อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน
28 มีนาคม 2024, 17:22:36 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ผลงานห้อง VIP (งวด 16 มี.ค.67)
อ.apichoke ปักหลักสิบหน่วย เข้า 2-6
อ.janya ถูกตรงเลขท้ายย๒ตัว 78
อ.goodrich ถูกตัวกลับเลขท้ายย๒ตัว 87
อ.พริม ฟันธงชุดเดียว ถูกตรงๆ เลขท้าย๒ตัว 78

ออก 626-78
   หน้าแรก   หวยรัฐบาล SUPER VIP หนังสือหวย VIP สมัคร vip ช่วยเหลือ แท็ก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก Register  
ฝากภาพ i-pic
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 [11] 12 13 14 15 16 17 18 19 20   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แล้วใครล่ะ...จะไม่รัก..  (อ่าน 829212 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #250 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2014, 10:16:51 »




ผู้ชายซึ่งในแผ่นดินนี้จะไม่ก้มเศียรให้ใคร
นอกจากผู้สืบทอดพระศาสนากับพระราชมารดาพระราชบิดาเท่านั้น
ทรงก้มลงกราบอย่างสุดจิตสุดใจ
ให้แก่ผู้หญิงที่พระองค์ทรงเทิดทูนมากที่สุดในโลก


<a href="http://www.youtube.com/v/s3Ysq8BSPrk?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=1&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/s3Ysq8BSPrk?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=1&amp;loop=1</a>





ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ ยิ่ ง ยื น น า น
พ่อของแผ่นดินผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
ปวงข้าพระพุทธเจ้าร่วมกันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
 ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล
ขอจงทรงพระสิริสวัสดิ์ ทรงพระเกษมสำราญ
 ปราศจากโรคาพยาธิพิบัติภัยใดมาแผ้วพาน
 ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เป็นธงชัยแห่งประเทศชาติ
และสถิตเป็นมิ่งขวัญแห่งอาณาประชาราษฎร์สืบไปชั่วจิรัฐติกาล
กราบแทบพระบาท
ตามรอยพ่อ

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:11:20 โดย FIRE » บันทึกการเข้า

FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #251 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2014, 14:37:52 »



บุคคลสำคัญของโลกที่ยูเนสโกยกย่อง

เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๓
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)
 เฉลิมพระเกียรติคุณแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเป็น
 "บุคคลสำคัญของโลก" ประจำปี ๒๕๔๓ ในวาระ ๑๐๐ ปี แห่งการพระราชสมภพ
ในฐานะที่ทรงมีผลงานดีเด่นเพื่อส่วนรวมในด้านการศึกษา
วิทยาศาสตร์ประยุกต์ การพัฒนามนุษย์ สังคม และสิ่งแวดล้อม


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:13:52 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
♥✿ (เอ๋) ✿♥
สมาชิกกิตติมศักดิ์วีไอพี
✤ Webmaster ✤
ยอดปรมาจารย์ C11

Diamond Hero 9
*

พลังน้ำใจ: 246855
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 370,707



« ตอบ #252 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2014, 07:21:42 »


23 ตุลาคม.... ของทุกปี เป็นวันปิยมหาราช ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
“สมเด็จพระปิยมหาราช” หรือ พระพุทธเจ้าหลวง มีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน”
ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม เป็น “วันปิยมหาราช”

บันทึกการเข้า
♫♥♪♥ พ ริ ม ♫♥♪♥
สมาชิกกิตติมศักดิ์vip
۞Webmaster۞
ปรมาจารย์ C10

Diamond Hero 9
*

พลังน้ำใจ: 317706
ออนไลน์ ออนไลน์

กระทู้: 569,213


ข่าวหวย ข่าวดังเลขเด็ด


« ตอบ #253 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2014, 09:24:48 »



23 ตุลาคม วันปิยมหาราช
วันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เคารพรักของทวยราษฎร์
พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ คือ
การประกาศเลิกทาส
ทำให้ปวงชนชาวไทยได้เป็นไทมาจวบจนวันนี้

บันทึกการเข้า
ขวัญเองจ้า
Junior Public Relations
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 52701
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 44,899



« ตอบ #254 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2014, 11:27:39 »


บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #255 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2014, 11:59:12 »

♥✿ (เอ๋) ✿♥
สมาชิกกิตติมศักดิ์อุปถัมภ์~ SUPER VIP36-2May17ல ผู้ช่วยผู้อำนวยการบอร์ด
Diamond Hero 9
*

พลังน้ำใจ: 104113
[คลิกขอบคุณ]
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: มากเกินบรรยาย

 g|"

♫♥♪♥ พ ริ ม ♫♥♪♥
สมาชิกกิตติมศักดิ์อุปถัมภ์~ SUPER VIP62-16Aug19~ ผู้ช่วย ผอ.ประชาสัมพันธ์
Diamond Hero 9
*

พลังน้ำใจ: 122303
[คลิกขอบคุณ]
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: มากเกินบรรยาย

 g|"

ขวัญเองจ้า
Public Relations
Golden Hero 8
**

พลังน้ำใจ: 40890
[คลิกขอบคุณ]
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 39,438

 g|"
ขอบคุณคุณเอ๋ คุณพริม คุณขวัญมากครับ
 t"* t"* t"*

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #256 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2014, 12:04:53 »


 
23 ตุลาคม วันปิยมหาราช

พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่
ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5


โปรดคลิก...อ่าน..


http://www.oknation.net/blog/print.php?id=890175

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:08:04 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #257 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2014, 12:15:27 »


สองพระหัตถ์ปฏิบัติภารกิจ สองพระเนตรเพ่งพิศปวงปัญหา
สองพระบาทย่างเยี่ยมปวงประชา พระมหากรุณาใหญ่ยิ่งมิ่งขวัญชน




สองพระหัตถ์โอบอุ้มคุ้มประเทศ สองพระเนตรส่องสุขทุกข์ไกลใกล้
สองพระกรรณสดับสุข ทุกข์ผองไทย ทรงห่วงใยไพร่ฟ้าประชาชน







  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:05:51 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #258 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2014, 12:22:16 »

ตามรอยพ่อ



พระอารมณ์ขัน...'ไม่เข้าใจเด็ก'

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงมีวิธีอบรมพระราชโอรสพระราชธิดาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเรียนรู้วิชาต่างๆ

"...ฉันพยายามให้ลูกชายของฉันเองค่อยๆ สนใจวิทยาศาสตร์ทีละน้อยๆ
 เขามีจรวดเล็กเล่นอยู่อันหนึ่ง ซึ่งฉันเคยสอนเรื่องความสำคัญของจรวด
 เขายิงจรวดไปยังเกาะกลางน้ำเล็กๆ ของเรา แล้วก็พายเรือไปเอามา

ฉันบอกเขาว่า นักวิทยาศาสตร์กว่าจะทำอะไรสำเร็จ
 เขาต้องรอทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย ความจริงก็มีบ่อยครั้งที่ฉันไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไร
 เขามีรถยนต์คันเล็กๆ คันหนึ่ง เขาถอดเอาเครื่องยนต์ออกหมดโดยไม่สนใจว่ามันจะเด่นได้หรือไม่
 เอาหลังคาออก มันยังเล่นได้ดี ต่อมาเขาก็เอาล้อและเครื่องยนต์ออกอีก
 ฉันถามเขาว่าแล้วจะทำอะไรต่อไปอีก เขาตอบว่า"ชายก็เดินไปสิ"..."

(พระราชกระแสรับสั่งกับศาสตราจารย์วิลมอตต์ แรดสเตล)




  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:07:40 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #259 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2014, 12:35:03 »



ทุกครั้งที่เสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎร ไม่ว่าแห่งหนตำบลหรือภูมิภาคใด
 มิได้ทรงคำนึงถึงเส้นทางที่จะเสด็จพระราชดำเนินหรือ
ภยันตรายใด ๆ หรือแม้พื้นที่ที่เสด็จฯ ไป
 จะต้องทรงพระดำเนินเป็นระยะทางหลาย ๆ กิโลเมตรตามเส้นทางที่ขรุขระ
 บางครั้งต้อง ขึ้นเขาลงห้วย บางครั้งต้องบุกป่าฝ่าดง
ด้วยไม่มีเส้นทางถนนที่จะเข้าไปถึง ก็มิได้ทรงย่อท้อหรือเหนื่อยหน่ายพระราชหฤทัย
 หรือ แม้ขุนเขาจะสูงชัน แม้ฝนจะตกหนัก ตามเส้นทางที่จะเสด็จฯ ผ่าน
 เต็มไปด้วยน้ำขังและโคลนตม หรือแม้อากาศจะหนาวเหน็บหรือ
 ร้อนอบอ้าว ก็ไม่ทรงถือเป็นอุปสรรคกีดขวางการเสด็จฯ
 ไปให้ถึงตัวราษฎรที่ทรงห่วงใย และที่เฝ้ารอการเสด็จพระราชดำเนินไป
 ทรงเยี่ยมเยียนอย่างใจจดจ่อ ภาพที่คนไทยทั่วประเทศได้เห็นจนเจนตาเจนใจ



ตลอดระยะเวลา ๖๐ กว่าปีที่ผ่านมา
พระมหากษัตริย์ ไทยพระองค์นี้เสด็จฯ
เคียงข้างด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
 พระราชโอรสและพระราชธิดา
ประทับท่ามกลางราษฎร
 มีพระราชดำรัสซักถามถึงปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรด้วยความสนพระราชหฤทัย
และเปี่ยมด้วยพระเมตตา ยังความชื่นชม
 โสมนัสในหมู่ราษฎรที่ทุกข์ยากเหล่านั้น
 นั่นคือกำลังใจที่จะทำให้พวกเขาลุกขึ้นสู้ชีวิตสู้ปัญหา
โดยไม่ย่อท้ออีกต่อไป








ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายพระพรชัยมงคล
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
 ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:09:52 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #260 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2014, 12:47:43 »




<a href="http://www.youtube.com/v/QnifO80uIjY?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/QnifO80uIjY?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>

เมื่อปีพ.ศ.๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯภาคอีสาน
 ทรงแหงนดูท้องฟ้าพบเมฆจำนวนมาก แต่พัดผ่านไปไม่ตกลงมาเป็นฝน
 จึงมีพระราชดำริแก้ไขความแห้งแล้งด้วยการทำ"ฝนเทียม"

ระยะเริ่มต้น ม.ร.ว. เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้สนองพระราชดำริ
 "โครงการค้นคว้าทดลองการทำฝนเทียม" ขึ้น
เนื่องจากเป็นวิชาการใหม่ แม้ในต่างประเทศก็ยังมีข้อมูลน้อย
 ทดลองทำฝนเทียมครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๑๒
 ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ประสบทั้งอุปสรรคและความล้มเหลว
 แต่พระองค์ทรงมุ่งมั่นติดตามผลการทดลองและพระราชทานข้...อแนะนำอย่างใกล้ชิด

วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๑๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสาธิตการทำฝนหลวง
ลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ประสบความสำเร็จอย่างแม่นยำในเวลาที่กำหนด
 โดยมีผู้แทนจากประเทศสิงคโปร์เฝ้าชม

ภายหลังในปีพ.ศ.๒๕๑๓ คณะรัฐมนตรีจึงประกาศให้
วันที่ ๑๙ ตุลาคมของทุกปีเป็น "วันเทคโนโลยีของไทย"

ฑีฆายุโกโหตุ มหาราชา ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
 จึงได้จัดทำวิดีโอคลิปในโครงการพระราชดำริเพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจออกไปให้เป็นที่แพร่หลาย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้จัดทำ "ตามรอยพ่อ"




 

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #261 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2014, 12:58:02 »




 'ร่วมมือกันทำเพื่อส่วนรวม'

"...การที่จะทำงานเพื่อความมั่นคงและก้าวหน้านั้น
มิใช่ว่าจะก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของแต่ละคนเท่านั้น
 จะต้องมีความร่วมมือสัมพันธ์กันระหว่างหน่วยงานทุกหน่วย
 เพื่อให้งานรุดหน้าไปพร้อมเพรียงกัน ไม่มีลดหลั่น

จึงขอให้ทุกคนพยายามที่จะทำงานในหน้าที่อย่างเต็มที่
 และมีการประสานสัมพันธ์กันให้ดี เพื่อให้
งานทั้งหมดเป็นงานที่เกื้อหนุนสนับสนุนกัน ไม่ใช่ทำลายกัน
ขอให้ทุกคนพิจารณาโดยรอบคอบถึงหน้าที่
และการงานของตนเพื่อให้เป็นผลดีแก่ส่วนรวม
 ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองมีความมั่นคง
และแต่ละคนจะได้สามารถมีชีวิตต่อไปได้โดยอาศัยผืนแผ่นดินไทยเป็นที่อยู่

ขอทุกคนจงมีแต่กำลังใจที่เข้มแข็งและกายที่เข้มแข็ง
เพื่อให้ปฏิบัติงานได้ และให้ประสบแต่ความสำเร็จและความเจริญ..."

พระบรมราโชวาท ในโอกาสพระราชทานเครื่องอิสริยาภรณ์แก่ข้าราชการ
 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๑๓




คิดดี ทำดี มีจิตเมตตาที่ดีต่อกัน อยู่ร่วมชาติด้วยความสามัคคี

"...คุณธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจนั้น
 ประการหนึ่งได้แก่ การให้ คือให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือกัน
 ให้อภัยไม่ถือโทษกัน ให้คำแนะนำตักเตือนที่ดีต่อกัน
ประการที่สอง ได้แก่ การมีวาจาดี คือพูดแต่คำสัตย์คำจริงต่อกัน
 พูดให้กำลังใจกัน แนะนำประโยชน์ให้แก่กัน และพูดให้รักใคร่ปรองดองกัน
ประการที่สาม ได้แก่การทำประโยชน์ให้แก่กัน
คือ ประพฤติตนให้เกิดประโยชน์ เกื้อกูลทั้งแก่กันและกัน และแก่หมู่คณะโดยส่วนรวม
ประการที่สี่ ได้แก่การวางตนให้สม่ำเสมออย่างเหมาะสมคือ
ไม่ทำตัวให้ดีเด่นเกินกว่าผู้อื่น และไม่ด้อยต่ำทรามไปจากหมู่คณะ
หมู่คณะใดมีคุณธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวกันไว้ดังกล่าว
หมู่คณะนั้นย่อมจะมีความเจริญมั่นคง

...คนที่อยู่ในประเทศย่อมต้องมีการขัดแย้งกันบ้าง
เหมือนในครอบครัวอยู่ใกล้ชิดกันก็อาจขัดแย้งกันได้
 แต่เมื่ออยู่ในครอบครัวเดียวกันคือประเทศชาติ
ก็เป็นครอบครัวใหญ่ ต้องรู้จักอภัยกัน รู้จักปรองดองกันให้ดี...
ชาติของเรานั้นมีผืนแผ่นดินและประชากรรวมกันอยู่เป็นส่วนร่างกาย
 มีศิลปวิทยา มีธรรมเนียมประเพณี มีความเชื่อถือ
 และความคิดจิตใจที่จะสามัคคีกัน อยู่เป็นปึกแผ่นซึ่งรวมเรียกว่า
'ความเป็นไท' เป็นส่วนจิตใจ..."

พระราชดำรัสพระราชทานในการเปิดประชุมประจำปีแก่สามัคคีสมาคมในพระบรมราชูปถัมป์
วันที่ ๑๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๕


ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
 ทรงพระเกษมสำราญ ตลอดกาล ตลอดไป
เป็นมิ่งขวัญให้ปวงชนชาวไทย ตราบนานเท่านาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ กราบแทบพระบาท

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:14:48 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #262 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2014, 12:11:07 »



ตามรอยพ่อ

 
คำพ่อสอน..'เมตตา ช่วยเหลือ รักกัน'

"...ความเมตตานั้น ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องที่กินไม่ได้
แต่ความเมตตานี้ก็นำมาสู่ความเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน
ความเอื้อเฟื้อกันทั้งในด้านความเป็นอยู่ ทั้งในความปลอดภัย
ทั้งในความเจริญ ความก้าวหน้าและความสุขที่เพิ่มขึ้นได้

สำคัญที่สุด..ขอให้มีความรู้สึกว่า ผู้อื่นมีปณิธานเช่นนี้เหมือนกัน.
ว่าต้องการความสุข และต้องการที่จะช่วยกันสร้างความสุข ความมั่นคง

ถ้ามีความคิดอย่างนี้แล้ว คนอื่นเขาก็สร้างเหมือนกัน คนอื่นเขาก็ทำเหมือนกัน
..แล้วก็เมตตาซึ่งกันและกัน..ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน..
รู้จักรักกัน ประเทศไทยจะมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น..."

พระราชดำรัส ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
วันเสาร์ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๑๙





ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ ยิ่ ง ยื น น า น
ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอน้อมเกล้าฯ
ถวายพระพรชัยมงคลด้วยความจงรักภักดี
 ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย
และอานุภาพแห่งสรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากล
 ได้โปรดอภิบาลให้พ่อและแม่ของแผ่นดินทรงพระสิริสวัสดิ์
 ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ เจริญด้วยจตุรพิธพรชัย
มีพระราชประสงค์จำนงหมายในสิ่งใด
ขอจงสัมฤทธิ์ดังพระราชหฤทัยปรารถนา
 สถิตเป็นมิ่งขวัญของปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ตราบชั่วนิรันดร์กาล
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
กราบแทบพระบาท
ตามรอยพ่อ

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:18:25 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #263 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2014, 12:14:23 »



'มีความสุขด้วยการให้'

นับตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๒
ที่ผมมีโอกาสถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 จนถึงเกษียณจากราชการ รวมแล้วกว่า ๒๐ ปีนั้น
ตลอดระยะเวลาเห็นชัดเจนเลยว่า ทรงงานด้วยความสุข
 เราจะเห็นรอยพระสรวล (รอยยิ้ม) ของพระองค์ ก็ตอนทรงงานกับราษฎร
ทรงมีความสุขมาก ทรงมีความสุขด้วยการให้
 ทรงมีความสุขที่จะเข้าไปพูดคุยกับราษฎรอย่างใกล้ชิด
 มีความสุขท่ามกลางชาวบ้านที่มาเข้าเฝ้า
ระหว่างทรงงาน พระองค์ไม่ทรงย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ
 ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไกลๆ แม้ไม่มีถนนหนทาง
 จะอย่างไรถ้าพระองค์ทรงตั้งพระทัยแล้ว จะเสด็จฯ ไปให้ถึงจนได้

เมื่อไปถึงก็จะทรงใช้เวลาอย่างคุ้มค่า พูดคุยกับราษฎร
 รับฟังปัญหาจากผู้เฒ่าผู้แก่ แม้แต่ชาวบ้านวัยหนุ่มสาว ช
าวเขา ชาวดอย ทรงพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเอง อย่างใกล้ชิด

มีรับสั่งเสมอว่า...เวลาทำงานขอให้สนุกในการที่จะทำ..และทำด้วยความเต็มใจ

าก 'มีความสุขด้วยการให้' เขียนโดยคุณปราโมทย์ ไม้กลัด
 อดีตวิศวกรอำนวยการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กรมชลประทาน

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:19:03 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #264 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2014, 12:23:00 »

“ฉันไปได้”…20 ภาพรอยเท้าของ “พ่อ” ไม่ว่า “ลูก” จะอยู่ที่ใดบนขวานทองนี้
http://www.praew.com/60940/king-of-thailand/king-bhumibol-3/
ลูกของพ่อทุกคนคงได้อ่านบันทึกจากภาพที่ชื่อว่า “ฉันไปได้” กันมาแล้วในโซเชียลมีเดียที่ถูกแชร์กระหน่ำ ซึ่งคัดลอกมาจากสัมภาษณ์ตอนหนึ่งของ “นายสวัสดิ์ วัฒนายากร” อดีตองคมนตรี และอดีตอธิบดีกรมชลประทาน ที่เล่าถึงการทุ่มเทพระวรกายทรงงานอย่างหนักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ในการเสด็จฯไปทรงงานยังพื้นที่ทุรกันดารโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในการเดินทาง โดยมีใจความว่า…

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯไปทรงงานยังพื้นที่จริง ซึ่งเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นที่ทุรกันดาร บางแห่งข้าราชการยังไม่เคยไป หรือไม่กล้าไปเพราะกลัวอันตรายด้วยซ้ำ ถ้าวันไหนอากาศไม่ดี หากเป็นผู้ใหญ่ไปดูงาน ฝนมาก็เลื่อนหรือยกเลิก…แต่สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ไม่มีคำว่า “ยกเลิก” เพราะอากาศไม่ดี

แถมยังเสด็จฯออกนอกเส้นทางเป็นประจำ ถ้าทีมถวายความปลอดภัยกราบบังคมทูลว่า “เสด็จฯไปไม่ได้ ไม่มีถนนตัดผ่านพระพุทธเจ้าข้า” พระองค์ท่านจะรับสั่งกลับมาทุกครั้งว่า…

“ฉันไปได้”

ทั้งที่หลายครั้งต้องทรงพระดำเนินปีนป่ายไปบนภูเขา หรือทรงพระดำเนินไต่ลงไปในหุบเหวที่เต็มไปด้วยโคลนตม ปลิง และทากจนค่ำมืดดึกดื่น หลายครั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตามเสด็จด้วย มีท่านพระองค์เดียวที่ดึงทากออกจากพระบาทได้ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเล็กสำหรับในหลวง คืนหนึ่งผมได้ร่วมโต๊ะเสวย หลังจากที่พระองค์ท่านเสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ทุรกันดารแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พระราชกระแสรับสั่งที่ยังก้องอยู่ในหูของผมจนถึงทุกวันนี้คือ

“ที่เขายากจน ต้องมาทำมาหากินในพื้นที่แห้งแล้งเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะมา
แต่เพราะเขาไม่มีที่อื่นจะไป ที่ฉันช่วยเขา ไม่ใช่ว่าจะช่วยตลอดไป
แต่ช่วยเพื่อให้เขาได้มีโอกาสช่วยตัวเองต่อไป”

นับเป็นความโชคดีของคนไทยที่ได้เกิดและอาศัยอยู่บนแผ่นดินภายใต้ร่มพระบารมีของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ ในโอกาสนี้แพรวจึงขอนำ 20 ภาพ ที่บอกเล่าเรื่องราวการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในการเดินทางของ พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน ที่ทรงทุ่มเทพระวรกายปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใดบนขวานทองนี้

























  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:24:47 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #265 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2014, 12:28:45 »






ครั้งหนึ่ง เมื่อหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “เคยทรงเหนื่อย ทรงท้อบ้างหรือไม่” ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสตอบว่า “ความ จริงมันน่าท้อถอยหรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านคือเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ”

ข้อมูลจาก ไทยรัฐ ฉบัย 5 ธ.ค.32




ปีพุทธศักราช 2513 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จพระราชดำเนินไป เยี่ยมราษฎรในตำบลหนึ่งของอำเภอเมืองพัทลุง อันเป็นแหล่งที่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ปฏิบัติการรุนแรงที่สุดในภาคใต้ เวลานั้น ด้วยความห่วงใยอย่างยิ่งล้น ทางกระทรวงมหาดไทยได้กราบบังคมทูลขอให้ทรงรอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่าที่เป็น อยู่เสียก่อน แต่คำตอบที่ทางกระทรวงมหาดไทยได้รับก็คือ “ราษฎรเขาเสี่ยง ภัยยิ่งกว่าเราหลายเท่า เพราะเขาต้องกินอยู่ที่นั่นเขายังอยู่ได้ แล้วเราจะขลาดแม้แต่จะไปเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของเขาเชียวหรือ… คนเราจะอยู่สุขสบายแต่คนเดียวไม่ได้ ถ้าคนที่อยู่ล้อมรอบมีความทุกข์ยาก ควรต้องแบ่งเบาความทุกข์ยากของเขาบ้าง ตามกำลังและความสามารถเท่าที่จะทำได้!”

ข้อมูลจากคำอภิปรายเรื่อง “พระบิดาประชาชน”



ที่นครพนม บนเส้นทางรับเสด็จตรงสามแยกชยางกูร-เรณูนคร บายวันที่ 13 พ.ย. 2498 อาณัติ บุนนาค หัวหน้าส่วนช่างภาพประจำพระองค์ ได้บันทึกภาพในวินาทีสำคัญที่กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศ ภาพที่พูดได้มากกว่าคำพูดหนึ่งล้านคำ

ในหลวง ยายแก่ วันนั้น หลังจากทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารเสร็จสิ้นในช่วงเช้าแล้ว ทั้ง 2 พระองค์ได้เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งกลับไปประทับแรม ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ราษฎรที่รู้ข่าวก็พากันอุ้มลูก จูงหลานหอบกันมารับเสด็จที่ริมถนนอย่างเนืองแน่น ดังเช่นครอบครัว จันท์นิตย์ ที่ลูกหลายช่วยกันนำ แม่ตุ้ม จันทนิตย์ วัย 102 ปี ไปรอรับเสด็จ ณ จุดรับเสด็จห่างจากบ้าน 700 เมตร โดยลูกหลานได้จัดหาดอกบัวสายสีชมพูให้แม่เฒ่าจำนวน 3 ดอก และพาออกไปรอที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทที่สุด

เปลวแดดร้อนแรงตั้งแต่เช้าจนสาย เที่ยงจนบ่าย แผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจรักภักดีของหญิงชรายังเบิกบาน เมื่อเสด็จฯ มาถึงตรงหน้า แม่เฒ่าได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้นขึ้นจบเหนือศีรษะแสดงความจงรักภักดี อย่างสุดซึ้ง พระเจ้าแผ่นดินทรงโน้มพระองค์อย่างต่ำที่สุด จนพระพักตร์แนบชิดกับศีรษะของแม่เฒ่า ทรงแย้มพระสรวลอย่างเอ็นดู พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของเกษตรกรชราชาวอีสานอยางอ่อนโยน

เป็นคำบรรยายเหมือนไม่จำเป็น สำหรับภาพที่ไม่จำเป็นต้องบรรยาย ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับแม่เฒ่า แต่แน่นอนว่าแม่เฒ่าไม่มีวันลืม

เช่น เดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น หลานและเหลนของแม่เฒ่าเล่าว่า “หลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้ว ทางสำนักพระราชวังได้ส่งภาพรับเสด็จของแม่เฒ่าตุ้ม พร้อมทั้งพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพลาสเตอร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานผ่านมาทางอำเภอพระธาตุพนมให้แม่เฒ่าตุ้มไว้เป็นที่ระลึก” พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ อาจมีส่วนชุบชูชีวิตให้แม่เฒ่ายืนยาวขึ้นอีกด้วยความสุขต่อมาอีกถึงสามปี เต็ม ๆ แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ ราษฎรผู้โชคดีที่สุดคนหนึ่งในรัชกาลที่ 9 สิ้นอายุขัยอย่างสงบด้วยโรคชราเมื่ออายุได้ 105 ปี

ข้อมูลจาก “แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์” ภาคพิเศษโดย คุณหญิงศรีนาถ สุริยะ วารสารไทย

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:35:01 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #266 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2014, 12:40:27 »



… มีอยู่ครั้งนึง ข้าพเจ้าอายุ 18 ปี ได้ตามเสด็จ…ตอนนั้นเป็นช่วงหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรทุกจังหวัดและอำเภอใหญ่ๆ ก็เสด็จฯ ประมาณ 9 โมงเช้า เสด็จออกทรงเยี่ยมราษฎรมาเรื่อยๆ ทีนี้ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่า แหมนานเหลือเกิน ตอนนั้นยังไม่กางร่ม ตอนนั้นยังไม่ค่อยกลัวแดด ไม่ใส่หมวก ก็รู้สึกแดดเปรี้ยง หนังเท้านี้รู้สึกไหม้เชียว ก็เดินเข้าไปกระซิบท่านว่า พอหรือยัง ก็โดนกริ้ว

นี่เห็นไหมราษฎรเขาเดินมาเป็นวัน ๆ เพื่อมาดูเราแม้แต่นิดเดียว แต่นี่เรายืนอยู่ไม่เท่าไรล่ะ ตอนนี้ทนไม่ไหวเสียแล้ว..

พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ วันที่ 11 ส.ค. 2534




บทความ “น้ำทิพย์สาดเป็นสายพรายพลิ้วทิวงาม ทั่วเขตคามชื่นธารา” เขียนโดย มนูญ มุกข์ประดิษฐ์ ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 5 ธ.ค.2528 ได้เล่าให้ผู้อ่านชาวไทยได้ประจักษ์ถึงเรื่องอัศจรรย์ของ “ในหลวง” กับ “น้ำ” ที่เกิดขึ้นในคำวันหนึ่งของเดือน ก.พ.2528

ด้วยความทุกข์ที่เปี่ยมล้นใจอันเนื่องมาจากต้องเผชิญความแห้งแล้งอย่างหนัก หญิงชราคนนึ่งที่มาเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จได้คลานเข้ามากอดพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูลด้วยน้ำตาอาบแก้ม ขอพระราชทานน้ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบว่า “ยายไม่ต้องห่วงแล้วนะ ต่อไปนี้จะมีน้ำ เราเอาน้ำมาให้” แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระดำเนินกลับไปยังรถพระที่นั่งซึ่งจอด ห่างออกไปราว 5 เมตร ปรากฎว่าท่ามกลางอากาศที่ร้อนแล้ง จู่ๆ ก็เกิดฝนตกลงมาเป็นครั้งแรกในรอบปี ทำให้ผู้ตามเสด็จและราษฎรในที่นั้นถึงกับงุนงงไปตามๆ กัน




การเสด็จพระราชดำเนินทุกครั้ง แม้จะต้องเผชิญกับแดดร้อนหรือลมแรง ราษฎรก็ไม่เคยย้อท้อที่จะอดทนรอรับเสด็จให้ถึงที่สุด แม้ฝนจะตกหนักแค่ไหนก็ไม่มีใครยอมกลับบ้าน

ร้อยเอกศรีรัตน์ หริรักษ์ เล่าไว้ในบทความ “พระบารมีปกเกล้าฯ ที่อำเภอท่ายาง” ตีพิมพ์ในหนังสือ “72 พรรษาราชาธิราชเจ้านักรัฐศาสตร์” ว่า ครั้งหนึ่งที่โครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฎว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ราษฎรและข้าราชการที่มาเข้าแถวรอรับเสด็จต่างเปียกปอนกันหมด แต่ก็ยังตั้งแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่อย่างนั้น

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ นายตำรวจราชองค์รักษ์ที่ตามเสด็จได้เข้าไปกางร่มถวาย ทรงทอดพระเนตรเห็นบรรดาข้าราชการและราษฎรที่มายืนตั้งแถวรอรับเสด็จอยู่ต่าง ก็เปียกฝนโดยทั่วกัน “จึงมีรับสั่งให้นายตำรวจราชอครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงพระดำเนินเยี่ยมข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเสด็จ โดยทรงเปียกฝนเช่นเดียวกับข้าราชการ และราษฎรทั้งหลายที่ยืนรอรับเสด็จในขณะนั้น”







บทความชื่อ “แผ่นดินร่มเย็นที่นราธิวาส” ตีพิมพ์ในนิตยสาร “สู่อนาคต” ฉบับพิเศษเนื่องในวันเฉลิมฯ ได้เล่าย้อนให้เราได้เห็นภาพความยากลำบากในการเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรทางภาใต้เมื่อหลายปีก่อน โดยเฉพาะช่วงก่อนสร้างพระราชตำหนักทักษิณราชนิเวศน์นั้น เป็นที่รู้กันว่าจังหวัดนราธิวาสชุกชุมไปด้วยโจรร้าย โจรปล้นสะดมและพวกโจรเรียกค่าไถ่ ถึงขนาดที่ในหลายๆ หมู่บ้านนั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไป

ทว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักในทุกข์อันลึกล้ำของชาวบ้านที่ทั้งทุกข์เพราะยากจน และทุกข์เพราะภัยคุกคาม จึงได้เสด็จฯ ลงไปเยี่ยมเยียนเป็นขวัญกำลังใจให้ราษฎรของพระองค์โดยไม่ทรงหวาดหวั่น บางวันถึงกับเสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์โดยปราศจากกำลังอารักขา และบางหมู่บ้านตำรวจเพิ่งถูกคนร้ายแย่งปืนแล้วยิ่งตายก่อเสด็จไปถึงเพียงไม่ กี่ชั่วโมง

ทรงรักราษฎรถึงเพียงนี้ จึงไม่แปลกที่หญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้านหนึ่งของอำเภอรือเสาะจะเข้ามาเกาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร้องไห้แล้วบอกว่า “ไม่นึกเลยว่าพระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไทยชาวพุทธ จะมารักมุสลิมได้ถึงขนาดนี้…”

บทความเดียวกันได้เปิดเผยต่อไปอีกว่า ที่อีกหมู่บ้านหนึ่งในอำเภอเดียวกันนั้น โต๊ะครูได้พาพรรคพวกมายืนรอรับเสด็จแล้วพูดขึ้นว่า “..รายอกลับไปเถอะ ประไหมสุหรีกลับไปเถิด ประเดี๋ยวพวกโจรจะลงจากเขา…” และเมื่อถึงเวลาเสด็จฯ กลับที่มืดสนิทอย่างน่ากลัว โต๊ะครูกับชาวบ้านก็พากันมาจุดเทียนส่งเสด็จตลอดเส้นทางอันตราย ด้วยความห่วงใยใน “รายอ” และ “ประไหมสุหรี” หรือ พระราชาพระราชินีของพวกเขาอย่างสุดซึ้ง

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:39:46 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #267 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2014, 12:45:29 »



หากย้อนกลับไปค้นหาจุดเริ่มต้นของพระราชกรณียกิจในด้านการพัฒนาแล้ว ชื่อของ “ลุงรวย” และ “บ้านห้วยมงคล” คือสองชื่อที่ลืมไม่ได้ เรื่องราวของ “ลุงรวย” เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2495 หรือมากกว่าห้าสิบปีล่วงมาแล้ว ที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กใน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

บ้านห้วย มงคลนี้อยู่ทั้ง “ใกล้และไกล” ตลาดหัวหิน ใกล้เพราะระยะทางที่ห่างกันนั้นไม่กี่กิโลเมตร แต่ไกลเพราะไม่มีถนน หากชาวบ้านจะขนพืชผักไปขายที่ตลาดต้องใช้เวลาเป็นวันๆ

ห่างไกลความเจริญถึงเพียงนี้ แต่วันหนึ่งกลับมีรถยนต์คันหนึ่งมาตกหล่มอยู่ที่หน้าบ้านลุงรวย เมื่อเห็นทหารตำรวจกว่าสิบนายระดมกำลังกันช่วยรถคันนั้นขึ้นจากหล่ม ลุงรวยผู้รวยน้ำใจสมชื่อก็กุลีกุจอออกไปช่วยทั้งงัด ทั้งดัน ทั้งฉุด จนที่สุดล้อรถก็หลุดจากหล่ม เมื่อรถขึ้นจากหล่มแล้ว ลุงรวยจึงได้รู้ว่ารถคันที่ตัวทั้งฉุดทั้งดึงนั้นเป็นรถยนต์พระที่นั่งและคน ในรถนั้นคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระราชินีนาถ

แม้จะตื่นเต้นตกใจที่ได้เฝ้าฯ ในหลวงอย่างไม่คาดฝัน แต่ลุงรวยก็ยังจำได้ว่าวันนั้น “ในหลวง” มีรับสั่งถามลุงว่า “หมู่บ้านนี้มีปัญหาอะไรบ้าง..” ลุงได้กราบบังคมทูลว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดคือไม่มีถนน จึงนอกจากจะโชคดีได้รับพระราชทาน “เงินก้นถุง” จำนวน 36 บาท ซึ่งลุงนำไปเก็บใส่หีบบูชาไว้เป็นสิริมงคลจนถึงทุกวันนี้แล้ว

อีกไม่นานหลังจากนั้น ลุงรวยก็ได้เห็นตำรวจพลร่มกลุ่มหนึ่งเข้ามาช่วยกันไถดินที่บ้านห้วยมงคล และเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ชาวบ้านก็ได้ถนนพระราชทาน ถนนห้วยมงคลที่ทำให้ชาวไร้ห้วยมงคลสามารถขนพืชผักออกมาขายที่ตลาดหัวหินได้ ภายในเวลาเพียง 20 นาที



มีหลายหนที่ทรงงานติดพันจนมืดสนิท ท่ามกลางฝูงยุงที่รุมตอมเข้ามากัดบริเวณพระวรกาย รอบพระศอ พระกร พระพักตร์ รวมทั้งแมลงตางๆ ที่เข้ามารุมรบกวนพระองค์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวจะยังทรงทอดพระเนตรแผนที่อยู่ภายใต้แสงไฟฉายที่มีผ้ส่องถวายอยางไม่สะ ดุ้นสะเทือน อย่างมากที่ทรงทำคือโบกพระหัตถ์ปัดไล่เบาๆ เท่านั้น

ครั้งหนึ่งทรงมีรับสั่งเล่าเรื่อง “ยุง” ด้วยพระอารมณ์ขันว่า “.. ที่บางจาก แต่ไม่มีจากหรอกนะ ยุงชุมมากเลย ไปยืนดูแผนที่ เลยโดนยุงรุมกัดขาทั้งสองข้าง กลับมาขาบวมแดง ไปสกลนครกลับมาแล้วถึงได้ยุบลง มองเห็นเป็นตุ่มแตง ลองนับดูได้ข้างละร้อยห้าสิบตุ่ม สองข้างรวมสามร้อยพอดี..”




วันที่ 7 พ.ย. 26 ขณะที่ชาวกรุงเทพมหานครส่วนหนึ่งกำลังทนทุกข์หนักกับสภาพน้ำท่วมขัง น้อยคนที่จะรู้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกำลังทรงพยายามหาหนทางบรรเทาทุกข์ให้พวกเขาอยู่อย่างเงียบ ๆ

วันนั้นรถพระที่นั่งแวนแวคคอนเนียร์ แล่นออกจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ราวบ่ายสองโมงเศษ สู่ถนนศรีอยุธยาเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี มุ่งสู่ถนนบางนาตราด ไม่มีหมายกำหนดการ ไม่มีการปิดถนน แม้แต่ตำรวจท้องที่ก็ไม่ทราบล่วงหน้า

รถยนต์พระที่นั่งชะลอเป็นระยะๆ เพื่อทรงตรวจดูระดับน้ำ จนเมื่อถึงคอสะพานสร้างใหม่ที่คลองลาดกระบัง จึงเสด็จลงจากรถยนต์พระที่นั่งเพื่อทรงหารือกับเจ้าหน้าที่ที่ตามเสด็จ

ทรงฉายภาพด้วยพระองค์เอง ทรงกางแผนที่ทอดพระเนตรจุดต่างๆ จนถึงเวลาบ่ายคล้อย รถยนต์พระที่นั่งจึงแล่นกลับ เมื่อถึงสะพานคลองหนองบอน รถพระที่นั่งหยุดเพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉายภาพบริเวณน้ำท่วม และทรงศึกษาแผนที่ร่องน้ำอีกครั้ง

ปรากฎว่าชาวบ้านทราบข่าวว่า “ในหลวงมาดูน้ำท่วม” ต่างก็พากันมาชมพระบารมีนับร้อยๆ คน จนทำให้การจราจรบนสะพานเกิดการติดขัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องทรงโบกพระหัตถ์ให้รถขบวนเสด็จผ่านไปจนเป็น ที่เรียบร้อยด้วยพระองค์เอง!




เย็นย่ำแล้วแต่ขบวนรถยนต์พระที่นั่งยังไม่หมดภารกิจ เมื่อรถเด่นกลับมาทางถนนพัฒนาการ ทรงแวะฉายภาพบริเวณคลองตัน ทอดพรเนตรระดับน้ำแล้วทรงวกกลับมาที่คลองจิก

เวลานั้นฟ้ามืดแล้วเพราะเป็นเวลาจวนค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงนำไฟฉายส่วนพระองค์ออกมาส่องแผนที่ป้องกัน น้ำท่วมและแนวพนังกั้นน้ำอยู่เป็นเวลานาน กลายเป็นอีกภาพหนึ่งที่สร้างความตื้นตันใจแก่ประชาชนชาวกรุงเทพฯ อย่างยิ่ง

ประชาชนคนหนึ่งในละแวกเคหะนคร 1 แขวงบางบอน เขตประเวศ บอกว่า “รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ทรงห่วงใยทุกข์ของราษฎร เสด็จฯ มาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมด้วยพระองค์เอง พวกเราถึงจะทนทุกข์เพราะน้ำท่วมขังเน่ามาเป็นเวลานานก็เชื่อมั่นว่าพระองค์ ทรงช่วยพวกเราได้อย่างแน่นอน”



ในเดือนหนึ่งของปี 2528 พระทนต์องค์หนึ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหักเฉียดโพรงประสาทฟัน พระทนต์องค์นั้นต้องการการถวายการรักษาเร่งด่วน แต่ขณะนั้นกรุงเทพฯ ก็กำลังประสบปัญหาอุทกภัย ต้องการการบรรเทาทุกข์เร่งด่วนเช่นกัน

เมื่อทันตแพทย์เข้ามาถวายการรักษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งถามว่า “จะใช้เวลานานเท่าใด” ทันตแพทย์กราบบังคมทูลว่า อาจต้องใช้เวลา 1-2 ชม. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า “ขอรอไว้ก่อนนะ ฉันทนได้ วันนี้ขอไปดูราษฏรและช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วมก่อน”




เมื่อนิตยสาร “สไตล์” ฉบับปี 2530 ได้ตั้งคำถามกับ ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล ถึง “คำสอน” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ประทับอยู่ในหัวใจ ดร.สุเมธ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการ กปร. ตอบว่า คำสอน ประโยคเดียวก็เกินพอนั้นคือพระราชดำรัสที่ว่า “มาอยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น”

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:45:42 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #268 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2014, 12:59:33 »



สำหรับผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์มืดมน พระบรมฉายาลักษณ์ไม่เพียงเป็นรูปเคารพบูชา แต่ยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความศรัทธาที่ช่วยให้มีแรงต่อสู้กับความทุกข์ต่อไปได้ ดังคุณยายละเมียด แสงเนียมวัย 72 ปี ชาวจังหวัดชุมพร ผู้ที่เผชิญกับอุทกภัยภาคใต้ในปี 2540 น้ำท่วมบ้านสูงมากจนอยู่อาศัยไม่ได้

“อยู่ๆ น้ำก็ท่วมมาเร็วมาก ยายต้องไปขออาศัยบ้านคนอื่นเขาอยู่ ต่อมาก็ขึ้นไปอยู่ชั้นบน ออกไปไหนไม่ได้เลย” … พอดีที่บ้านนี้เขาปลูกมะละกอ ต้นมันสูงมาถึงหน้าต่างเราก็เอื้อมถึงพอดี เลยได้กินข้าวกับมะละกอ ก็กินมาสามวัน มาเมื่อวานผู้ใหญ่บ้านมาบอก มูลนิธิในหลวงจะเอาของมาแจกยายคิดเลยว่า ไม่อดตายแล้ว ทุกครั้งที่คนไทยเดือดร้อน ในหลวงจะให้ความช่วยเหลือทุกครั้ง

ของที่ยายได้มา ที่ดีใจที่สุดคือมีรูปของท่านมาด้วย ที่บ้านเสียหายหมดแล้ว ยายจะเอารูปท่านไว้บูชา ยายพูดแล้วก็ก้มลงกราบพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยความจงรักสุดหัวใจ




“การประทับอยู่ในบ้านเมือง” ดังพระราชดำรัสนั้น ในเวลาต่อมาก็เป็นที่รู้กันว่ามิได้หมายถึงการประทับอยู่ในเมืองหลวงเท่า นั้น แต่ยังเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรของพระองค์จนแทบจะทั่วทุกตารางนิ้วที่พระบาทจะย่างไปถึงได้ ทรงวิทย์ แก้วศรี ผู้เรียบเรียงบทความ “บรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าผู้ทรงพระคุณธรรมอันประเสริฐ” บันทึกไว้ว่า

วันที่ 13 ก.ย 2497 ขณะที่ทรงมีพระชนมายุ 26 พรรษา และทรงครองราชย์เป็นปีที่ 8 ปรากฎว่าเกิดเหตุการณ์อัคคีภัยครั้ง ร้ายแรงขึ้นที่อำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยือนราษฎรชาวบ้านโป่งผู้ประสบภัยในพื้นที่ ทรงทอดพระเนตรบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้และพระราชทานสิ่งของบรรเทาทุกข์

ทุกข์ในยามยากเพราะสิ้นเนื้อประดาตัวจากภัยเพลิงนั้นมากล้น แต่เมื่อได้รู้ว่ายังมีใครสักคนคอยเป็นกำลังใจ ทุกข์สาหัสแค่ไหนก็ยังพอมีแรงกายลุกขึ้นสู้ต่อได้ การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบภัยในครั้งนั้น นับได้ว่าเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกในรัชกาล




เป็นที่รู้กันดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเริ่มเสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 และหลังจากนั้นบัณฑิตทุกคนก็เฝ้ารอที่จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์อย่างใจจดใจจ่อ

ภาพถ่ายวันรับพระราชทานปริญญาบัตรกลายเป็นของ ล้ำค่าที่ต้องประดับไว้ตามบ้านเรือนและเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของหนุ่ม สาวและความภาคภูมิใจของบิดามารดา

จน 29 ปีต่อมามีผู้คำนวณให้ฉุกใจคิดกันว่าพระราชภารกิจในการพระราชทานปริญญาบัตร นั้นเป็นพระราชภารกิจที่หนักหน่วงไม่น้อย หนังสือพมพ์ลงว่าหากเสด็จฯพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละราว 3 ชม. เท่ากับทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทานใบปริญญาบัตร 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมดที่พระราชทานมาแล้ว 141 ตัน

ไม่เพียงเท่านั้น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ยังเล่าเสริมให้เห็น “ความละเอียดอ่อนในพระราชภารกิจ” ที่ไม่มีใครคาดถึงว่า “ไม่ได้พระราชทานเฉยๆ ทรงทอดพระเนตรอยู่ตลอดเวลา โบหลุดอะไรหลุดพระองค์ท่านทรงผูกโบว์ใหม่ให้เรียบร้อย บางครั้งเรียงเอกสารไว้หลายวัน ฝุ่นมันจับ พระองค์ท่านก็ทรงปัดออก”



เนื่องจากท่านพระราชทานปริญญาบัตรเป็นจำนวนมาก จึงมีผู้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ทรงลดการเสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรลงบ้าง โดยอาจงดเว้นการพระราชทานปริญญาบัตรในระดับป.ตรี คงไว้แต่เพียงระดับปริญญาโทขึ้นไป

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับมีพระราชกระแสรับสั่งตอบว่า พระองค์เองเสียเวลายื่นปริญญาบัตรให้บัณฑิตคนละ 6-7 วินาทีนั้น แต่ผู้ได้รับนั้นมีความสุขเป็นปี ๆ เปรียบกันไม่ได้เลย ที่สำคัญคือ ทรงเห็นว่าการพระราชทานปริญญาสำหรับผู้สำเร็จป.ตรี นั้นสำคัญ เพราะบางคนอาจไม่มีโอกาสศึกษาชั้นปริญญาโทและปริญญาเอก ดังนั้น “จะพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตปริญญาตรีไปจนกว่าจะไม่มีแรง..”




เมื่อมีผู้สื่อข่าว bbc ขอพระราชทานสัมภาษณ์เพื่อประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Soul of Nation ในปี 2522 โดยได้กราบบังคมทูลถามถึงพระราชทัศนะเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของพระมหากษัตริย์ไทย พระองค์ได้พระราชทานคำตอบว่า

การที่จะอธิบายว่าพระมหากษัตริย์ คืออะไรนั้น ดูเป็นปัญหาที่ยากพอสมควร โดยเฉพาะในกรณีของข้าพเจ้า ซึ่งถูกเรียกโดยคนทั่วไปว่า พระมหากษัตริย์ แต่โดยหน้าที่ที่แท้จริงแล้ว ดูจะห่างไกลจากหน้าที่ที่พระมหากษัตริย์ที่เคยรู้จักหรือเข้าใจกันมาแต่ก่อน หน้าที่ของข้าพเจ้าในปัจจุบันนั้น ก็คือทำอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ ถ้าถามว่า ข้าพเจ้ามีแผนการอะไรบ้างในอนาคต คำตอบก็คือ ไม่มี เราไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เราก็จะเลือกทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้วสำหรับเรา


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ตุลาคม 2016, 17:52:16 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #269 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2014, 13:00:02 »


'ยังไม่อิ่ม'

ที่ร้อยเอ็ด ห่างจากอำเภอธวัชบุรี ๓๐๐ เส้น
มีราษฎรชายคนหนึ่งนำของมาถวาย
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้หยุดรถพระที่นั่งและทรงถามทุกข์สุข
เมื่อทรงถามว่า "เดินทางมาไกลไหม"

ราษฎรกราบทูลว่า "เมื่อวานไปเฝ้าที่ร้อยเอ็ดมาแล้ว เมื่อคืนตัดสินใจ
เดินจากร้อยเอ็ดมาอีกสามร้อยเส้น เพื่อมาเฝ้าที่นี่อีก"

ในหลวงทรงถามว่า "เมื่อวานนี้เห็นไหม"

ราษฎรตอบว่า "เห็นครับ แต่อยากจะเห็นอีก
 เห็นในหลวงหลายครั้งก็ยังไม่อิ่ม"

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #270 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2014, 13:05:21 »



คำของสมเด็จแม่ ที่ทรงสอนทูลกระหม่อม...

"การทำมาหากิน เรื่องนี้เป็นของดี
 แต่ก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมเช่นกัน
 ระหว่างปิดภาคเรียน ข้าพเจ้าคิดจะหางานทำ
ก็เลยร่วมกับพรรคพวกกวนทอฟฟี่ขาย (มีป้าจันเป็นวิทยากร)
ทำเสร็จก็เอาไปขายพวกนางสนองพระโอษฐ์
 นางพระกำนัลสมเด็จแม่นั่นเอง
 ครูป้อมรับประทานแล้วเห็นว่าอร่อย เลยไปชวนสมเด็จแม่เสวยบ้าง

จริงๆแล้วท่านก็ว่าอร่อย แต่ก็ต้องไต่สวนถึงที่มา
ปรากฏว่า"เจ้าของกิจการทอฟฟี่"เลยถูก"รัฐบาล" ตักเตือนว่า
 จะค้าขายอะไรก็ต้องระวัง การเอาความเป็นเจ้าฟ้าไปเที่ยวบังคับใครๆ
 ให้ซื้อของตัว แล้วเอาเงินเข้ากระเป๋า (ไม่ใช่เป็นการกุศล) นั้น
 เป็นสิ่งห้ามขาด (ข้อนี้ครูป้อมพยายามแก้ว่าขนมนี้อร่อยจริงๆ
 และถ้ามีเด็กที่รู้จักขยันขันแข็งในการงานนำมาขาย ไม่ว่าเป็นใคร ครูป้อมก็จะอุดหนุน)

ข้อสังเกตที่สอง คือการลงทุนแบบนี้ไม่ใช่เป็นการลงทุนที่ถูกต้อง
เพราะข้าพเจ้าใช้ของหลวงมาทำโดยไม่ได้หักต้นทุน
 เช่น น้ำตาล นม ฯลฯ แม้แต่ถ่าน (สมัยนั้นใช้เตาถ่าน)
ก็เบิกจากห้องเครื่องทั้งนั้น เป็นอันว่าทำอะไรในวังก็ไม่พ้นน้ำประปา ไฟฟ้าของทางราชการ

ข้อสังเกตพวกนี้ท่านสอนมายี่สิบกว่าปีแล้ว ยังเป็นเรื่องที่สมควรนำมาพิจารณาจนทุกวันนี้"

จาก'สมเด็จแม่กับการศึกษา' พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี


เจ้าหญิงแห่งสยาม ผู้ทรงพระคุณยิ่ง






เห่เอยค่ำแล้ว..................อาทิตย์แคล้วครรไลลา
ดาวประดับท้องนภา..........พระจันทราพารถจร
หลับเถิดนะสายใจ.............เจ้าอย่าอาลัยอาวรณ์
จักถนอมกล่อมให้นอน........จะขอพรปวงเทวัญ

เติบใหญ่ให้แกล้วกล้า.........เรืองวิชาทุกสิ่งสรรพ์
มีเลือดไทยในปางบรรพ์......มิเคยหวั่นผองไพรี
จงครองคุณธรรมพร้อม.......ศรัทธาน้อมปัญญามี
จงละอคติสี่.....................มีขันตีออมอดใจ

อุปสรรคจะหนักหนา..........เจ้าก็อย่าโศกาลัย
เมื่อหวังปองเทอดผองไทย...ก็แกร่งไกรดุจศิลา
ขวัญข้าวจงอยู่ดี...............ฟังคำพี่จำนรรจา
แล้วหลับนัยนา................นิทราให้สำราญ

เพลง'เต่าเห่' พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี



  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #271 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2014, 12:17:26 »








เรื่องเล่า...สมเด็จพระเทพฯ

สมเด็จพระเทพฯ ทรงดนตรีและทรงร้องเพลงพระราชทาน
ในงานเลี้ยงส่วนพระองค์แก่คณะผู้ปฏิบัติงานจากองค์กรต่างๆ
 ที่ทำงานถวายในโครงการพระราชดำริฯ
 ที่ดอยตุง เชียงราย เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ ๒๕๕๕

มีคนแอบทำพวงมาลัยติดแบงค์ขายหน้าเวที
 ติดแบงค์ ๒๐ บาท ๒ ใบ สลับกับดอกไม้กระดาษ
ขาย ๒๐๐ บาท แต่ถ้าติดแบงค์ ๑๐๐ บาท ๒ ใบ
ขาย ๕๐๐ บาท








  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #272 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2014, 12:32:10 »



ที่มารถโตโยต้าของในหลวง

พยายามเขียนจากความจำน่ะครับ
สำหรับทุกท่านโดยเฉพาะคนอายุเลย 40 ปี
 คงจำกันได้ดี ปีที่เกิดวิกฤตการเงิน IMF ปี 2540
ตอนนั้นทุกธุรกิจเกิดความระส่ำระสายไปหมด
ทั้งภาวะที่เกิดขึ้นจริงและข่าวลือ มีข่าวใหญ่ในวงการธุรกิจปรากฎเป็นระลอกๆว่า...
"โตโยต้าจะถอนกำลังการประกอบรถยนต์จากไทย!!!"
ทำให้เกิดความกังวลไปทั่วว่าหากข่าวที่ว่าเป็นจริง
บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์
คงเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
ต้องมีคนตกงานเพิ่มทุกระดับชั้น ทั้งผู้บริหารและระดับล่าง
 รวมทั้งจะเป็นว่าธุรกิจญี่ปุ่นที่ลงทุนในไทย
อาจจะถอนตัวตามไปด้วย ข่าวลืออึมครึมอยู่สักพักหลายวันพอสมควร
วันนึงผู้บริหารโตโยต้าก็ได้รับโทรศัพท์จากในวังว่า...
"ในหลวงทรงขอสั่งซื้อรถโตโยต้า 1 คัน
โดยรับสั่งว่า ไม่ต้องรีบประกอบก็ได้ รวมทั้งให้ใช้มือผลิตก็ได้
 จะได้ใช้แรงงานเยอะๆ อยากให้ใช้เวลาในการประกอบนานๆ
เพราะพระองค์มิได้ทรงเร่งร้อนอะไร"
ทางโตโยต้าต้องประชุมผู้บริหารโดยด่วน เพื่อตีความพระราชกระแสรับสั่ง
 จนเข้าใจได้ถูกว่าพระองค์ท่านหมายความว่าอะไร จึงออกข่าวยืนยันกับสื่อมวลชนว่า...
"โตโยต้ายืนยันที่จะทำธุรกิจที่เมืองไทยไม่ไปไหน"
เพียงแค่นั้นข่าวลือต่างๆที่โหมทำลายภาวะเศรษฐกิจที่แย่อยู่แล้วก็หมดไป
ภาคส่วนธุรกิจพอทราบข่าวดังกล่าว ก็มีกำลังใจ
ที่จะช่วยกันฟันฝ่าวิกฤตเพราะรู้ว่าพระองค์ท่านอยู่กับเรา
พระองค์ท่านทรงอยู่กับเราไม่ทิ้งเราไปไหน
จนเมื่อเวลาเหมาะสมทางโตโยต้า
 จึงนำรถ Soluna ไปถวายในหลวง
ซึ่งในหลวงได้พระราชทานเงินให้ ซึ่งโตโยต้าจะไม่รับ
 แต่พระองค์บอกว่า...
ให้นำเงินนี้ไปจัดทำ "โครงการช่วยสังคม"

จึงเป็นที่มาของ... "โรงสีข้าวรัชมงคล"

เพื่อสีข้าวให้ชาวนาอย่างเป็นธรรมและคุณภาพดี
หลายท่านคงทราบว่าหลายๆตัวแทนจำหน่ายโตโยต้า
นอกจากจะจำหน่ายรถยนต์แล้ว ยังขายข้าวถุงรัชมงคลอีกด้วย
ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์หนักหนาสาหัสเพียงใด
ในหลวงไม่เคยทรงทอดทิ้งพสกนิกรของพระองค์แน่นอนครับ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
ทศพร ศรีเอี่ยม
4/02/2557

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #273 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2014, 08:45:55 »

วันนี้ในอดีต


"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันจันทร์ ที่ 3 พฤศจิกายน 2512 เวลา 16.00 น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
 ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน
 ณ วัดมกุฎกษัตริยาราม วัดอรุณราชวราราม และวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ





"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2536
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายเล็ก นานา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายโฉนดที่ดิน เลขที่ 99 และ 100 เขตคลองสาน
 กรุงเทพมหานคร เพื่อพระราชทานแก่มูลนิธิชัยพัฒนา
สำหรับจัดสร้างอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี



วันนี้ในอดีต 5 พฤศจิกายน

เหตุการณ์
พ.ศ. 2415 (ค.ศ. 1872) – ซูซาน บี. แอนโทนี สตรีที่เรียกร้องสิทธิเลือกตั้ง เป็นผู้หญิงคนแรกที่ลงคะแนนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ขณะที่สตรียังไม่มีสิทธิเลือกตั้ง
พ.ศ. 2478 (ค.ศ. 1935) – เกมเศรษฐี ซึ่งเป็นเกมกระดานที่ได้รับความนิยมมาก ออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1943) - เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน ถึงแก่พิราลัย นับเป็นเจ้าประเทศราชองค์สุดท้ายของประเทศไทย
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) – โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้นายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ เป็นจุฬาราชมนตรี
พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) – อัลบั้ม "ชุดรับแขก"ของ ธงไชย แมคอินไตย์ เป็นอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายสูงของประเทศไทย 5 ล้านชุด

วันเกิด
พ.ศ. 2297 (ค.ศ. 1754) - อเลสซานโดร มาลาสปินา ขุนนางชาวอิตาลี (ถึงแก่กรรม 9 เมษายน พ.ศ. 2353)
พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906) - เฟร็ด ลอว์เรนซ์ วิปเปิล นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 30 สิงหาคม พ.ศ. 2547)
พ.ศ. 2456 (ค.ศ. 1913) - วิเวียน ลีห์ นักแสดงหญิงชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2510)
พ.ศ. 2464 (ค.ศ. 1921) - เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอียิปต์ (สิ้นพระชนม์ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556)
พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - แฟมเก แจนเซน นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - อิสริยา สายสนั่น นักแสดง และพิธีกรชาวไทย
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - ทานากะ โคคิ ไอดอลชาวญี่ปุ่น (สมาชิกวง KAT-TUN)
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ (รถเมล์) นักแสดงและพิธีกรชาวไทย
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - BoA (โบอะ) - นักร้องนานาชาติ

วันถึงแก่กรรม
พ.ศ. 2422 (ค.ศ. 1879) – เจมส์ คลาร์ก แมกซ์เวลล์ นักฟิสิกส์ชาวสกอต (เกิด 13 มิถุนายน พ.ศ. 2374)
พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1943) - เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์สุดท้าย



เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์สุดท้าย

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #274 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2014, 09:05:49 »






พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ ทั้ง ๒พระองค์ ไม่มีที่สิ้นสุด....

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎร
ที่ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาจำนวน ๒ ครอบครัว
โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ พลเรือเอก ชุมพล ปัจจุสานนท์ องคมนตรี
 เป็นประธานในพิธีมอบความช่วยเหลือพระราชทาน ณ โรงเรียนราชประชาสมาสัย
 ฝ่ายมัธยม รัชดาภิเษก ในพระบรมราชูปถัมภ์ อำเภอพระประแดง
จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา

พลเรือเอก ชุมพล องคมนตรี กล่าวในพิธีว่า โครงการพระราชทานความช่วยเหลือ
 เป็นโครงการที่ช่วยเหลือประชาชน ราษฎร ที่ตกทุกข์ได้ยาก
 มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก มีปัญหาด้านการดำรงชีพ
การประกอบอาชีพ และปัญหาทางด้านครอบครัว

ในการนี้ องคมนตรี ได้มอบถุงพระราชทานจำนวน ๖๐๐ ถุง
 ให้แก่ราษฎรผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพด้วยและมีแพทย์ผู้แทนเคลื่อนที่
จากโรงพยาบาลรามาธิบดีร่วมสนองพระมหากรุณาธิคุณตั้งจุดตรวจรักษาพยาบาล
รวมถึงการให้บริการด้านทันตกรรมมีผู้แทนสำนักงานตรวจการแผ่นดิน
 ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดและผู้แทนจากสำนักงานเลขาธิการ
ได้มาให้บริการด้านกฎหมายและให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อถวาย
เป็นพระราชกุศลแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ

ในครั้งนี้ได้มอบทุนพระราชทานประกอบอาชีพ ทุนสนับสนุนการดำรงชีพ
ทุนการศึกษาต่อเนื่อง พร้อมถุงพระราชทานแก่ครอบครัว
นางสาวอัญรินทร์ กิติพงษ์วุฒิไกร และมอบทุนสนับสนุนการดำรงชีพ
 การประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม และสิ่งของพระราชทานแก่ครอบครัว
นางสาวสุจิตรา มีฉิม ผู้ได้รับพระราชทานความช่วยเหลือด้วย

นางสาวอัญรินทร์ กิติพงษ์วุฒิไกร ผู้ได้รับพระราชทานความช่วยเหลือ
 กล่าวว่า ได้ดูข่าวในพระราชสำนัก
เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
 ได้พระราชทานความช่วยเหลือผู้ที่ถวายฎีกา
 จึงได้ส่งฏีกาเข้ามาขอพระราชทานความช่วยเหลือจากพระองค์ท่าน
 เพราะที่สุดแล้วไม่รู้จะหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากใคร
 พอตอนที่รู้ว่าได้รับความช่วยเหลือพระราชทาน
 รู้สึกปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
ที่ทรงมีความเมตตาต่อครอบครัว
 ซึ่งตัวเองเสมือนคนที่มีบุญอย่างมากที่ได้รับพระราชทาน
ความช่วยเหลือจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ

“ครอบครัวมีความเป็นอยู่อย่างยากลำบากตั้งแต่แยกทางกับสามี
ตอนนี้อยู่กับลูกชายอีก ๒ คน คือ คนกลางกับลูกชายคนเล็ก
ทำงานเลี้ยงลูกเพียงลำพัง ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว
 อีกทั้งตัวเองก็มีปัญหาทางด้านสุขภาพที่ดวงตา เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุ
 ทำให้ดวงตาด้านซ้ายมองเห็นพร่ามัว เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากทั้งสองพระองค์
 ตั้งใจที่จะเอาทุนพระราชทานนี้ไปเป็นทุนประกอบอาชีพ ทุนสนับสนุนการดำรงชีพ
 ไปชำระหนี้สินต่างๆ นำไปลงทุนในการประกอบอาชีพต่อไป” นางสาวอัญรินทร์ กล่าว

นายธนะวัตติ์ กิติพงษ์วุฒิไกร บุตรชายคนที่สองของนางสาวอัญรินทร์
 กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า รู้สึกดีใจ ปลื้มใจมากที่ทั้งสองพระองค์
ให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัว ต่อไปนี้ในฐานะเยาวชนคนหนึ่งจะปฏิบัติตัวเป็นคนดี
 ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนใส่ใจการเรียนให้มากขึ้น จะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่น้องและสอนน้องให้เป็นคนดี
 ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

ด้านนางสาวสุจิตรา มีฉิม ผู้ได้รับความช่วยเหลือพระราชทานอีกคน
 กล่าวว่า รู้สึกดีใจปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
ที่ทรงช่วยเหลือประชาชน เราเป็นประชาชนคนธรรมดาแต่พระองค์ท่าน
ยังคงให้ความกรุณาช่วยเหลือ เพราะก่อนหน้านี้สภาพความเป็นอยู่ไม่คอยดี
 ต้องทำงานบ่อปลาหาเลี้ยงชีพ รายได้ต่อเดือนไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย
อีกทั้งยังต้องจ่ายหนี้ที่มาจากการกู้หนี้ยืมสิน อีกทั้งสภาพครอบครัวก็มีปัญหา
 เนื่องจากสามีสุขภาพไม่แข็งแรงมีอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัย
 ส่วนลูกสาวคนโต มีปัญหาทางสติปัญญาตั้งแต่กำเนิด ส่วนลูกชายคนเล็ก
 มีความบกพร่องทางการเรียนรู้

“ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสำหรับทุนพระราชทานการสนับสนุนการดำรงชีพ
 การประกอบอาชีพ จะนำไปประกอบอาชีพ
ใช้ประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทตั้งใจเป็นคนดี
 สอนลูกหลานเป็นคนดีของสังคม
หารายได้เลี้ยงดูครอบครัวด้วยความสุจริตต่อไป” นางสาวสุจิตรา กล่าว





cr.หนังสือในหลวงของฉัน
สายพระเนตรที่เปี่ยมล้นไปด้วยความห่วงใย
》ภาพที่คุ้นเคยอยู่เสมอในสายตาของชาวไทยทุกคนก็คือ
ในหลวงกับการทรงงานหนักและสายพระเนตรที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใย
 จะมีพระมหากษัตริย์ในโลกนี้สักกี่พระองค์ที่
จะทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ราษฎรของพระองค์เฉกเช่นพ่อหลวงของเรา
》ในคราวที่เสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎรภาคใต้ที่อำเภอสุคิริน
จังหวัดนราธิวาส ภาพแห่งความประทับใจได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
 เมื่อพระองค์ทรงซักถามอาการของหนูน้อยขาพิการคนหนึ่งที่มารอรับเสด็จ
 สายพระเนตรของพระองค์สะท้อนให้เห็นถึงความห่วงใยอย่างที่สุด
 ซึ่งเปรียบได้ดั่งความห่วงใยของพ่ออันพึงมีต่อลูกคนหนึ่ง

พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
แท็ก:
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 [11] 12 13 14 15 16 17 18 19 20   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค "เว็บมหาชน คนมหาโชค"
 
คติ "กินอยู่อย่างพอเพียง เสี่ยงโชคแต่พอควร"
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย
คำเตือน -ทางเว็บไม่ได้ทราบเป็นการล่วงหน้าว่าหวยทางกองสลากจะออกตัวไหน แต่เราใช้การวิเคราะห์หรือประเมินตามหลักสถิติ
หรือวิธีการอื่นว่า เลขที่มีโอกาสออกมากที่สุดในแต่ละงวดควรจะเป็นเลขอะไรเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ การเล่นหวยถือว่ามีความเสียงมาก
Sitemap | Contact | WAP | xHTML | iMode | WAP 2 | RSS

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines | Sitemap
อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน ©
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 4.062 วินาที กับ 24 คำสั่ง
Copyright (c) 2008-2022 apichokeonline.com