อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน
28 มีนาคม 2024, 23:10:42 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ผลงานห้อง VIP (งวด 16 มี.ค.67)
อ.apichoke ปักหลักสิบหน่วย เข้า 2-6
อ.janya ถูกตรงเลขท้ายย๒ตัว 78
อ.goodrich ถูกตัวกลับเลขท้ายย๒ตัว 87
อ.พริม ฟันธงชุดเดียว ถูกตรงๆ เลขท้าย๒ตัว 78

ออก 626-78
   หน้าแรก   หวยรัฐบาล SUPER VIP หนังสือหวย VIP สมัคร vip ช่วยเหลือ แท็ก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก Register  
ฝากภาพ i-pic
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 [13] 14 15 16 17 18 19 20   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แล้วใครล่ะ...จะไม่รัก..  (อ่าน 829220 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #300 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2014, 17:21:37 »



ตามรอยพ่อ

'ความรัก'

นิยามของความรักอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
จะมีรักใดที่ยิ่งใหญ่เท่ากับความรักของพ่อแม่ที่มีให้ลูก
 และเหนือยิ่งไปกว่ารักนั้น คือความรักที่ใครสักคนมีให้ต่อทุกผู้คน
โดยไม่จำกัดฐานะ เชื้อชาติ ศาสนา และไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
ดั่งความรักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ทรงมีต่อพสกนิกรของพระองค์ ซึ่งสถิตในพระราชหฤทัยตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์

"...เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนอยู่ในยุโรป
 ข้าพเจ้าไม่เคยตระหนักว่าประเทศของข้าพเจ้าคืออะไร
และเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าแค่ไหน..
ไม่ทราบตราบจนกระทั่งข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะรักประชาชนของข้าพเจ้า
 เมื่อได้ติดต่อกับเขาเหล่านั้น ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าสำนึกในความรักอันมีค่ายิ่ง.."

"...ข้าพเจ้าได้เรียนรู้โดยการทำงานที่นี่ว่า..ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้
คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง.."

(ข้อความส่วนหนึ่งในพระราชหัตถเลขาถึงพระสหาย
อุทัย ศุภนิตย์ ขณะประทับศึกษาที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์)






"ฉันขึ้น-ลงสะเมิงอยู่หลายปี จนได้รับเชื้อไมโครพลาสม่า
ซึ่งในที่สุดทำให้ฉันเป็นโรคหัวใจเต้นไม่ปกติ จนเกือบต้องเสียชีวิต"
เป็นถ้อยรับสั่งที่แสนจะเรียบง่าย ราวกับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยธรรมดาเสียเหลือเกิน
 ถึงสาเหตุของโรคพระหทัยเต้นผิดปกติเรื้อรัง
 ที่แม้คณะแพทย์จะพยายามเท่าใด ก็ไม่อาจถวายการรักษาให้หายขาดได้
 ทำได้เพียงถวายพระโอสถประคองพระอาการมาตลอด
จนกระทั่งต้องทรงรับการผ่าตัดเมื่อปี 2538

เมื่อราวปี 2530 ในหลวงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนที่อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่
ทรงพบว่าชาวบ้านจำนวนมากเป็นโรคคอพอก ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทูลว่า
 มีการเอาเกลือเสริมไอโอดีนมาแจกประจำ แต่ชาวบ้านไม่ยอมใช้
 เพราะไม่รู้จักก็กลัวจะเป็นอันตราย

ในหลวงจึงรับสั่งให้นำเกลือเสริมไอโอดีนมา
 แล้วทรงแจกประชาชนด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง
ชาวบ้านได้รับเกลือพระราชทาน จึงยอมเชื่อว่าเกลือชนิดนี้กินได้
จนแพร่หลายต่อๆมา ปัจจุบันไม่มีคนป่วยโรคคอพอกที่สะเมิงแล้ว
จากนั้นยังทรงเสด็จฯ ขึ้น-ลงสะเมิงอีกหลายครั้ง
เพื่อติดตามแก้ปัญหาเรื่องน้ำและถนน จนชาวบ้านทำกินกันได้เป็นปกติสุข
 มีรายได้เลี้ยงชีพได้พอเพียง
หากกลับเป็นพระองค์เองที่ต้องทรงพระประชวร



  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 ตุลาคม 2016, 08:37:58 โดย FIRE » บันทึกการเข้า

FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #301 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2014, 17:27:00 »




 ตามรอยพ่อ
<a href="http://www.youtube.com/v/FCGGZGOaRIc?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/FCGGZGOaRIc?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>


ทรงพระเจริญ

"อยากจะรู้หัวใจพระองค์นั้นทรงทำด้วยอะไร
เหตุอันใดจึงมีความรักมากมายให้ได้กับทุก­­คน
อยากจะรู้ร่างกายพระองค์ทำไมจึงถึงอดทน
แบกภาระที่มีมากล้นคนเดียวอย่างไร

เป็นเจ้าฟ้าที่ยืนข้างล่าง
แบกไพร่ฟ้าเอาไว้บนไหล่
อยากรู้พระองค์เคยคิดเหนื่อยบ้างไหม

ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
ขอจงทรงพระเกษมสำราญพระวรกายและพระทัย
ทรงพระเจริญ พระเจ้าอยู่หัวของชาวไทย
จากใจพสกนิกรของพระองค์

กี่ปีมาแล้ว ที่เห็นพระองค์นั้นทรงเหนื่อยล­้าใจกาย
โดยมุ่งหมายดูแลแก้ไขป้องภัยให้เรา
จนบัดนี้พระองค์ก็ยังคงคอยช่วยเหลือบรรเทา
และคงเฝ้าทำเพื่อพวกเราไม่เคยเสื่อมคลาย

เป็นเจ้าฟ้าที่ยืนข้างล่าง
แบกไพร่ฟ้าเอา ไว้บนไหล่
อยากรู้พระองค์เคยคิดเหนื่อยบ้างไหม

ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
ขอจงทรงพระเกษมสำราญพระวรกายและพระทัย
ทรงพระเจริญ พระเจ้าอยู่หัวของชาวไทย
จากใจพสกนิกรของพระองค์.."


...ผมเชื่อว่าคนไทยได้เรียนรู้มากมายจากพระอัจฉริยภาพในทุกๆด้าน
 การที่ท่านเป็นกษัตริย์ที่รับใช้ประชาชน เหมือนดั่งพีระมิดที่กลับหัวนั้น
เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตของการให้ที่ยิ่งใหญ่มาก...
(บอย โกสิยพงษ์ : นักแต่งเพลง)

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 พฤศจิกายน 2014, 17:55:30 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #302 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2014, 17:32:51 »




วันนี้ในอดีต
Information Division of OHM


"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2525 สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม ราษฎรบ้านนาลีนวล
 ตำบลตองโขบ กิ่งอำเภอโคกศรีสุพรรณ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวักสกลนคร
 ในโอกาสนี้ ได้ทอดพระเนตรการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์พระราชทาน
ขณะตรวจรักษาและแจกจ่ายยาให้แก่ราษฎร ตลอดจนทรงรับคนใข้
ที่มีอาการหนักไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ด้วย









"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2518 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
ทรงพระราชปฏิสันถารกับราษฎร ณ วัดโขงเจียมปุราณวาส
ตำบลนาแวง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 ตุลาคม 2016, 08:39:01 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #303 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2014, 17:43:18 »



พระอัจฉริยภาพของในหลวง..หุ่นยนต์คุณหมอพระราชทาน

กดดูสารคดีงานของในหลวง “หุ่นยนต์คุณหมอ”

https://www.youtube.com/watch?v=WpHJZKR5854

ใต้ร่มพระบารมี





พระราชกรณียกิจด้านวิทยุกระจายเสียง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระทัยในเรื่องวิทยุเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเยาว์ ซึ่งพระองค์ประทับอยู่ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พระองค์ได้ทรงซื้ออุปกรณ์เครื่องรับวิทยุ ซึ่งมีวางขายเลหลังราคาถูกทรงประกอบเป็นเครื่องรับวิทยุชนิดแร่ สามารถรับฟังวิทยุกระจายเสียงในยุโรปได้หลายแห่ง ต่อมาเมื่อกิจการวิทยุเจริญก้าวหน้ามากขึ้น ได้นำหลอดวิทยุมาใช้ในเครื่องรับ-ส่งวิทยุ และเครื่องขยายเสียง และพระองค์ท่านก็ได้ทรงทดลองอุปกรณ์แบบใหม่นี้ด้วยเช่นกันเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับมา ประทับอยู่ในประเทศไทยเป็นการถาวร ในปี พ.ศ. 2495 พระองค์ได้ทรงตั้งสถานีวิทยุ อ.ส. ขึ้นที่พระราชวังสวนดุสิต และชื่อสถานีวิทยุดังกล่าวได้ทรงนำมาจากอักษรย่อของพระที่นั่งอัมพรสถาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ออกอากาศครั้งแรก ต่อมาจึงย้ายสถานีวิทยุ อ.ส. เข้าไปตั้งในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐานสถานีวิทยุ อ.ส. เมื่อแรกตั้งเป็นสถานีเล็กๆ มีเครื่องส่ง 2 เครื่อง ขนาดที่มีกำลังส่ง 100 วัตต์ ออกอากาศด้วยคลื่นสั้นและคลื่นยาวในระบบ AM พร้อมๆ กัน เครื่องส่งรุ่นแรกนี้เป็นเครื่องที่ กรมประชาสัมพันธ์ทูลเกล้าฯ ถวายและติดตั้งให้ด้วยเมื่อออกอากาศไปได้ระยะหนึ่ง และในระบบคลื่นสั้นก็มีจดหมายรายงานผลการรับฟัง เข้ามาจากหลายประเทศ เช่น นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เยอรมันฯ เป็นต้น ดังนั้นจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ขยายกำลังส่ง โดยมีชื่อรหัสสถานีว่า HS 1 AS ในปี พ.ศ. 2525 สถานีวิทยุ อ.ส. ได้เพิ่มการส่งกระจายเสียงในระบบ FM ขึ้นอีกระบบหนึ่ง ในการขยายด้านกำลังส่งนั้นอุปกรณ์ต่างๆ ล้วนแต่มีผู้โดยเสด็จพระราชกุศล เพื่อให้สถานีวิทยุ อ.ส. สามารถบริการประชาชนได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น อาจถือได้ว่าเป็นสถานีวิทยุเอกชนเพียงแห่งเดียวที่สามารถกระจายเสียงคลื่นสั้นได้ ทั้งนี้เพราะถือว่าเป็นเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์พระองค์ทรงมีวัตถุประสงค์ที่ทรงตั้งสถานีวิทยุ อ.ส. เพื่อเปิดโอกาสให้พสกนิกรมีช่องทางในการติดต่อกับพระองค์ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนตามพิธีการเหมือนในสมัยก่อน ทรงใช้สถานีวิทยุเพื่อเป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ติดต่อข่าวสารกับประชาชน และเป็นสื่อสัมพันธ์ระหว่างพระองค์และประชาราษฎร์ ที่ทรงแสดงให้ทราบถึงใจรักที่พระองค์ท่านพระราชทานให้กับประชาชนทั่วทุกคน นอกเหนือจากเป็นสถานีวิทยุของสื่อมวลชนเพื่อการบันเทิง และเผยแพร่ความรู้กับประชาชนแล้ว ยังได้ทำหน้าที่แจ้งข่าวสารแก่ประชาชนในโอกาสสำคัญ หรือเกิดเหตุการณ์ที่สำคัญต่างๆ ขึ้น เช่น การเกิดโรคโปลีโอระบาดในปี พ.ศ. 2495 อหิวาตกโรคในปี พ.ศ. 2501 และเมื่อเกิดวาตภัยที่แหลมตะลุมพุกในปี พ.ศ. 2505 โดยมีพระราชดำริให้ใช้สถานีวิทยุ อ.ส. เพื่อทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรม จนเป็นบ่อเกิดของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ซึ่งปัจจุบันมีคุณขวัญแก้ว วัชโรทัย ทำหน้าที่นายสถานี เล่าให้ฟังว่า นโยบายหลักเกี่ยวกับการบริหารงานของสถานี ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานไว้ก็คือ การเปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการหรือเอกชน ได้เข้ามาสนองพระมหากรุณาธิคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ของสถานีจึงเป็นอาสาสมัครทั้งสิ้น และทรงรับภาระต่างๆ ด้านสถานีด้วยทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ พระองค์ทรงใช้นโยบายประหยัดและใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุด และในปัจจุบันนี้สถานีวิทยุ อ.ส. ยังคงกระจายเสียงเป็นประจำทุกวันเว้นวันจันทร์ โดยออกอากาศทั้งคลื่นสั้นและคลื่นยาว ในระบบ AM 1332 KHzและ FM 104 MHz ควบคู่กันไปด้วยกำลังส่ง 10 กิโลวัตต์ โดยออกอากาศวันอังคารถึงวันเสาร์ เวลา 10.30-12.00 และ 16.00-19.00 วันอาทิตย์ เวลา 9.00-12.00 หยุดทุกวันจันทร์



พ่อค้นคิด ประดิษฐ์สร้าง
ปรับปรุงบ้าง แก้ปัญหาทุกวิธี
เพียงเพื่อ ประชาได้อยู่ดี กินดี
ให้เธอมีวิถีชีวิต พบความเจริญ.


........ลูกของพ่อที่มีอายุมากกว่าไปจนเด็กเล็กๆ.
........ลูกของพ่อที่มีทุกชาติทุกภาษา
........ลูกทุกคนรักพ่อ เหมือนพ่อบังเกิดเกล้า
เรารักพระเจ้าอยู่หัว........
ใต้ร่มพระบารมี

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 ตุลาคม 2016, 08:40:04 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #304 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2014, 17:50:37 »




วันที่ 19 พ.ย.57 ตราสัญลักษณ์ฯ ฉลอง 60 พรรษา สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ

ตราสัญลักษณ์ฯ ฉลอง 60 พรรษา สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
 ออกแบบโดย สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 2 เมษายน 2558
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย
โปรดเกล้าฯ พระราชทานตราสัญลักษณ์แล้ว เพื่อประดับในโครงการและกิจกรรมต่างๆ ต่อไป

รูปตราสัญลักษณ์ มีดังนี้

อักษรพระนามาภิไธย ส.ธ. ภายในกรอบ สุพรรณเบญจเพชรรัตน์ อักษร ส. สีม่วงชาดแก่ อักษร ธ. สีขาวบนพื้นสีม่วงครามอ่อน เป็นสีวันพระราชสมภพ ดวงเพชรรัตน์ 5 ดวงหมายถึง ทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ อักษรนามาภิไธย ส.ธ. อยู่ภายใต้พระชฎาพระกลีบปักพระยี่ก่าทอง ไม่ประกอบพระกรรเจียกจร

เบื้องหลังพระชฎามีพระบวรเศวตฉัตร (พระสัตตปฎลเศวตฉัตร) คือ ฉัตรขาว 7 ชั้น แต่ละชั้น มีระบายขลิบทองแผ่ลวด 3 ชั้น ชั้นล่างสุด ห้อยอุบะจำปาทอง เป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมราชกุมารีทั้งสองข้าง กรอบพระนามาภิไธย มีรูปเทพยดา พระกรหนึ่งประคองเชิญ พระสัตตปฎลเศวตฉัตร

พระกรหนึ่งกระชับเถาว์บัวทองไว้ ขัดพระขรรค์ ทรงเศวตพัสตราภรณ์เขียนทอง เทพยดาข้างเลข 6 (ด้านซ้าย) ทรงพระชฎาเดินหน ปักพระยี่ก่าดอกไม้ทอง ทัดพระกรรเจียกจร และเทพยดาข้างเลข 0 (ด้านขวา) ทรงพระชฎามหากฐิน (พระชฎาห้ายอด)

ปักพระยี่ก่าดอกไม้ทอง ทัดพระกรรเจียกจร หมายถึง เทพยดาทรงมาบริรักษ์เฉลิมฉลองในมหามงคลกาลนี้ ให้ทรงเจริญพระสิริสวัสดิ์ ภูลพิพัฒน์พระเกียรติยศยิ่ง พ้นสิ่งสรรพทุกข์โรคันตรายทั้งปวง

เถาว์บัวทอง หมายถึง ทรงเนาวนิเวศน์ นามว่า "สระปทุม" ใต้กรอบพระนามาภิไธย มีเลข มหามงคล ว่า ทรงพระเจริญ พระชนมายุ 60 พรรษา บนพื้นสีหงสบาท (ส้มอ่อนหรือสีเท้าหงส์) เป็นสีวันพฤหัสบดี ในคัมภีร์พระไสยศาสตร์ ว่าเป็นมงคลอายุของวันพระราชสมภพ

ถัดลงมา มีเชิงลายถมสีหงชาด (ชมพู) เขียนอักษรไทยยอดสีทองว่า "ฉลองพระชนมายุ 5 รอบ" และ "2 เมษายน 2558" บนห้องลาย พื้นสีขาวถัดลงมา สะท้อนถึงทรงเชี่ยวชาญ ด้านอักษรโบราณและการโบราณคดีทั้งปวง









สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
พระราชทาน ส.ค.ส. ปีใหม่ ๒๕๕๘ ซึ่งมีภาพวาดฝีพระหัตถ์รูปแพะ
พร้อมข้อความอวยพรแก่ปวงชนชาวไทย






วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ
 ไปทรงเปิดนิทรรศการ สวัสดีปีแพะ ๒๕๕๘ ที่ร้านภูฟ้าผสมผสาน
ชั้น ๔ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยร้านภูฟ้าผสมผสานร่วมกับกรมปศุสัตว์
 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดนิทรรศการ เพื่อเฉลิมฉลองปีมิ่งมงคลในโอกาส
ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘

ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
 พระราชทานพรปีใหม่แก่ปวงชนชาวไทยและทรงลงพระนามลง
บนภาพวาดฝีพระหัตถ์รูปแพะ จากนั้นได้พระราชทานหญ้าให้แพะจำนวน ๒ ตัว
พร้อมรับสั่งด้วยว่า ”แพะน่ารัก” ก่อนทอดพระเนตรนิทรรศการภายในร้าน

นอกจากนี้ ทางร้านภูฟ้าได้เตรียมชุดสินค้าจากภาพฝีพระหัตถ์
 มะแมแพะน่ารัก พร้อมลายพระหัตถ์พรพระราชทานสำหรับปีมะแม มีข้อความว่า

“ส.ค.ส. ๒๕๕๘ มะแมแพะน่ารัก ฟาร์มฉันมีแพะอยู่สองชนิด
 แบล็กเบงกอลดำสนิทตัวไม่ใหญ่ แพะจำนาปารีสูงกว่าใคร
 ต้องติดใจงามสง่าน่ารักจัง เหล่าพวกแพะปีมะแมนำแต่สุข
ปีนี้ห่างภัยไกลทุกข์กว่าหนหลัง ทั้งแข็งแรงร่างกายมีพลัง
ประดุจดังจิตหมายสบายเอย”










  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 ตุลาคม 2016, 08:41:29 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #305 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2014, 17:58:09 »

ใต้ร่มพระบารมี

 
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงขึ้นบ้านใหม่
(สร้างด้วยทรัพย์ส่วนพระองค์ และใช้ชีวิตอย่างสามัญชนเหมือนคนทั่วไป)

โพสต์ พระเทพรัตน ฯ ขึ้นบ้านใหม่นี้
 เจตนาที่เผยแพร่เพราะต้องการให้ชื่มชมพระบารมี
 และความเป็นกันเองไม่ถือพระองค์ของพระเทพรัตน์ ฯ
 ขอให้ร่วมกันเทิดพระเกียรติถวายพระพร
พระองค์ ทรงจัดซื้อที่ดินแปลงนี้เนื้อที่ ๓๐๐ ตารางวา ด้วยพระองค์เอง
 ใช้เวลาในการก่อสร้างบ้าน ๑ ปี พร้อมทั้งขอเลขที่บ้าน
 (ตรงนี้ขอสงวนไว้) จากเทศบาล เหมือนคนทั่วไป
 และขอให้พสกนิกรที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงบ้านหลังนี้ ใช้ชีวิตตามปกติ
.
ในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๕๗ ที่ผ่านมา สมเด็จพระเทพฯ
 ทรงเดินซื้อของตลาดเช้าที่ จ.อุทัยธานี และทรงทำบุญใส่บาตรพระที่ตลาดห้าแยก
 โดยมีพสกนิกร รอเฝ้ารับเสด็จฯอย่างมากมาย"















สมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์
 มาช่วยพระสหายขายทอง ที่เปิดร้านขายทองใน จ.อุทัยธานี



  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 ตุลาคม 2016, 08:42:51 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #306 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2014, 17:03:07 »





เมื่อวันพุธ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดร้านภูฟ้า สาขาบิ๊กซี ณ บิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า พระราม ๔
เพื่อเป็นแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากชาวบ้านในโครงการส่งเสริมอาชีพตามพระราชดำริ
 ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ผ้านานาชนิด โดยเฉพาะผ้าปกากะญอ ผ้าฝ้าย และผ้าห่มทอมือ
เครื่องจักสาน ชาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากฝีมือเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร
รวมทั้งมีสินค้าจากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เครื่องดื่ม
 หนังสือพระราชนิพนธ์ และสินค้าภาพวาดฝีพระหัตถ์ ทั้งนี้ รายได้เหนือรายจ่ายของร้านภูฟ้า
 ได้พระราชทานเพื่อพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชน
นักเรียนและชาวบ้านในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งในปีหน้านี้ ร้านภูฟ้าได้ขอพระราชทาน
 อัญเชิญภาพวาดฝีพระหัตถ์ “มะแมแพะน่ารัก” พร้อมลายพระหัตถ์
 และพรพระราชทานสำหรับปีใหม่แก่ชาวไทยทุกคนให้
ห่าง ไกลทุกข์ มีสุขภาพแข็งแรง มีพลังสมกับที่ได้ตั้งใจไว้

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก กองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี










ภาพโปรดเกล้าฯ พระราชทาน ส.ค.ส.กาชาดปี ๒๕๕๘

เนื่องในโอกาสเทศกาลขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๘ สภากาชาดไทย
ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน "พระฉายาลักษณ์"
 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
 อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย นำมาจัดพิมพ์เป็นบัตรอวยพรปีใหม่
 ขนาด ๖.๗๕ x ๔.๗๕ นิ้ว จำหน่ายในราคาโหลละ ๘๔ บาท
ทั้งนี้รายได้จากการจำหน่ายเพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #307 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2014, 17:16:17 »

"วันนี้ในอดีต"
Information Division of OHM



"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2518 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชปฏิสันถารกับราษฎร
 ณ วัดโขงเจียมปุราณวาส ตำบลนาแวง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี






"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2532 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยทรายตอนบน 2
 อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านดงยอ ตำบลพังขว้าง
 อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถ
ส่งน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกของราษฎรและทุ่งหญ้าเลี้ยงปศุสัตว์ของสถานี
บำรุงพันธุ์สัตว์สกลนคร เป็นเนื้อที่ประมาณ ๕,๖๐๐ ไร่ ได้ตลอดปี




"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2528 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 พระราชทานพระราชดำรัสกับเจ้าหน้าที่ให้พิจารณาวางโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำ
สำหรับให้ราษฎรที่อยู่ในเขตพื้นที่บ้านดงหมู อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
ใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี





ความสำคัญของภาพจากนิตยสารเก่า

คุณอนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง ช่างภาพและนักรีทัชระดับโลก
 บอกไว้ว่า"พระบรมฉายาลักษณ์เก่าก็หายากอยู่แล้ว
 รูปต้นฉบับก็หายาก สมัยก่อนยังไม่มีสำนักพระราชวัง
 ภาพถ่ายส่วนหนึ่งถูกถ่ายและเก็บโดยกรมประชาสัมพันธ์
พอกรมประชาสัมพันธ์ถูกไฟไหม้ ฟิล์มก็หายไปเยอะเหมือนกัน
 รูปเหล่านี้เลยหลงเหลืออยู่เฉพาะตามนิตยสารเก่า
 การเก็บนิตยสารเก่าก็เลยเป็นการเก็บประวัติศาสตร์แบบหนึ่ง
ถ้าเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ที่เป็นพระราชกรณียกิจซึ่งขายกันตามท้องตลาดทั่วไป
 บางทีเราก็ไม่รู้ว่าพระองค์เสด็จฯ ไปไหน ทรงทำอะไร มันยากที่จะค้นหา
แต่ในนิตยสารนี่มีข้อมูลครบ มีแม้กระทั่งใครเป็นคนถ่าย.."

ภาพที่นำมาลงนี้ มาจากปกนิตยสารเฉพาะกิจจัดทำพิเศษ
เมื่อครั้งวันเฉลิมพระชนม์ ๖๐ พรรษา เป็นภาพเกือบสามสิบปีมาแล้ว
 ความจงรักภักดีที่ถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งมาสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง

'๕ ธันวามหาราช' ปีนี้ พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลือง
ไปถวายพระพรร่วมกันให้เสียง 'ทรงพระเจริญ'
 จากท้องสนามหลวง..ดังไปถึงศิริราช

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 พฤศจิกายน 2014, 17:18:03 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #308 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2014, 17:24:49 »



ตามรอยพ่อ

พระอารมณ์ขัน.. 'เรื่องเล่าจากการตามเสด็จบนดอย'

ในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรชาวไทยภูเขาบนดอย สมัยก่อนไม่สามารถเดินทางไปถึงได้ด้วยยานพาหนะใดๆ
จำเป็นต้องทรงพระดำเนินไปตามสันเขาทุรกันดารเป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 2 กิโลเมตร
บางแห่งต้องลงจากเนินสูงไปทอดพระเนตรผลการเพาะพืชเกษตร
 ซึ่งเป็นที่ลาดชันประมาณ 45 องศา จากนั้นก็ทรงพระดำเนินขึ้น ตอนนี้แหละที่สุดแสนสาหัส

ฉลองพระองค์ สวมทับด้วยเสื้อฟิลด์แจ๊คเก็ตเพื่อป้องกันความหนาวบนดอย
ชุ่มด้วยพระเสโท (เหงื่อ) เครื่องสัมภาระและเครื่องรับวิทยุที่นำติดตัวไป
ดูจะมีน้ำหนักมากผิดปกติ ผู้ติดตามเสด็จเริ่มจะรู้จักความหมายของคำว่า 'ไพร่ฟ้าหน้าเขียว' กันถ้วนหน้า

เพื่อเป็นการผ่อนคลายความเครียด จะทรงทดลองวิทยุกับผู้ที่ตามเสด็จไปด้วย
บางครั้งเสียงของแต่ละคู่สถานีที่สอดแทรกเข้ามากับคลื่นวิทยุ
จึงเป็นเสียงหอบของทั้งสองฝ่ายอยู่เสมอ
ทำให้ทรงพระเกษมสำราญ ช่วยให้หายเหนื่อยไปได้ไม่น้อย

(จาก 'พระเจ้าอยู่หัว นักวิทยุสื่อสารผู้ยิ่งใหญ่' เขียนโดย พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์)








  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 พฤศจิกายน 2014, 17:34:20 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #309 เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2014, 16:43:22 »




<a href="http://www.youtube.com/v/02dYQf0wnsc?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/02dYQf0wnsc?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>


พระมหาชนก..จากบทพระราชนิพนธ์สู่ลายเส้น..เป็นแอนิเมชั่น

หลังจากพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง “พระมหาชนก”
ตีพิมพ์ฉบับการ์ตูนครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อให้เข้าถึงเด็กและเยาวชนมากขึ้น
 และเพื่อเรียนรู้สาระจากพระราชนิพนธ์ในอีกรูปแบบหนึ่ง

ล่าสุด ลายเส้นอันวิจิตรได้รับการชุบชีวิตให้มาโลดแล่นในรูปแบบภาพยนตร์แอนิเมชั่น
 โดย สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
 ร่วมกับ สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (แท็กก้า)
ผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่น เรื่อง “พระมหาชนก” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

และหวังถ่ายทอดคำสอนในเรื่องของความเพียรที่บริสุทธิ์และใช้สติปัญญาดำรงชีวิตในปัจจุบัน
 ซึ่งผลงานภาพยนตร์แอนิเมชั่นเกิดขึ้นด้วยฝีมือคนไทยกว่า ๒๕๐ ชีวิต
จาก ๑๕ สตูดิโอชั้นนำ ระดมฝีมือรังสรรค์เต็มความสามารถ
และใช้เวลาถึง ๔ ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ ความยาว ๑๑๒ นาที

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะผู้ดำเนินการได้มีการเปิดตัวภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องดังกล่าว
 ที่โรงละครสำนักพระราชวังสนามเสือป่า

พร้อมเผยแพร่สู่สายตาคนไทย ทางโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซินีเพล็กซ์
ในวันที่ ๒๙ พ.ย. และ ๖ ธ.ค. นี้ วันละ ๒ รอบ เวลา ๑๐.๐๐ น และเวลา ๑๕.๐๐ น.
จำนวน ๑๒ สาขาทั่วประเทศ .. ..ชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
 (อ้างอิง http://movie.mthai.com/movie-news/166183.html)
ติดต่อสอบถามข้อมูล การรับบัตร ชมภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่น “พระมหาชนก”
 ได้ที่ กรมประชาสัมพันธ์ โทร. ๐๒ – ๖๑๘-๒๓๒๓

และฉายทางสถานีโทรทัศน์ทุกช่องในช่วงเวลาที่เหมาะสมระหว่างวันที่ ๖-๘ ธ.ค. นี้
 พร้อมทั้งผลิตในรูปแบบดีวีดีจำนวน ๑ แสนชุด
 เพื่อมอบเป็นสิ่งของพระราชทานให้แก่ประชาชน
 ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดที่ โทร.๐-๒๖๑๘-๒๓๕๗

ดร.ดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง กล่าวว่า
 เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จัดพิมพ์เผยแพร่เป็นฉบับการ์ตูน ได้รับสนองพระบรมราชโองการ

พระองค์รับสั่งว่า “ทำอย่างใดก็ได้ให้เหมือนหนังสือขายหัวเราะ”
ทำให้นึกถึง สมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ “ชัย ราชวัตร” นักเขียนการ์ตูนชื่อดัง
และได้เชิญมาเขียนการ์ตูน ซึ่งในครั้งนี้นำมาเป็นต้นแบบของภาพยนตร์แอนิเมชั่นด้วย

พระราชนิพนธ์เล่มนี้ยากที่สุด คือ การสื่อให้คนเข้าใจ

“ในฐานะบุคคลหนึ่งที่ได้ถวายงานพระราชนิพนธ์ เรื่อง พระมหาชนก
 ต้องขอขอบคุณสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ
และ แท็กก้า ที่ให้ความสำคัญกับพระราชนิพนธ์ฉบับนี้
ภายหลังได้นำความกราบบังคมทูลพระองค์ท่านว่า
 วันนี้มีคนพร้อมจะเสี่ยงชีวิตทำเรื่องนี้ด้วยความวิริยอุตสาหะ
 อย่างไรก็ตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรวจต้นฉบับด้วยพระองค์เอง
 ตั้งแต่เสียงพากย์ เส้นเสียงคนพากย์
 รวมทั้งทรงแก้บทรายละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้อรรถรสในการรับชม”

ด้าน นิธิพัฒน์ สมสมาน นายกสมาคมแท็กก้า
 เล่าถึงเทคนิคและจุดเด่นของกระบวนการสร้างว่า ภาพยนตร์แอนิเมชั่น
 เรื่อง “พระมหาชนก” จัดทำแบบ ๓ มิติ ผลิตด้วยคุณภาพ
ขนาด ๑๙๒๐ x ๑๐๘๐ (Full HD) ตัวละครและฉากต่าง ๆ
 ใช้ฉบับการ์ตูนฝีมือชัย ราชวัตร เป็นหลัก ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นไทยและอินเดีย

ในความยาว ๑๑๒ นาที แบ่งเป็น ๓ ตอนได้แก่ กำเนิด, ความเพียร และ ปัญญา
 ความตั้งใจแรกทำเผยแพร่ทางโทรทัศน์ แต่เนื่องจากทำระบบ เอชดี
 คุณภาพสามารถฉายในโรงหนังได้จึงเผยแพร่ทั้งสองทาง
 ด้านกระบวนการผลิตแต่ละขั้นตอนส่งเข้ามาให้สำนักพระราชวังได้ดูเบื้องต้น

จากนั้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทอดพระเนตรต้นฉบับ

“ศิลปินทั้งหลายเวลาทำงานแล้วส่งให้เจ้าของงานตรวจ หากมีแก้งานมาส่วนใหญ่หงุดหงิด
 แต่คราวนี้กลายเป็นว่าเมื่อส่งผลงานแล้วมีพระราชวินิจฉัยกลับมาทุกคนรู้สึกขนลุกซู่
 รู้ว่าพระองค์ได้ทอดพระเนตร ทุกคนเต็มใจกุลีกุจอแก้งานอย่างมิเห็นแก่เหน็ดเหนื่อย
เป็นความปลื้มปีติของทีมงานที่ได้ทำงานชิ้นนี้ แม้ใช้เวลาผิดความตั้งใจจาก ๑ ปี
เป็น ๔ ปีก็ตาม สำหรับเป้าหมายหลักหวังเข้าถึงเยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
จนถึงระดับมหาวิทยาลัย ได้เรียนคติสอนใจใช้ความเพียร
ใช้สติปัญญาแก้ปัญหา” นายกสมาคมแท็กก้ากล่าว.

ขอบคุณ บทความจาก สำนักข่าวเจ้าพระยา ลว. ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
http://www.chaoprayanews.com/2014/11/19/พระมหาชนก-จากบทพระราชนิ
เครดิต ปุญญดา หมวยจ้า

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤศจิกายน 2014, 16:54:39 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #310 เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2014, 16:45:13 »




วันที่ 21 พ.ย.57 คนไทยในซีแอตเทิล อเมริกา รักในหลวง

ใกล้วันครบรอบเฉลิมพระชมน์พรรษา 5 ธันวาคม 2557ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ชาวไทยในต่างประเทศ หลายแห่งมีการทะยอยขึ้นป้ายทรงพระเจริญ
ตามอาคาร ที่ได้รับการอนุญาตจากประเทศนั้น คนไทยในซีแอตเทิล
ที่เป็นเมืองท่าชายฝั่งในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา จึงช่วยกันสมทบทุน
จัดพระบรมฉายาลักษณ์ขึ้นป้ายถวายพระพร
 ทรงพระเจริญ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในหลวงด้วย

แม้พวกเขาตัวจะอยู่ไกล แต่หัวใจรักพระเจ้าอยู่หัวไม่เปลี่ยนแปลง

















ขอเชิญร่วมกัน 
จุดเทียนชัยถวายพระพร๕ ธันวามหาราช 
 ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗
 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤศจิกายน 2014, 17:09:59 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
ขวัญเองจ้า
Junior Public Relations
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 52701
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 44,899



« ตอบ #311 เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2014, 16:48:03 »



 

บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #312 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2014, 16:38:44 »



แถลงการณ์ฉ.10 ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเลื่อนวันถวายสัตย์ฯไปก่อน
.

แถลงการณ์ฉบับ10 คณะแพทย์แจ้งในหลวงยังไม่พร้อมเสด็จออก
 จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต
เลื่อนวันนำ2 รมต.ใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณออกไปก่อน

แถลงการณ์ ฉบับที่ 10

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำเนินมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 10

ตามที่นายกรัฐมนตรี ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส นำรัฐมนตรี ที่ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเพิ่มเติมเข้าเฝ้าฯทูลละอองธุลีพระบาท
ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ในวันนี้ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ
โรงพยาบาลศิริราช นั้น คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา มีความเห็นว่า
ยังไม่พร้อมที่จะเสด็จออก จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เลื่อนวันเฝ้าฯออกไปก่อน

จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

สำนักพระราชวัง 21 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2557

.









วันนี้ในอดึต



"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2521 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระดำเนินเยี่ยมผู้ป่วยเจ็บที่เข้าพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินไป
ทรงประกอบพิธีเปิดโรงพยาบาล พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
 อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร



  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #313 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2014, 16:49:02 »



'รู้แพ้ รู้ชนะ..สำคัญที่ความพยายาม'

ในการแข่งขันเรือใบครั้งหนึ่ง หลังจากทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นาน
 ก็ทรงแล่นกลับฝั่ง ตรัสกับผู้ที่มาคอยเฝ้าฯ ว่า เรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า
 ซึ่งในกติกาการแข่งขันเรือใบถือว่าฟาวล์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดในกติกามาก

มีพระราชดำริเกี่ยวกับการแข่งขันว่า...


"แพ้หรือชนะ ไม่ประหลาด ความพยายามที่จะเอาชนะต่างหาก..ที่สำคัญ"







ท่านผู้หญิงพัว อนุรักษ์ราชมณเฑียร ข้าหลวงในสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
ซึ่งเป็นสมเด็จย่าของในหลวง ท่านได้กรุณาเล่าให้ฟังถึง
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเยาว์ ความส่วนหนึ่งว่า...
.
"..ทรงซื้อรถไฟฟ้าหรือใครถวาย ดิฉันจำไม่ได้ แต่เป็นที่โปรดปรานมาก
ทรงขับทั่วๆ ไปในบริเวณสวนจิตรลดา เวลามีคนมาเฝ้าสมเด็จพระบรมราชชนนี
ถ้าทรงรู้จักและคุ้นเคยจะทรงเรียกให้ขึ้นรถด้วย และทรงเก็บสตางค์
เป็นราคา ๕ สตางค์ จากประตูชั้นใน แล้วนำมาส่งถึงตัวพระตำหนัก
.
มีผู้ขึ้นนั่งแล้วไม่มีเศษสตางค์จะถวายให้ จึงถวายไป ๑๐ สตางค์
 แล้วไม่ยอมรับทอน ทั้งทูลว่าสตางค์ทอนนั้นถวายเป็นรางวัล
ท่านรีบหยิบเงินทอนประทานแล้วอบรมผู้นั้นต่อไปว่า ๕ สตางค์นี้ตั้งตัวได้
 ผู้ถูกอบรมทูลถามว่า "ตั้งตัวได้อย่างไร"
ท่านทรงสอนว่า "ให้ไปซื้อพันธุ์ถั่วมาปลูกขาย แล้วจะมั่งมีเอง.."
.
(จากหนังสือ "หนึ่งในโลก จอมกษัตริย์มหาราชผู้ยิ่งใหญ่" โดยคุณอัครวัฒน์ โอสถานุเคราะห์)
.
ขอบคุณข้อมูลจากเพจ ชมรมคนรักพระมหากษัตริย์ของชาติไทย

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #314 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2014, 17:13:37 »





80 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับ ในหลวง
1. ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45 น.
2. นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับบลิว สจ๊วต วิตมอร์ มีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์
3. พระนาม "ภูมิพล" ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
4. พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช
5. ทรงมีชื่อเล่นว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
6. ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้
1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า " H.H. Bhummibol Mahidol" หมายเลขประจำตัว 449
7. ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า "แม่"
8. สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนมอาทิตย์ละครั้ง
9. แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขายเมื่อได้เงินมาก็ทรงนำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
10. สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มี
พิธีฝังศพอย่างใหญ่โต
11. สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า "บ๊อบบี้"
12. ทรงฉลองพระเนตร (แว่นสายตา) ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะ
ทรงจดอะไรจากกระดานดำจะต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
13. สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ สมเด็จย่าจะทรงเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะ
ทรงต่อรอง 3 ทีมากเกินไป 2 ทีพอแล้ว
14. ระหว่างประทับอยู่สวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ
15. ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก "การให้" โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า "กระป๋องคนจน" หาก
ทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไรจะต้องถูก "เก็บภาษี" หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียก
ประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำ
กิจกรรมเพื่อคนยากจน
16. ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าทรงอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็
ตอบว่า "ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มากค่อยเอาไปซื้อจักรยาน"
17. กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวงคือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนมายุ
เพียง 8 พรรษา
18. ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง
19. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก "การเล่น" สมัยทรงพระเยาว์ เพราะหากทรงอยากได้ของ
เล่นอะไร จะต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเองหรือประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐา (รัชกาลที่ 8) ซื้อชิ้นส่วน
วิทยุทีละชิ้นๆ เอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง
20. สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำ
แผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์
21. ทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ
แอกคอร์เดียน
22. ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์ มาหัด
เล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
23. ครูสอนดนตรีให้ในหลวงชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
24. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนมายุ 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ "แสงเทียน" จนถึง
ปัจจุบันทรงพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
25. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาล
พระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง "เราสู้"
26. รู้ไหม. ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่ 5
27. - - - - (ต้นฉบับหายครับ)
28. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังทรงสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์
ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการ
โรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
29. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง "นายอินทร์" และ "ติโต" ทรงเขียนด้วยพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์แต่พระมหาชนก ทรง
พิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
30. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และเรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทอง
จากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง (ต่อมาเปลี่ยนเป็น "กีฬาซีเกมส์") ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ. 2510
31. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่ง ตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะ
เรือแล่นไปโดนทุ่น ซึ่งในกติกาการแข่งถือว่าฟาวล์ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
32. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำ
หมุนช้าแบบทุ่นลอย หรือ "กังหันชัยพัฒนา" เมื่อปี 2536
33. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,
ดีโซฮอล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
34. องค์การสหประชาชาติ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ
วันที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของ
ประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง
35. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรามหาภูมิพลอดุลยเดช
มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
36. รักแรกพบของในหลวงและ ม.ร.ว.สิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ
ทรงให้สัมภาษณ์อว่า "น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4
โมง แต่จริงๆ แล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง"
37. ทรงหมั้น ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนราษฎรทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือน
ราษฎรทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
38. หลังอภิเษกสมรส ทรงเสด็จ "ฮันนีมูน" ที่หัวหิน
39. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และ
ประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
40. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
41. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพง ไม่ต้องเป็นของแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็น
จะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
42. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา
43. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล
เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
44. หลอดยาสีพระทนต์ ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึก
ลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และกดเป็นรอยบุ๋ม
45. วันที่ในหลวงทรงเสียพระทัยที่สุด คือ วันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้า
สมเด็จย่าถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ เมื่อกลับถึงวังทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่า
สิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงทรงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล ทอดพระเนตรเห็นแม่นอนหลับตาอยู่บนเตียง ในหลวงทรง
คุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่ ทรงซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆ เงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง
46. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบันมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ
47. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานที่ต่างๆ จะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่งคือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง (ตัดต่อเอง
ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ
48. ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียวเอกสารที่จะนำมาให้ข้าราชการที่เข้าถวายงาน
49. ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯ เยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมา
อย่างหนัก ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็น จึงมีรับสั่งให้
องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน เป็นที่ปลาบปลืมใจของพสกนิกรยิ่งนัก
50. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่
ทรงหามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
51. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73 บาท ซึ่งได้จากการขาย
หนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆ เติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห็น
กันทุกวันนี้
52. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง
เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
53. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยกราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า "ความจริง
มันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพัน
ของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ"
54. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง (20
กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้า
ประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน
55. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
56. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และ ตังฉ่าย
57. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
58. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดา
เป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
59. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง
60. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส (TV5) ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
61. ทรงฟัง จส. 100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆ ไปที่ จส. 100 ด้วย โดยใช้พระนามแฝง
62. หนังสือที่ในหลวงทรงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะทรงเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ
และก่อนเข้าบรรทมจะทรงอ่านนิตยสารไทมส์ นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
63. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูไลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501
เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มีลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
64. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯ เป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร
ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ
65. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวลแล้ว ยังมี
สุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว
66. "ในหลวง" เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "นายหลวง" ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น
ในหลวง
67. ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน
68. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆ ทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์
ว่า "ทำราชการ"
69. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิสเซอร์แลนด์
รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรงทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา เมื่อทรงมีพระชนมายุเพียง 20
พรรษาและทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียวในการทรงงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขพสกนิกรมาตลอดกว่า 60 ปี
70. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่
ทำด้วยทองคำแท้ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า "อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก"
71. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด
72. หัวใจทรงเต้นไม่ปกติ ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะเสด็จ
เยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
73. ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์
74. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้น
ที่ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี มีประชาชนเข้าชมรวมกว่า 6 ล้านคน
75. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2493 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็พระราชทาน
ปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตร
ฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน
76. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
77. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
78. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง ให้นั่งรวมกัน ไม่โปรด
ให้มีขบวนรถยาวเหยียด
79 - - - - (ต้นฉบับหายครับ)
80. พระราชประวัติในหลวง ฉบับการ์ตูน (ไม่ทราบว่าหมายถึงอะไรครับ แต่น่าจะมีใครพิมพ์จำหน่ายบ้างนะ)
ผมว่ายังมีอีกหลายข้อนะครับที่เรายังไม่รู้ ใครรู้ช่วยบอกทีครับ
จากในเว็บไซต์ www.settomorrow.com
ขอขอบคุณ ฟ้าสีทองผ่องอำไพ



  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #315 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2014, 17:52:34 »

เหตุผลที่คนไทย รักในหลวง
ฟังให้จบ
คลิกชมที่ลิงค์


https://www.facebook.com/video.php?v=682572455129512&set=vb.652232818163476&type=2&theater



คอมเม้นต์จากคนชมคลิปนี้
Chanin Chan ขอขอบคุณผู้ที่เก็บข้อมูลนี้และนำมาเผยแพร่
ผมเป็น VR รุน่แรก ท่านVROO9ก็คือองค์ ร๙ นั่นเอง
 ท่าน VROO9 เคยมอบโครงเสาอากาศเหล็กอย่างดีพวกเราชาวVR
 ได้ช่วยกันขนจากวัง และชุบgalvanizeที่ชอยปู่เจ้า
ตลอดทั้งการติดตั้งสูง ๒๑ม.ที่ตึกฉุกเฉิน รพ.พระมงกุฎ
เมื่อประมาณปี 2525 เสาอากาศยังใชจนทุกวันนี้





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใย
ประชาชนของพระองค์ท่านอยู่เสมอ พระราชดำรัสของพระองค์
"สิ่งใดที่เป็นความทุกข์เดือดร้อนของประชาชน ทุกคนทุกฝ่าย
จึงต้องถือเป็นหน้าที่จะต้องร่วมมือกันปฏิบัติแก้ไขให้เต็มกำลัง
โดยเฉพาะขณะนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนลำบาก
จากน้ำท่วมจึงชอบที่จะร่วมมือกันปัดเป่าแก้ไข ให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว...
ข้อสำคัญจะต้องไม่ขัดแย้งแตกแยกกัน อาจจะต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
เพื่อให้งานที่ทำบรรลุผลที่มีประโยชน์ เพื่อความผาสุข
ของประชาชนและความมั่นคง ปลอดภัยของประเทศชาติ"




พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงงานอย่างหนัก
ดูได้จากพระราชกรณียกิจที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำงาน
 มุ่งมั่นทำเพื่อประชาชนพสกนิกรชาวไทย ตลอดการทรงงานพระองค์ทรงตั้งมั่น
ในหลักทศพิธราชธรรม ซึ่ง พระองค์ มองว่า หลักทศพิธราชธรรมไม่ใช่ธรรมะ
สำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น แต่ผู้บริหารและประชาชนสามารถนำหลักธรรมะดังกล่าว
ปปฏิบัติได้เช่นกัน โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สามารถแก้ความทุกข์ยากทางกาย
 และทางจิตใจ ของประชาชน ซึ่งเห็นได้จากการพระราชทานพระบรมราโชวาทในเรื่องต่างๆ
 เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับประชาชทั้งนี้ พระองค์ยังทรงบำเพ็ญทานครบถ้วนทั้ง 2 ประเภท
 ทั้งธรรมทานวัตถุทาน ทำให้เกิดประโยชน์ต่อการบริหารประเทศ
 และพระองค์ยังทรงเคร่งครัดในการรักษาศีล โดยตลอดการผนวช
 ทรงบำเพ็ญศีล บำเพ็ญทาน มีเมตตาอย่างต่อเนื่อง
สละความสุขส่วนพระองค์ทรงงานหนักเพื่อราษฎรโดยไม่มีวันหยุด
นอกจากนี้ พระองค์ทรงให้ความสำคัญในเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต
บ้านเมืองจะอยู่ได้ต้องอาศัยความซื่อสัตย์สุจริตในการทำงาน และการใช้ชีวิต
อีกทั้งพระองค์ยังมีความตั้งใจ อุตสาหะ ในพระราชกรณียกิจต่างๆ
โดย เฉพาะการลงพื้นที่ ทรงเยี่ยมพสกนิกรในท้องถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะถิ่นทุรกันดาร
 เพราะต้องการทราบทุกข์สุข และความเดือดร้อนของประชาชน
 พร้อมพระราชทานความช่วยเหลือในด้านต่างๆ เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน
พระองค์ ทรงปฏิบัติสิ่งใด จะทรงมุ่งมั่นมากแบบไม่มีเวลากลางวันกลางคืน
 ไม่มีวันเสาร์-อาทิตย์ และไม่เคยใช้อำนาจบาทใหญ่ในการปกครองประเทศ
 ไม่เคยประทุษร้ายผู้อื่นเลย




วันที่ ๓๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๑๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฏรในโครงการพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์
 ทรงทอดพระเนตรบริเวณสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (เครดิตภาพ Restrict Area)

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #316 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2014, 18:19:52 »




 ภาพประทับใจงาน 60 ปี แห่งประวัติศาสตร์ 4 นาที
cr.ฟ้าสีทอง ผ่องอำไพ

โปรดคลิกชมที่ลิงค์

https://www.facebook.com/video.php?v=1505728679697955&set=vb.100007825122310&type=2&theater


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #317 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2014, 08:38:39 »

วันนี้ในอดีต



25 พฤศจิกายน "วันวชิราวุธ"

เป็นวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ที่ทรงริเริ่มกิจกรรมที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมนับอเนกอนันต์ไว้ในหลายสาขา

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๖
แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๓
ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๒๙ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
 และองค์ที่ ๒ ในสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง (สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี)
ได้รับพระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ

เมื่อทรงพระชนมายุได้ ๘ พรรษา ได้รับสถาปนาขึ้นเป็น
 “สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเทพทวาราวดี” ทรงมีพระเกียรติยศเป็นชั้นที่ ๒
 รองจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร

พระราชลัญจกร (ลัน-จะ-กอน หมายถึง ตรา) ประจำพระองค์ เป็นรูปวชิราวุธ
 ประดิษฐานบนพานทองสองชั้น ตั้งอยู่เหนือตั่ง มีฉัตรบริวาร ๒ ข้าง
 เป็นสัญลักษณ์ของพระปรมาภิไธยว่า วชิราวุธ หมายถึง ศัสตราวุธของพระอินทร์

ขอบคุณข้อมูล/ภาพ จาก :http://bit.ly/11MqRnL
#DemocratTH
















  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 พฤศจิกายน 2014, 11:46:20 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #318 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2014, 08:46:30 »

"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนิน
ไปทอดพระเนตรสภาพภูมิประเทศและสภาพลำน้ำก่ำ
 ณ บริเวณประตูระบายน้ำก่ำ ตำบลบึงศาลา ตำบลนาตงวัฒนา
 กิ่งอำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร




Information Division of OHM
วันอาทิตย์ ที่ 23 พฤศจิกายน 2557 เวลา 16.52 น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก
 ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
 ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
 นำ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
และนายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเพิ่มเติม
 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

ในโอกาสนี้ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
 ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย ต่อจากนั้น

พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้
 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
กราบบังคมทูลรายงานข้อราชการเป็นการส่วนพระองค์






"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2526 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรพื้นที่น้ำท่วมในเขตบางขุนเทียน
 ตามแนวถนนสายธนบุรี-ปากท่อ และตามแนวคลองพระยาราชมนตรี
เพื่อพิจารณาหาแนวทางเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมในเขตบางขุนเทียน
 และเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร






ตามรอยพ่อ

ทรงมีพระอารมณ์ขันมากด้วยในขณะที่ทรงงานอยู่
 มีพระราชกระแสครั้งหนึ่งให้กับสมาชิกสโมสรไลออนส์ว่า
 "ความร่าเริงและรื่นเริง ความคึกคักและครึกครื้นนั้นเป็นปัจจัยของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ"
 ทรงมีพระอารมณ์ขันมากอย่างไม่น่าเชื่อ ตามปกติแล้วจะทรงวางเฉยอยู่แต่ว่าทรงมีพระอารมณ์ขัน..

..แล้วเวลานี้พอใกล้พระชนมายุ ๖๐ ทุกคนก็ไปขอพระราชทานโน่น พระราชทานนี่ไปแสดง
 ขอพระราชทานรูปวิทยุอะไรหลายอย่าง อย่างสวนหลวงนี่
 ซึ่งผมเป็นกรรมการอยู่ด้วยก็ไปขอพระราชทานกันหมด เรือใบอะไรนี่ไปแสดง

พระองค์ท่านก็บอก"นี่ให้จะหมดตัวแล้วนะนี่ อีกหน่อยฉันคงจะต้องเอาองค์จริงแลกองค์ปลอม"
 คือเหลือแต่ตัว เหลือแต่องค์จริงจะไปแลกองค์ปลอม
ทรงโต้แย้งกลับมาอย่างชนิดที่ว่ามีความคมคายมากในทุกสิ่งทุกอย่าง
 เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่าทรงมีพระอารมณ์ขันถึงแม้จะเหนื่อยยากอะไรยังไงก็ตาม
และก็ทรงชอบที่จะเห็นคนอื่นนี่มีนิสัยร่าเริงอยู่ตลอดเวลา




'กว่าจะเป็นมีดดาบ'

"วันหนึ่งผมมีความทุกข์มาก เพราะทำงานชิ้นหนึ่งไม่สำเร็จ
 นั่งคอตกหมดพละกำลังแรงใจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น
ถ้าจะใช้คำสามัญทรงเป็นนายที่ดี ทรงเห็นผมทุกข์อยู่
ทรงพระดำเนินมาและไม่ทรงถามผมสักคำว่าผมทุกข์เรื่องอะไร รับสั่งกับผมว่า..

..ไปหาเหล็กมาให้ฉันก้อนหนึ่งได้หรือไม่
เหล็กธรรมดาเศษเหล็กอะไรก็ได้ ราคา ๒๐ - ๓๐ บาทก็ได้..
ถ้าได้เหล็กมาฉันอยากจะตีมีดดาบ จะต้องนำเหล็กไปทำอะไร
 ต้องนำเหล็กไปเผาไฟ ถ้าตัวเราถูกเผาอย่างนั้นแล้วจะทรมาณหรือไม่ เมื่อเผาแล้วนำมาทุบมาตี..

พระองค์ทรงถามว่าถ้าเราถูกทุบถูกตีอย่างนั้นจะเจ็บปวดหรือไม่..
กว่าจะเป็นมีดดาบถูกเผากี่ครั้ง ถูกทุบกี่ครั้ง กว่าจะจบสิ้นยาวนานมากทรมาณอยู่อย่างนั้น
 แต่ผลสุดท้ายเป็นดาบใช่หรือไม่ พอเป็นดาบแล้วสวยหรือไม่
 ใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ แต่ถ้าใช้ไม่ดีก็บาดมือเราได้นะ
 ถ้าเราทำฝักให้สวยๆ ทำด้ามสวยๆ..ราคา ๒๐ - ๓๐ บาท
 เหมือนราคาเหล็กก้อนเดิมหรือไม่ กลายเป็นดาบที่มีราคาสูงขึ้นมามากมาย..


..จำไว้ว่าใครผู้ใดก็ตาม ในชีวิตไม่เคยถูกเผา ไม่เคยถูกทุบเหมือนเหล็กชิ้นนั้น ทำงานใหญ่ให้กับแผ่นดินไม่ได้"

จาก 'ตามรอยพระยุคลบาท ครูแห่งแผ่นดิน' โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 พฤศจิกายน 2014, 11:47:32 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #319 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2014, 08:57:25 »


เชื่อว่าหลายๆคน คงยังไม่รู้แน่ๆเลยว่า
การสร้างพระบรมมหาราชวัง ของเรานั้น มีความเป็นมายัง
ตามไปดูกันได้ที่
cr.ฟ้าสีทอง
 http://www.tartoh.com/topic/8526/


"ของมีค่าหายาก"
ในปี พ.ศ.2498 เมื่อชาวอีสานทราบข่าวดีว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะเสด็จฯ
 เยี่ยมอีสานเป็นเวลายาวนานถึง 19 วัน ระหว่างวันที่ 2-20 พฤศจิกายน 2498
จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าชาวอีสานจะรู้สึกตื่นเต้นดีใจเพียงใด
เพราะอีสานเวลานั้นแห้งแล้งเหลือแสน ยังไม่มีอ่างเก็บน้ำชลประทานดังเช่นปัจจุบัน
เส้นทางรถยนต์ในยุคนั้นก็ยังเป็นดินแดงๆทุรกันดาร
น้ำพระราชหฤทัยที่แสดงออกด้วยการเจาะจงเสด็จฯ เยี่ยมอีสาน
 จึงเป็นเสมือนน้ำฝนฉ่ำที่หยาดลงมาบนผืนดินที่แห้งผาก
ยังไม่ทันที่พระองค์จะเสด็จฯ มาถึง น้ำพระทัยที่เย็นดุจสายฝนหยดแรกก็หยาดนำทางลงมาเสียแล้ว
 เมื่อมีข่าวว่า กรมทางหลวงเตรียมนำ "น้ำ" มาราดถนนทางเสด็จพระราชดำเนิน
เพื่อมิให้ถนนเกิดฝุ่นแดงคลุ้งเมื่อรถพระที่นั่งแล่นผ่าน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสรับสั่งห้ามว่า
 ไม่ให้นำน้ำซึ่งเป็นของที่มีค่าหายากมาราดถนนรับเสด็จ
 แต่ให้"สงวนน้ำไว้ให้ราษฎรใช้อาบกิน"

(นิทรรศการพลังแผ่นดิน อัศจรรย์งานศิลป์แผ่นดินสยาม)
ขอบคุณข้อมูลจากเพจ ชมรมคนรักพระมหากษัตริย์ของชาติไทย


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #320 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2014, 17:36:22 »


<a href="http://www.youtube.com/v/F_-A8NWmkCA?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/F_-A8NWmkCA?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>

จากโพสต์ทูเดย์
วีดีโอน่ารัก!พระเทพฯ ทรงขับร้อง"ขอใจเธอแลกเบอร์โทร"
ชมวีดีโอ!สมเด็จพระเทพฯ ทรงขับร้องเพลง
"ขอใจเธอแลกเบอร์โทร" ชาวเน็ตแห่แชร์คลิปสุดประทับใจ
โลกออนไลน์แห่แชร์คลิปประทับใจ
ขณะที่สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
ทรงขับร้องเพลง "ขอใจเธอแลกเบอร์โทร"ของหญิงลี
ศรีจุมพล ภายในงานแห่งหนึ่งซึ่งมีพสกนิกรร่วมร้องรำทำเพลง
อย่างสนุกสนานด้วยความปลื้มปีติ ทั้งนี้หลังจากแชร์คลิปดังกล่าวชาวเน็ต
ต่างพากันมาร่วมถวายพระพรและชื่นชมพระบารมีของท่านเป็นจำนวนมาก
ไม่มีเจ้าหญิงองค์ใดประเทศไหนที่จะไม่ถือตัวและเป็นกันเองขนาดนี้
 ทรงพระเจริญฯ.... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1yVg3PB

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 พฤศจิกายน 2014, 11:39:00 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
ขวัญเองจ้า
Junior Public Relations
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 52701
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 44,899



« ตอบ #321 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2014, 17:41:30 »

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

 

บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #322 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2014, 13:30:14 »



วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเกี่ยวข้าวด้วยรถเกี่ยวข้าว
ณ แปลงสาธิตการเกษตร โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก กองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี












สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วยคุณพลอยไพลิน เจนเซน วีลเลอร์ และคุณสิริกิติยา เจนเซน

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 พฤศจิกายน 2014, 19:52:30 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #323 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2014, 15:52:17 »



"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2533 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโครงการบำบัดน้ำเสียหนองสนม
 อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร



"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2527 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทอดพระเนตรแผนผังโครงกางอ่างเก็บน้ำห้วยหวด บ้านห้วยหวด
 ตำบลเต่างอย กิ่งอำเภอเต่างอย อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร



"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2516 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 พระราชทานสิ่งของแก่ราษฎร ณ บริเวณหน่วยรบเฉพาะกิจ
กองพันทหารราบ กองพลทหารราบที่ 9 บ้านน้ำล้อม
 กิ่งอำเภอเชียงม่วน จังหวัดเชียงราย

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #324 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2014, 16:20:11 »






ศาสตราจารย์ พลเอกหญิง พลเรือเอกหญิง พลอากาศเอกหญิง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เป็นพระราชธิดา ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชสมภพ เมื่อวันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (พระราชอุปัชฌาย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) เป็นผู้ถวายพระนามว่า "สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์" เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2520 ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระบรมราช โองการสถาปนาพระอิสริยศักดิ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ เฉลิมพระนามตามที่จารึกใน พระสุพรรณบัฏว่า "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี" นับเป็นสมเด็จเจ้าฟ้า หญิงพระองค์แรก ที่ทรงดำรงฐานันดรศักดิ์ที่ “สยามบรมราชกุมารี” แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์

 






สมเด็จพระเทพฯ

บทเรียนจากการนับข้าวสาร

เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงมีพระชนมายุ 8 พรรษานั้น
 ได้เคยทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ข้าวสาร 1 กระสอบมีกี่เม็ด

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอธิบายว่า ข้าวสาร 1 กระสอบมีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม
 กิโลกรัมหนึ่งมีเครื่องชั่งวัดได้ 10 ขีด ดังนั้น ก็เอาภาชนะไปตวงข้าวสารมาชั่งได้ 1 ขีด
แล้วก็นับข้าวสารที่ตวงมานั้นมีกี่เม็ด แล้วก็เอา 10 คูณ
 เสร็จแล้วเอา 100 คูณผลลัพธ์อีกทีก็จะได้จำนวนเม็ดข้าวใน 1 กระสอบ

สมเด็จพระเทพฯ ทรงทูลว่า ไม่อยากรู้แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สอนว่า
 ไม่ได้หรอก หากถามก็แสดงว่าอยากรู้ ดังนั้น จงไปหาข้าวสารมาตวงและนับเสีย
 เมื่อได้ผลเป็นอย่างไรให้มาบอกด้วยว่าข้าวสารหนึ่งกระสอบมีกี่เม็ด เพราะว่าก็อยากรู้เหมือนกัน

นับเป็นบทเรียนสำคัญที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้แก่สมเด็จพระเทพฯ ทีเดียว

ที่มา หนังสือความสุขของสมเด็จพระเทพ





สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงมีความอาทรห่วงใยในความรู้สึกของแต่ละคนรอบข้างอย่างแท้จริง
แต่ความรู้สึกในพระองค์เองเล่า มีบ้างไหมหนอที่ทรงเหนื่อย
 ระทดท้อ หรือทรงปรารถนาความรู้สึกปลอบประโลมจากผู้อื่นบ้าง..

'ราสเบอรี่ไวน์' เคยเขียนไว้ในคราวตามเสด็จประเทศอิสราเอล และอิหร่านอย่างเป็นทางการว่า

"การได้ตามเสด็จตลอดเวลา ทำให้ข้าพเจ้าเห็นพระทัยอย่างยิ่ง
 ว่าไม่ค่อยมีเวลาเป็นของพระองค์เองเท่าไร
 อยู่ในหมายกำหนดการที่เขาจัดเตรียมไว้ถวายหมด พอเสด็จกลับถึงโฮเต็ล
 ก็ประทับเหยียดยาวบนพื้นพรมในห้องทรงพระสำราญ
อะไรจะดีเท่าเสียงดนตรี ที่ช่วยกล่อมพระอารมณ์
ทูลกระหม่อมฟ้าหญิงสิรินธรฯ โปรดดนตรีไทยทุกชนิด..

..จึงทรงมีขลุ่ยเล็กๆติดพระองค์มาด้วย คราวใดมีเรื่องยุ่งยากพระทัย
 ก็ทรงระบายออกเป็นเสียงขลุ่ยฟังไพเราะหูนัก"

แสดงว่าคงจะทรงใช้ดนตรีเป็นเครื่องปลอบพระทัยพระองค์เองด้วยประการหนึ่ง





ชมรมธรรมดี
สมเด็จพระเทพฯ

บางส่วนในพระราชนิพนธ์ "กษัตริยานุสรณ์"

"รักชาติยอมสละแม้ ชีวี
รักเกียรติจงเจตน์พลี ชีพได้
รักราชมุ่งภักดี รองบาท
รักศาสน์ราญเศิกไส้ เพื่อเกื้อพระศาสนา

อันสยามเป็นบ้านเกิด เมืองนอน
ดุจบิดามารดร เปรียบได้
ยามสุขสโมสร ทุกเมื่อ
ยามศึกทุกข์ยากไร้ ปลาตเร้นฤๅควร ฯ"

เป็นคำโคลงยอพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ที่ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อครั้งทรงศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕
 โรงเรียนจิตรลดา พุทธศักราช ๒๕๑๖ อาจารย์ กำชัย ทองหล่อ
 ผู้ถวายการสอนวิชาภาษาไทย ณ โรงเรียนจิตรลดา
ได้ตั้งชื่อบทกวีนี้ทูลเกล้าฯ ถวายว่า 'กษัตริยานุสรณ์'



  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 พฤศจิกายน 2014, 20:29:59 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
แท็ก:
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 [13] 14 15 16 17 18 19 20   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค "เว็บมหาชน คนมหาโชค"
 
คติ "กินอยู่อย่างพอเพียง เสี่ยงโชคแต่พอควร"
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย
คำเตือน -ทางเว็บไม่ได้ทราบเป็นการล่วงหน้าว่าหวยทางกองสลากจะออกตัวไหน แต่เราใช้การวิเคราะห์หรือประเมินตามหลักสถิติ
หรือวิธีการอื่นว่า เลขที่มีโอกาสออกมากที่สุดในแต่ละงวดควรจะเป็นเลขอะไรเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ การเล่นหวยถือว่ามีความเสียงมาก
Sitemap | Contact | WAP | xHTML | iMode | WAP 2 | RSS

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines | Sitemap
อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน ©
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.518 วินาที กับ 24 คำสั่ง
Copyright (c) 2008-2022 apichokeonline.com