอาใจใส่ไปดูแล เริ่มตั้งแต่วันนี้ไปได้เป็นดี

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๔

พระองค์แรกผู้แสนดีให้ชีวิต ครูคนแรกผู้ประสิทธิ์การศึกษา
หมอคนแรกผู้ถือช้อนคอยป้อนยา รวมคุณค่านี้ได้แก่แม่เราเอง

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๕

แม่คือพระประจำใจอยู่ในบ้าน บูชาท่านไว้เถิดเกิดมิ่งขวัญ
พระคุณแม่เลิศล้ำเกินรำพัน แม่จึงเป็นคนสำคัญทุกวันไป

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๖

สามร้อยหกสิบหกวันคือวันแม่ มิใช่แค่วันใดให้นึกถึง
สม่ำเสมอสมัครจิตคิดคำนึง เหมือนแม่ซึ่งรักลูกครบทุกวัน

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗

เลี้ยงลูกมาอย่างน้อยเจ็ดร้อยปี ให้อยู่ดีกินดีมีสุขถ้วน
แม้มีใจกตัญญูรู้การควร ไทยทั้งมวลจงตอบแทนคุณแผ่นดิน

และ

แผ่นดินไทยให้ชีวิตจิตวิญญาณ เลี้ยงสังขารลูกไทยจนใหญ่กล้า
เทียบพระคุณของท่านคือมารดา จงรักษาและทดแทนคุณแผ่นดิน

ข้อมูลจากหนังสือ ประมวลพระราชดำรัสและพระราโชวาท
ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๓๖ ถึงพุทธศักราช ๒๕๔๗
จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล
เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๗



คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ
ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๒๒ ถึงพุทธศักราช ๒๕๓๕

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานคำขวัญเนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ วันที่ ๑๒
สิงหาคม มาตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๒๒ ศูนย์สารสนเทศ
สำนักราชเลขาธิการ ได้รวบรวมคำขวัญพระราชทาน
ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๒๒ ถึงพุทธศักราช ๒๕๓๕ มาเผยแพร่ ดังนี้

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๒๒

"ธรรมชาติมนุษย์ บุตรย่อมเป็นสุดที่รักของมารดา
เป็นผู้นำภาระอันหนักยิ่งสิ่งแรกมาให้ผู้เป็นแม่
ฉะนั้นเมื่อภาระของแม่ที่มีต่อลูกหนักเพียงใด
ลูกก็ควรสนองคุณตอบแทนด้วยการรับภาระต่อแม่
ผู้ให้กำเนิดด้วยเพียงนั้น"

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๒๓

"แม่" เป็นคำพูดออกเสียงที่มนุษย์เปล่งได้เป็นครั้งแรก
ถือกันว่า แม่เป็นพรหม เป็นบุรพาจารย์ของบุตร
และมีอุปการคุณต่อบุตรเป็นอเนกประการ
ฉะนั้น การอุปถัมภ์แม่จึงเป็นมงคลอันอุดม.

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๒๔

"พระพุทธองค์ตรัสไว้แล้วว่า
การบูชามารดาเป็นมงคลอันสูงสุด ฉะนั้น
เราควรแสวงหามงคลด้วยการบูชามารดาในทุกโอกาส
และยิ่งเป็นพิเศษในวันแม่แห่งชาตินี้"

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๒๕
(ไม่ปรากฏคำขวัญพระราชทาน)


คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๒๖

"มงคลอันอุดมจะบังเกิดแก่บุตร
ผู้ปฏิบัติ อุปถัมภ์ ค้ำชูมารดา"

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๒๗

"ลูกเป็นพลเมืองดีของชาติ
คือความสำเร็จของแม่"

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๒๘

"ชาติ เติบโตมาด้วยความรักจากแม่"

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๒๙

"รู้จักบูชาพระคุณแม่
ย่อมเป็นมงคลแก่ตัวลูก"

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๐

"แม่สร้างบ้านได้ยิ่งสุข
ลูกก็สร้างชาติได้ยิ่งใหญ่"

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๑

"รักและอบรมบ่มนิสัย สอนให้ลูกรู้สู้โลกกว้าง
ชาติจะไม่อับจนสิ้นหนทาง ถ้าตัวอย่างจริงแท้คือแม่ดี"

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๒

"ลูกเติบโตเป็นคนดีมีคุณค่า
ชื่นใจกว่าสิ่งใดใดที่ให้แม่"

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๓

"หน้าที่ของผู้หญิงอันยิ่งใหญ่
ไม่มีใดเหนือกว่าหน้าที่แม่"

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๔

"ให้ของขวัญวันแม่นับแต่นี้
โดยทำดีต่อพ่อแม่ก่อนแก่เฒ่า
ให้ท่านได้ประจักษ์รักของเรา
ดีกว่าเฝ้าทำบุญให้เมื่อวายชนม์"

คำขวัญพระราชทานเนื่องในวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕
(ไม่ปรากฏคำขวัญพระราชทาน)

ข้อมูลจากหนังสือ ประมวลพระราชดำรัสและพระราโชวาท
ที่พระราชทานในโอกาสต่างๆ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๒๐
ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๓๕ พิมพ์เนื่องในมหามงคล
เฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ วันที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๓๕

ช่วยกันแชร์เผยแพร่สาระความรู้ของศูนย์สารสนเทศ
สำนักราชเลขาธิการ

[FIRE]

#คำสอนของพ่อ
'ไม่โลภมากก็อยู่เป็นสุข'

"...คนเราถ้าพอใจในความต้องการก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย
ถ้าทุกประเทศมีความคิด คิดอันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข..."

พระบรมราโชวาท
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ที่มา : หนังสือ ๑๐๘ มงคลพระบรมราโชวาท


สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ทรงดู สวยสง่าในฉลองพระองค์ชุดราตรี และฉลองพระบาท
 ผ้าไหมมัดหมี่สีน้ำเงิน ทอโดยสมาชิกศิลปาชีพ
 ปักประดับด้วยลูกปัดคริสตัลและดิ้นเงิน
 ออกแบบโดยห้องเสื้อบัลแมง
 พระฉายาลักษณ์นี้เป็นภาพถ่ายฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 ถ่ายที่ประเทศไทย นอกจากนี้
สมเด็จพระบรมราชินีนาถยังได้ทรงฉลองพระองค์นี้ในงานถวายพระกระยาหารค่ำ
ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๘

<a href="http://www.youtube.com/v/MnVXrKrbT9M?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/MnVXrKrbT9M?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>

[♫♥♪♥ พ ริ ม ♫♥♪♥]

[♫♥♪♥ พ ริ ม ♫♥♪♥]

[♥✿ (เอ๋) ✿♥]

 

[♫♥♪♥ พ ริ ม ♫♥♪♥]

[ขวัญเองจ้า]

[FIRE]

เรื่องราวเล่าขานจากพระมหากรุณาแก่พสกนิกรภาคใต้
ผ้ายกทองนครศรีธรรมราช...ข้าวสังข์หยดพัทลุง..
ปะการังเทียมนราธิวาส...ส่งเสริมอาชีพแก่หมู่บ้านแม่ม่ายรอตันมา�

<a href="http://www.youtube.com/v/jwT4g4Pk-is?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/jwT4g4Pk-is?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>

"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2545
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
 เสด็จลง ณ ท้องพระโรงศาลาเริง วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
 ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธี
เฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ

12 August 2002 Their Majesties the King and Queen
 presiding over the Religious Rites on
 the occasion of Her Majesty's Birthday Anniversary,
 at Klai Kangwol Palace, Prachuap Khiri Khan Province.

[FIRE]

"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2528 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานพระราชดำริกับเจ้าหน้าที่ ในโอกาสที่เสด็จพระราชทาน
ไปทอดพระเนตรโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเรือ บ้านดงน้อย
 ตำบลดงมะไฟ และโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเดียก
 อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านนาคำ ตำบลห้วยยาง
 อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร และทรงเยี่ยมราษฎร





 



"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 14 สิงหาคม 2518 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
 ทอดพระเนตรหุ่นจำลองบริเวณโครงการชลประทานมูโนะ
และทรงพระราชปฏิสันถารกับข้าราชการและราษฎรในอำเภอสุไหงโก-ลก
 ถึงการขุดคลองระบาย น้ำ ยาวถึง 17 กิโลเมตรเศษ
 เพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยในเนื้อที่กว่า 20 ตารางกิโลเมตร



 

[FIRE]

[FIRE]

คลิกอ่าน พระราชอารมณ์ขัน 100 เรื่อง
http://welovethaiking.com/blog/category/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%99/



“ไม่ขึ้นเงินเดือนให้เสียที”
คลิกชม
http://welovethaiking.com/blog/%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AA/



http://welovethaiking.com/blog/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD/

[FIRE]

 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงมีพระราชศรัทธาที่จะทรงผนวช เมื่อปี พ.ศ. 2521
คลิกชมที่ลิงค์
http://welovethaiking.com/blog/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B2-152/

[FIRE]

 เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมศาลาว่าการเทศบาลกรุงบอนน์ ท่ามกลางประชนชนชาวเยอรมันเฝ้าฯ ชมพระบารมี
คลิกชมที่ลิงค์
http://welovethaiking.com/blog/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%A8/

ดูแล้วอบอุ่นจนน้ำตาคลอ…”ในหลวงรัชกาลที่ 9″ ทรงแซกโซโฟนรับเสด็จ “สมเด็จย่า”


คลิกชมที่ลิงค์มีคลิบ
http://www.praew.com/64097/king-of-thailand/king-playing-saxophone/
ชมคลิบ
https://youtu.be/KP6YvWcOZc0

[FIRE]

อ่านแล้วน้ำตาไหลในความยิ่งใหญ่ของพระทัย


อ่านแล้วน้ำตาไหลในความยิ่งใหญ่ของพระทัยครับ...(อ่านเถิด)

.

วันที่ 20 กันยายน 2520 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จไปจังหวัดยะลา ในช่วงที่ภัยแบ่งแยกดินแดนยังคุกกรุ่นมาก

ในหลวงฯ ทรงประทับอยู่บนศาลาที่ประทับ มีราษฎรทั้งไทยพุทธ และไทยมุสลิม ในท้องที่มาเข้าเฝ้ามากมาย

.

แต่ทันใดนั้น อยู่ๆ มีระเบิดตกลงไม่ไกลจากที่ประทับเท่าไหร่ ราษฎรต่างตกใจเด่นหนีกันไปหมด แต่ในหลวงฯ ทรงอยู่ในที่ประทับอย่างสงบ ไม่มีพระอาการตระหนกตกใจแต่อย่างใด

.

แต่สักแป๊บ ราษฎรที่เด่นหนีไป ต่างก็เด่นกลับมาหาในหลวงฯ

ในหลวงฯ ทรงตรัสถามว่า “อ้าว พวกท่านเด่นกลับกันมาทำไมล่ะ”

.

ราษฎรมุสลิมอาวุโสท่านหนึ่งที่พูดไทยได้ ตอบว่า

“ก็ในหลวงยังไม่หนี แล้วจะให้พวกเราหนีไปฝ่ายเดียวได้อย่างไร”

.

แล้วราษฎรหลายคนก็เด่นกลับมา นั่งรายล้อมศาลาที่ประทับ
เพื่อปกป้องในหลวงของพวกเขา แต่โชคดี ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้นอีก

.

ที่มา : FB_ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์  ..... ขอขอบคุณ

[FIRE]

๑,๐๐๐ พระบรมฉายาลักษณ์ อัลบั้มที่ ๒
จะทยอยลงภาพเรื่อยๆ จนครบ ๑,๐๐๐ ภาพนะคะ อัลบั้มที่ ๒ แล้ว ตอนแรกนึกว่าแค่อัลบั้มเดียวจะหมด สุดท้ายยังมีภาพเหลืออีกเยอะ ( ไม่มีข้อความบรรยายใต้ภาพ ) น่าจะใช้เวลา 3-5 วัน แอดมินดูแลเพจคนเดียวช้าหน่อยไม่ว่ากันนะคะ :)
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
๑. อัลบั้ม ๑,๐๐๐ พระบรมฉายาลักษณ์ อัลบั้มที่ ๑ : https://m.facebook.com/Signnagas/photos/…
๒. อัลบั้มเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ( มีข้อความบรรยายใต้ภาพ ) : https://m.facebook.com/Signnagas/photos/…
๓. อัลบั้มฟ้าโน้มชโลมดิน ประทินธรรมให้ทวยราษฎร์ , ๗๕ ภาพเล่าเรื่องพระเจ้าแผ่นดิน (มีข้อความบรรยายใต้ภาพ) : https://m.facebook.com/Signnagas/photos/…

 ตามรอยพ่อ

[FIRE]

"คำแม่สอน"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเล่าว่า
 สมเด็จพระบรมราชชนนีทรงสอนพระองค์เสมอว่า 'อย่าลืมตัว'

"ถ้าทำอะไรดีให้รู้ว่าดี แต่ว่าอย่าไปเห่อมากเกินไป"




'ยึดมั่นในความจริง'

"...ความผิดพลาดล้มเหลวของบุคคลหรือภารกิจต่างๆ นั้น
 ส่วนมากเกิดจากมูลเหตุข้อใหญ่คือความหลอกตัวเอง หลอกกันและกัน
 และเมื่อทำการงานโดยไม่อาศัยความจริงเป็นหลัก
 การดำเนินงานและการปรับปรุงแก้ไขก็ผิดพลาด
 ไม่อาจทำให้งาน ให้ตนเอง ประสบผลสำเร็จที่ดีได้..

นักปฏิบัติงานเพื่อความสำเร็จและความเจริญจึงต้องยอมรับความจริง
 และยึดมั่นในความจริง มีความจริงใจต่อตัวเองและต่อกันและกันอย่างมั่นคงตลอดเวลา
แต่ละคนจึงจะปฏิบัติตัวปฏิบัติงานได้อย่างสะดวกใจมั่นใจ
 ถูกต้องเที่ยงตรง ตามเป้าหมาย และพอเหมาะพอดี แก่ฐานะ แก่หน้าที่
 แก่โอกาสพร้อมทุกอย่างได้ ยังผลให้การสร้างสรรค์ความดีความเจริญบรรลุศุภผลอันพึงประสงค์..."

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๒๖

[FIRE]

พระอารมณ์ขัน.."ใส่แล้วโก้"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 ทรงเป็นแบบอย่างในเรื่องการประหยัดและใช้ข้าวของเครื่องใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด

ฉลองพระบาทที่ทรงใช้เวลาเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ต่างๆ
พระองค์จะทรงฉลองพระบาทองค์เดิมเป็นเวลานานหลายสิบปี
 ซึ่งฉลองพระบาทนั้นก็มิใช่ยี่ห้อยอดนิยมหรือมีราคาแพงเลย
ราคาไม่กี่ร้อย คู่ไหนชำรุดก็ทรงส่งซ่อมร้านเล็กๆ ใกล้ๆ วัง ทรงใช้คุ้มราคา คุ้มค่าที่สุด

ส่วนนาฬิกาที่ทรงใช้นั้น แม้จะมีผู้ทูลเกล้าฯ ถวายนาฬิกายี่ห้อดัง ราคาแพง
ก็มิได้ทรงใช้ ทรงใช้นาฬิกาธรรมดาที่ประชาชนทั่วไปใช้กันอยู่
 ทรงมีนาฬิกาเพื่อบอกเวลา ไม่ได้ทรงใช้เพื่อการอื่น มักจะรับสั่งว่า...

"ฉันใส่นาฬิกายี่ห้อ 'ใส่แล้วโก้'..."

ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ ยิ่ ง ยื น น า น

[♥✿ (เอ๋) ✿♥]

ขออนุญาตคุณFIRE แชร์เรื่องราวดีๆที่น่าประทับใจของพระองค์ท่านน๊ะค๊ะ
 

[FIRE]

หาชมยาก คลิป ในหลวง ร.9 เสด็จออกมหาสมาคมครั้งแรก เมื่อปี 2506
คลิกชมยูทูป
https://youtu.be/J2Asqczw-Gw

ยูเนสโกยกย่อง ในหลวง "พระมหากษัตริย์นักพัฒนาระดับโลก"

วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539
ระหว่างวาระฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
 องด์การยูเนสโกได้ประกาศยกย่อง
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ในสาขา
 "พระมหากษัตริย์นักพัฒนาระดับโลก"
นับเป็นบุคคลไทยลำดับที่ 10 ที่ยูเนสโกยกย่อง
 ว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักเพื่อแก้ไขปัญหาทุกข์สุขของราษฎรมาอย่างต่อเนื่อง
พระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 ล้วนเป็นสิ่งซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับพระราชกรณียกิจของพระองค์
 ที่มีต่อประเทศชาติ และประชาชนชาวไทยทั้งสิ้น
 องค์การยูเนสโกซึ่งเป็นองค์การที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลก
 ได้ประกาศให้พระองค์เป็นบุคคลสำคัญ
 เป็นการเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระองค์ไปอย่างกว้างขวางทั่วโลก
 เสมือนเป็นการตอกย้ำในความงาม ความดีของพระองค์ท่านที่เราชาวไทยควรจดจาร
 และเจริญรอยตามคุณความดีสืบต่อไป
 
พ่อของแผ่นดินผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย
 พระสยามเทวาธิราช เทวาภินิหารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก
 ได้โปรดอภิบาลให้ล้นเกล้าฯ ของชาวไทยทรงพระสิริสวัสดิ์
ทรงพระเกษมสำราญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน
ปราศจากโรคาพยาธิพิบัติภัยใดมาแผ้วพาน ขอจงทรงพระเจริญ
ถึงพร้อมด้วยจตุรพิธพรชัยทุกประการ กราบแทบพระบาท
   




พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดการเล่นกีฬามาตั้งแต่ทรงพระเยาว์
เมื่อประทับอยู่ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงโปรดกีฬาหลายประเภท
เช่น สกีน้ำแข็ง ยิงปืน กอล์ฟเล็ก การแข่งขันรถเล็ก เทนนิส
แบดมินตัน เครื่องร่อน ทรงเคารพกฏกติกาของกีฬาที่ทรงเล่น
 และทรงย้ำให้นักกีฬาทั้งหลายมีวินัยตลอดเวลา

นอกจากกีฬาแข่งขันแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ยังสนพระทัยการออกกำลังเพื่อสุขภาพอีกด้วย
 เช่น เด่นเหยาะ และเดินเร็ว ทรงพระราชทานพระราชดำรัสเกี่ยวกับการกีฬาไว้ว่า...

"...การกีฬามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของแต่ละคน...และชีวิตบ้านเมือง..."

[FIRE]

ตามรอยพ่อ




พระอารมณ์ขัน..."หาวิธีแข่ง"

เมื่อกราบบังคมทูลถามสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทำฐานข้อมูลส่วนพระองค์
ด้วยคอมพิวเตอร์หรือไม่ เกี่ยวกับการเสด็จเยี่ยมราษฎร
ในชนบทและการพระราชทานความช่วยเหลือ

"...ทั้ง ๒ พระองค์จำคนแม่นมาก แล้วเรื่องราวที่คนนี้ควรจะทำอะไรให้เขา
 ท่านมีหมดในสมอง คนอื่นจำไม่ได้ ก็เคยถามว่าทำไมทรงจำได้

ท่านก็บอกว่า..คนเราถ้าเอาใจใส่ก็จำได้ คือ เอาใจใส่..รักเขา..อยากให้เขาดี..
อยากช่วยเหลือให้เขามีความสุข เราก็คิดได้
 พอได้ฟังอย่างนี้ดูเหมือนกลายเป็นพวกเราไม่รักเขา ไม่อยากให้เขามีความสุข
 พวกเราก็แย่...ก็เลยหาวิธีการที่จะไปแข่งกับท่าน ( ทรงพระสรวล ) ...
จะได้ไปสนองท่านได้ ก็เลยมาทำฐานข้อมูลพวกนี้
ความจริงคือ พวกเราอยากทำมากกว่า ไม่ใช่ท่าน ท่านจำได้ด้วยพระองค์เอง..."

ภาพ : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร บ้านห้วยมงคล อ.หัวหิน ประจวบคิรีขันธ์
จากปกนิตยสาร Thailand Illustrated เดือนพฤษภาคม ๒๕๐๙

[FIRE]

"...พระเจ้าอยู่หัวและข้าพเจ้า
ไม่พอใจกับการที่เพียงแต่เยี่ยมเยือนราษฎร
 หรือเพียงแต่ทำสิ่งที่เคยทำกันเป็นประเพณี...
เราต้องพยายามทำดีกว่านั้น...ส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น...

...ดังนั้นการเพียงแต่ไปเยี่ยมเยือนราษฎร
 เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ที่ประมุขของประเทศ
จะต้องกระทำตามประเพณีนั้น...เป็นเรื่องไร้สาระ

...หากเราไม่สามารถมีส่วนร่วมในการบรรเทาทุกข์ยากของประชาชนแล้ว...
เราก็ต้องถือว่า การเป็นประมุขของประเทศประสบความล้มเหลว..."

พระราชดำรัสในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ






พระราชกระแสสัมภาษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานแก่ผู้สื่อข่าว

(ทูลถาม) : จริงหรือเปล่าเพคะที่มีคนเขาว่า ท่านอาจารย์ฝั้น (พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร) บอกกับคนอื่นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นี่คือรัชกาลที่ ๔ มาเกิด

(ทรงตอบ) : อ้อ...ถ้าเผื่อท่านอาจารย์ฝั้นกล่าวก็อาจจะเข้าเค้า
 ฉันไม่ทราบ เพราะไม่เคยกล่าวกับฉัน ทราบแต่ว่า ท่านบอกว่า
 พระเจ้าอยู่หัวองค์นี้มีบุญมาก เพราะว่าทำแต่ความดี
 แล้วก็มุ่งมั่นแต่ความดี ที่หลวงปู่โต๊ะ (โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ)
 ท่านบอกว่า คนโง่ ถึงจะไม่รู้ว่า พระมหากษัตริย์พระองค์นี้เป็นอย่างไร
 คนโง่เท่านั้นที่จะด่าว่า แล้วท่านบอกว่า ไม่เป็นมงคลเลยกับตัวเขาเอง
 บอกว่าถึงเขาจะห้อยพระ ถึงเขาจะมีของดีอะไรก็ตาม ท่านบอก
 ถ้าไม่มีความดีเป็นรากฐานแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนจะคุ้มครองได้
บอกคนนี่ต้องมีความดีอยู่ในตัว..

ภาพ : ภูมิพโลภิกขุ เสด็จฯ ไปทรงบิณฑบาตที่ทำเนียบรัฐบาล
(ขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของท่านเจ้าของภาพ คุณกิจจาณัฏฐ์ ตั้งจิตนุสรณ์)

[FIRE]

 k'g*

[แท็ก:]

กระโดดไป: เลือกหัวข้อ: ----------------------------- บอร์ดหวยรัฐบาล อภิโชค ----------------------------- => หวยรัฐบาล ลอตเตอรี่ เลขเด็ด ThaiLottery ===> apichoke ===> รวยๆเฮงๆ โดย janya ===> หวยซอง และ หนังสือหวย By:Goodyjung ===> numchai42 ===> goodrich ===> n_uthong ===> แพรวา ===> winnie ===> ตุ้งหนิง ผู้หญิงตัดเซียน ===> ห้องแข่งขัน ===> 10 อันดับคนเก่ง Top10 ===> ห้องรวมคนเก่ง -ผู้ที่ให้เลขถูก ===> ห้องประกาศข่าว ประชาสัมพันธ์ เก็บกระทู้ปักหมุดที่สำคัญ => ซุปเปอร์วีไอพี Super VIP => หวยซอง-หนังสือหวย VIP => ใบเรียงเบอร์ => สูตรหวย => ข่าวหวย ข่าวดังเลขเด็ด => ตรวจหวย เรียงเบอร์ ใบตรวจหวยอนันตโชค ม้าสีหมอก ===> ตรวจหวย => โชว์สลากกินแบ่งรัฐบาล ----------------------------- บอร์ดทั่วไป ----------------------------- => พระเครื่องของขลัง => โหราศาสตร์ ===> ท่าพระนคร ===> มณีนาถ ===> ดาวเหนือ ===> ทำนายฝัน & ดูดวง => คำประพันธ์..คำกลอน => สุขภาพ-สมุนไพร => คลายเครียด : สัพเพเหระ ตลก => เพลงดี ดนตรีเพราะ => ก้าวทันโลกออนไลน์ => ธรรมะและอื่นๆ => สาระบันเทิง ===> อภิโชคเรดิโอ => โปสเตอร์หนัง ปกหนัง ปกเพลง -ดีวีดี วีซีดี เทปฯ => สิ่งมหัศจรรย์ => โฆษณา แจกฟรี! คูปอง ส่วนลด => กฏระเบียบข้อบังคับ & การบริหาร => Thai Lottery & Finance ----------------------------- สถิติอภิโชค ----------------------------- => สถิติ Super Vip