อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน
29 มีนาคม 2024, 04:51:07 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ผลงานห้อง VIP (งวด 16 มี.ค.67)
อ.apichoke ปักหลักสิบหน่วย เข้า 2-6
อ.janya ถูกตรงเลขท้ายย๒ตัว 78
อ.goodrich ถูกตัวกลับเลขท้ายย๒ตัว 87
อ.พริม ฟันธงชุดเดียว ถูกตรงๆ เลขท้าย๒ตัว 78

ออก 626-78
   หน้าแรก   หวยรัฐบาล SUPER VIP หนังสือหวย VIP สมัคร vip ช่วยเหลือ แท็ก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก Register  
ฝากภาพ i-pic
หน้า: 1 ... 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 [19] 20   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แล้วใครล่ะ...จะไม่รัก..  (อ่าน 829226 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #450 เมื่อ: 02 เมษายน 2015, 10:28:40 »









<a href="http://www.youtube.com/v/LqOHESkRtEE?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=1&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/LqOHESkRtEE?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=1&amp;loop=1</a>

นารีรัตนา
แก้วใจประชาคุณค่าผ่องใส
แก้วงามสะท้อนแสงทองส่องใจ
สว่างไสวด้วยหัวใจเพื่อแผ่นดินนี้

นารีรัตนา
ผู้ยอมเหนื่อยล้าด้วยแรงที่มี
แก้วที่ควรค่าการสดุดี
คือหนึ่งนารีผู้เป็นที่รัก

ปวงไทยน้อมใจถวายศรัทธา
ราชสุดา ผู้เป็นที่รัก



เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
 ทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ ในวันที่ 2 เมษายน 2558
 เพื่อเป็นการร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
 ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558
ขอน้อมถวายพระพร  ขอพระองค์ทรงพระเจริญ


จดหมายจากในหลวง ถึง สมเด็จพระเทพ ฯ
6 ตุลาคม 2547
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำเผยแพร่
-------------------------------
ลูกพ่อ
ในพื้นแผ่นดินนี้ ทุกสิ่งเป็นของคู่กันมาโดยตลอด มีความมืดและความสว่าง
 ความดีและความชั่ว ถ้าให้เลือกในสิ่งที่ตนชอบแล้ว ทุกคนปรารถนาความสว่าง ปรารถนา
ความดีด้วยกันทุกคน แต่ความปรารถนานั้น จักสำเร็จลงได้ จักตัอง
มีวิธีที่จักดำเนินให้ไปถึงความสว่างหรือความดีนั้น ทางที่จักต้องไปให้ถึงความดี
 นั้นก็คือ รักผู้อื่น เพราะความรักผู้อื่น สามารถแก้ปัญหาได้ทุกปัญหา
ถ้าให้โลกมีแต่ความสุขและเกิดสันติภาพ ความรักผู้อื่นจักเกิดขึ้นได้
พ่อขอบอกลูกดังนี้....
1. ขอให้ลูกมองผู้อื่นว่าเป็นเพื่อนเกิด เพื่อนแก่ เพื่อนเจ็บ เพื่อนตาย ด้วยกัน ทั้งหมด ทั้งสิ้น ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
2. มองโลกในแง่ดี และจะให้ดียิ่งขึ้น ควรมองโลกจากความเป็นจริง อันจักเป็นทางแก้ปัญหาอย่างถูกต้องและเหมาะสม
3. มีความสันโดษ คือ มีความพอใจเป็นพื้นฐานของจิตใจ พอใจตามมีตามได้ คือ ได้อย่างไรก็เอาอย่างนั้น
ไม่ยึดติด ขอให้คิดว่า มีก็ดี ไม่มีก็ได้ พอใจตามกำลัง คือ มีน้อยก็พอใจตามที่ได้น้อย
- ไม่เป็นอึ่งอ่างพองลม จะเกิดความเดือดร้อนในภายหลัง
- พอใจตามสมควรคือทำงาน
ให้มีความพอใจ เหมาะสมแก่งาน
- ให้ดำรงชีพให้เหมาะสมแก่ฐานะของตน
4. มีความมั่นคงแห่งจิต คือ ให้มองเห็นโทษของความเกียจคร้าน และมองเห็นคุณประโยชน์ของความเพียร
และเมื่อเกิดสิ่งที่ไม่พึงปราถนา ให้ภาวนาว่า มีลาภมียศ
สุขทุกข์ปรากฎ สรรเสริญนินทา เสื่อมลาภเสื่อมยศ เป็นกฎธรรมดา
อย่ามัวโศกา นึกว่า"ชั่งมัน"
พ่อ
6/10/2547

-------------------------------
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
ทรงมีพระราชปรารภ ทิ้งท้าย
- ฉันหวังว่า....คำสอนพ่อ ที่ฉัน
ได้ประมวลมานี้ จะเกิดประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านที่ได้พบเห็น และลูกอันเป็นที่รักของพ่อทุกคน ฉันรักพ่อฉันจัง
สิรินธร


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ตุลาคม 2016, 17:14:36 โดย FIRE » บันทึกการเข้า

FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #451 เมื่อ: 02 เมษายน 2015, 10:41:29 »










  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ตุลาคม 2016, 17:19:55 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #452 เมื่อ: 02 เมษายน 2015, 10:58:33 »



น้องน้อยของพี่ชาย” เป็นบทความที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระราชนิพนธ์

"น้องน้อยของพี่ชาย" เป็นบทความที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร
ทรงพระราชนิพนธ์ เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงเจริญพระชนมายุ ๓ รอบ เมื่อวันที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๓๔









พระราชนิพนธ์นี้ยังเผยแพร่ไม่กว้างนัก ศูนย์สารสนเทศ สำนักราชเลขาธิการ
 จึงเชิญมาเผยแพร่ เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
 ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ ๕ รอบ พุทธศักราช ๒๕๕๘





ขอขอบคุณ : ภาพจากหนังสือ ปิยชาติสยามบรมราชกุมารี "ดาวประจำเมือง"
 และภาพจากแฟ้มภาพ ทรัพยากรกลุ่มงานแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ 

ขอขอบคุณ : ศูนย์สารสนเทศ สำนักราชเลขาธิการ


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
yuko1
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 20283
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,130


« ตอบ #453 เมื่อ: 02 เมษายน 2015, 11:00:18 »

 g|" g|" g|" g|" g|"
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #454 เมื่อ: 02 เมษายน 2015, 11:03:32 »



รวมพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ชุดที่ ๒)
ขอบคุณที่มาชมรมคนรักในหลวง














อีกหนึ่งพระอิริยาบถ ที่ทรงเป็นเจ้าฟ้าของคนเดินดินโดยแท้
ทรงมีน้ำพระทัยไม่ถือพระองค์ ‪#‎ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

 ภาพ.คุณสมชาย แสวงการ

ที่มา เรารัก “สมเด็จพระเทพฯ” : Our BeLoved Princess Maha Chakri Sirindhorn

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน 2015, 17:06:24 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #455 เมื่อ: 02 เมษายน 2015, 11:05:31 »










  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #456 เมื่อ: 02 เมษายน 2015, 11:08:44 »

















  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #457 เมื่อ: 02 เมษายน 2015, 11:11:04 »







 









  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 เมษายน 2015, 16:59:15 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #458 เมื่อ: 02 เมษายน 2015, 11:20:33 »

























  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #459 เมื่อ: 02 เมษายน 2015, 11:25:05 »


















  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #460 เมื่อ: 02 เมษายน 2015, 11:55:30 »



พระทรงเป็นดวงแก้วส่องไทย  พระทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจ
เรื่องเล่า... บางเรื่องพวกเราไม่เคยรู้...
"...ทางเจ้าภาพก็เสียใจทันที เพราะนึกว่าพระองค์ทรงตำหนิ ก็เลยตกใจจัดแจง
จะยกจานอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ออก หารู้ไม่ว่า เจ้าหญิงพระองค์นี้
ทรงมีพระอารมณ์ขัน เพราะทันทีทันใด..........."


ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล

       ก่อนที่ผมเข้ามารับราชการ และได้ทำงานสนองพระราชดำริภายใต้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น
 ความรู้สึกที่มีต่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คงจะไม่แตกต่างจากประชาชนคนไทยอื่นๆ
 ที่มีความจงรักภักดี มีความชื่นชมและความเทิดทูนไว้เหนือหัว

ต่อเมื่อได้เข้ามาทำงานสนองพระราชดำริตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2524
ที่การประสานงานยังอยู่ภายใต้กองเตรียมความพร้อมด้านเศรษฐกิจ
 ในสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โดยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ จวบจนปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา



ประกอบกับการได้มีโอกาสตามเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในการทรงงานในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทยหรือในโอกาสที่เสด็จฯ ไปทรงเยือนต่างประเทศ
จึงได้ประจักษ์และซาบซึ้งกับความรู้สึกที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นอย่างแท้จริง เนื่องจากได้มีโอกาสรับใช้อย่างใกล้ชิด

  ในความรู้สึกส่วนตัวแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
 ทรงเป็นเจ้าหญิงในแบบฉบับที่ยากจะหาผู้ปฎิบัติตนตามอย่างได้
 เนื่องจากทรงเป็นพหูสูต ซึ่งมาด้วยความรู้ประหนึ่งสารานุกรมก็ว่าได้



ทรงวางพระองค์ได้เหมาะสม และที่สำคัญทรงถอดแบบอย่าง
มาจากสมเด็จพระบรมชนกนาถโดยแท้จริง ในแง่ของการดำเนินงาน การดำเนินชีวิตเรียบง่าย
และการเสียสละเวลาและการทุ่มเทพระวรกายในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่มากมาย

 โดยเฉพาะการทรงงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนที่ยากไร้และขาดหนทางทำมาหากิน
ให้คนเหล่านั้นสามารถพึ่งพาตนเองและเลี้ยงครอบครัวได้อย่างพอเพียง

เรื่องเล่า... บางเรื่องพวกเราไม่เคยรู้...
"...ทางเจ้าภาพก็เสียใจทันที เพราะนึกว่าพระองค์ทรงตำหนิ ก็เลยตกใจจัดแจง
จะยกจานอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ออก หารู้ไม่ว่า
เจ้าหญิงพระองค์นี้ ทรงมีพระอารมณ์ขัน เพราะทันทีทันใด..........."




“นางฟ้าในใจประชาชน”

       ตามที่ได้เห็นกันในโทรทัศน์ เวลาที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ
ไปยังพื้นที่ต่างๆ จะมีประชาชนทุกเพศทุกวัยมาคอยรับเสด็จ ซึ่งบางคนถึงกับมานั่งคอยแต่เช้า
เพื่อที่จะได้ไม่พลาดโอกาสที่จะเฝ้าฯ รับเสด็จ และชื่นชมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในระยะที่ใกล้

ทั้งนี้ เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นนางฟ้าในใจคนไทยทุกคน
 มีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรและทรงถามไถ่ถึงปัญหาในการประกอบอาชีพและสุขภาพ เป็นต้น
 มีหลายครั้งที่ผมได้มีโอกาสเห็นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงยื่นพระหัตถ์ไปสัมผัสกับราษฎรนับร้อยที่มาคอยรับเสด็จ ซึ่งสำหรับบุคคลเหล่านั้นแล้ว

ผมไม่แน่ใจว่าเปรียบเสมือนกำลังใจที่มาหล่อเลี้ยงหัวใจหลายๆ ดวงที่รู้สึกแร้นแค้น
 ความประทับใจที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีได้สร้างขึ้นในใจประชาชนนั้น
 มิได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทย แต่รวมไปถึงต่างประเทศด้วย




“ทูตแห่งสัมพันธไมตรี”

       สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
มีพระราชกรณียกิจทั้งในและนอกประเทศ เวลาเสด็จประพาสต่างประเทศนั้น
 ทรงเป็นกันเองมิได้ทรงแตกต่างจากในบ้านเราเลย ทรงมีความเรียบง่ายและอาจลดพิธีการลงบ้าง
เนื่องจากทรงเข้าพระทัย ว่า ประเพณีต่างชาตินั้นไม่เหมือนบ้านเรา

เช่น ที่คนไทยเห็นความเป็นกันเองของพระองค์ คือ ตอนที่เสด็จฯ
 ไปทรงเยือนประเทศแทนซาเนียและประเทศเคนยา ประมาณปลายเดือน มีนาคม 2546
 ซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบีได้ถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำที่ร้านอาหาร
Carnivore ซึ่งพนักงานจะถือเนื้อชนิดต่างๆ เช่น เนื้อกวาง เนื้อจระเข้
 เนื้อวัว ที่เสียบกับแท่งเหล็กยาวๆ สำหรับย่างมาที่โต๊ะและหั่นใส่จานเรา

ซึ่งพระองค์ก็เสวยแบบคนอื่น ไม่ต้องหั่นใส่จานมาถวายต่างหาก และที่ประทับใจไปกว่านั้น
 พระองค์ทรงร่วมเต้นรำในสไตล์พื้นเมืองร่วมกับนักแสดงที่ทางร้านจัดมาแสดงให้พระองค์อย่างเป็นกันเอง

หรือเมื่อครั้งที่ทรงเสด็จฯ ไปเยือนประเทศจีน ทางเจ้าภาพได้จัดซุปตุ๊กแกถวาย
 เชื่อไหมว่าพระองค์ไม่ได้แสดงท่าทางตกพระทัย หรือทรงรังเกียจแต่อย่างใด ทรงเสวยซุปตุ๊กแกที่ว่าเป็นปกติ

ดังนั้น เมื่อเสด็จฯไปเยือนประเทศใด ก็จะสร้างประทับใจให้กับประเทศนั้น
 เนื่องจากทรงเป็นทูตแห่งสัมพันธไมตรีโดยแท้จริง




“ความอดทนดุจทหารหาญ”

        นอกจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
จะทรงมีพระทัยที่เปี่ยมไปด้วยไมตรีแล้ว ยังมีพระทัยที่เข้มแข็งและมีพระวิริยอุตสาหะ
ในอดีตนั้น การตามเสด็จค่อนข้างจะลำบากพอสมควร เนื่องจากถนนหนทางยังไม่ได้มีการพัฒนาเท่าปัจจุบัน
 ทำให้การเดินทางบางครั้งมีความสมบุกสมบันพอสมควร

ซึ่งผมเองเป็นผู้ชายบางครั้งยังรู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามและความอดทนเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ
 แต่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีนั้น กลับดูตรงกันข้าม ยิ่งหนทางทุรกันดารเท่าไร
 ผมรู้สึกเหมือนพระองค์ทรงพอพระทัยมากยิ่งขึ้น จากทรงเป็นนักผจญภัยโดยแท้

และทรงมีความอดทนดุจทหารหาญ อย่างเช่นเมื่อครั้งที่พระองค์ทรงพระดำเนินป่าห้วยขาแข้ง
โดยสวมฉลองพระบาทแบบทหารและโดนฉลองพระบาทกัดอย่างรุนแรง
 ซึ่งตลอดการเดินทางพระองค์มิได้ทรงปริพระโอษฐ์บ่นเลย

นอกจากนี้ พอฉลองพระบาทเปียก พระองค์ทรงนำไปย่างไฟให้แห้ง เพื่อจะนำมาใส่อีก
 ไม่ได้มีการนำฉลองพระบาทใหม่ไปเปลี่ยนหรือสำรองไปเผื่อ
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์เฉพาะองค์ที่ยากจะหาที่ใดเปรียบ




“นักวิชาการที่ใฝ่รู้”
แววของการเป็นนักวิชาการที่ใฝ่รู้เริ่มตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนถึงปัจจุบัน
 ซึ่งพระองค์มีความสนพระทัยในการศึกษาวิชาแขนงต่างๆ และไม่ได้ทรงหยุดการเรียนรู้ไว้เฉพาะแค่การศึกษาในห้องเรียน

ทว่า พระองค์ทรงสนพระทัยในศาสตร์แขนงต่างๆ เช่น เวลาตามเสด็จผมจะทึ่งเสมอกับความรู้ที่ทรงมี
 ซึ่งมากเหลือเกิน เนื่องจากพระองค์ทรงสามารถคุยกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ
 ได้อย่างแม่นยำและละเอียด พระองค์ทรงซักถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่และประชาชนที่มาคอยรับเสด็จ

ทั้งนี้ เป็นเพราะพระองค์ทรงทำการบ้านมาก่อน คือ ทรงศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่นั้นๆที่จะเสด็จฯ
ซึ่งไม่แปลกเลยที่จะพบว่าบางครั้งพระองค์จะทรงทราบในสิ่งที่เจ้าหน้าที่จะถวายรายงาน

จากนั้น พระองค์ก็จำนำข้อมูลที่บันทึกไว้มาขยายผลให้เกิดประโยชน์กับราษฎรต่อไป
นอกเหนือจากพระราชกรณียกิจที่มากมายแล้ว พระองค์ทรงหาเวลาศึกษาภาษาต่างๆ
 เช่น ภาษาจีน เยอรมัน ฝรั่งเศส ซึ่งไม่ได้ทรงรู้แค่ผิวเผิน แต่สามารถ พูด อ่าน เขียนได้คล่อง

เพราะฉะนั้นเวลาเสด็จฯ ไปทรงเยือนต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน
 เราจะเห็นพระองค์ทรงสนพระทัยฟังเจ้าหน้าที่ที่ทำการอธิบายเป็นภาษาจีน
 พร้อมกับทรงซักถามกลับไปเป็นภาษาจีนและทรงจดข้อมูลที่ได้รับลงสมุดบันทึก






“พระอารมณ์ขันสร้างรอยยิ้ม”

        เป็นลักษณะเด่นประจำพระองค์ที่เราพบเห็นบ่อย พระองค์ทรงมีรอยยิ้มที่ร่าเริงแจ่มใส
 สร้างความสดชื่นให้แก่คนรอบข้างได้เสมอแม้ในยามคับขัน
 พระองค์ยังทรงมีพระอารมณ์ขันที่จะรับสั่งกับพวกที่ตามเสด็จ
 ซึ่งทำให้พวกเราคลายความกังวลไปได้บ้าง

อย่างเมื่อคราวที่เสด็จฯ ไปทรงเยือนหมู่เกาะทะเลใต้ ซึ่งคนส่วนใหญ่
ที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวจะนิยมบริโภคเนื้อสัตว์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
 จึงตรัสว่า สำหรับศาสนาพุทธนั้น เรามีศีลห้าที่ต้องนับถือและปฏิบัติตาม โดยเฉพาะศีลห้าที่ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

ทางเจ้าภาพก็เสียใจทันที เพราะนึกว่าพระองค์ทรงตำหนิ
 ก็เลยตกใจจัดแจงจะยกจานอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ออก หารู้ไม่ว่า
เจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีพระอารมณ์ขัน เพราะทันทีทันใดพระองค์ทรงยึดจานไว้ไม่ให้เก็บ

และทรงอธิบายคลายกังวลของเจ้าภาพว่า
จานที่ได้ฆ่าแล้วนั้นสามารถเสวยได้ แต่ที่ยังไม่ได้ฆ่าก็ไม่ต้องฆ่าเพื่อปรุงถวาย





“คลังข้อมูล”

        สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงมีความพิถีพิถันและให้ความสนพระทัยกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
 ที่บางครั้งเราอาจมองข้าม ในการตามเสด็จทุกครั้ง
 จะเห็นพระองค์ทรงพกสมุดบันทึกข้อมูลและพกกล้องส่วนพระองค์
 เพื่อทรงถ่ายเก็บเรื่องราวต่างๆ ที่ทรงประสบ

นอกจากนี้ เวลาเสด็จฯไปเยี่ยมชมและติดตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ
 พระองค์จะทรงซักถามเจ้าหน้าที่ที่มารับเสด็จเกี่ยวกับผลการดำเนินงานอย่างละเอียด

  ปัจจุบันนี้คาดว่าสมุดบันทึกของพระองค์จะมีจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว
ในอนาคตอาจจะต้องมีการเรียบเรียงเป็นจดหมายเหตุส่วนพระองค์
 ซึ่งจะกลายเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ และมีคุณค่าต่ออนุชนรุ่นหลังต่อๆ ไป



ผมรู้สึกว่าในชีวิตนี้ ตัวเองเป็นคนที่โชคดีและได้รับโอกาสที่ดีในหลายๆ เรื่อง
 แต่ถ้าให้นึกถึงเรื่องที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับตนเองและครอบครัวมากที่สุดแล้ว
 เห็นจะเป็นเรื่องที่ผมมีโอกาสเข้ามารับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ในการสนองพระราชดำริในทุกพระองค์

ในโอกาสอันเป็นมงคลผมได้รับเกียรติ ให้เขียนบทความพิเศษ
เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ผมขอจบบทความชิ้นนี้ โดยการฉีกบุคลิกตัวเองที่เป็นนักวิชาการ ด้วยกลอนสั้นๆ
“ด้วยพระทัยที่มุ่งมั่น จะสร้างสรรค์แต่สิ่งดี ให้แก่มวลชีวี ได้อยู่ดีกินดีมีสุขเอย”










ที่มา : หนังสือพระทรงเป็นดวงแก้วส่องไทย  สำนักงาน กปร. และ สยามรัฐ
 


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #461 เมื่อ: 25 เมษายน 2015, 13:49:46 »

ในหลวงเสด็จฯ ทรงเปลี่ยนพระราชอิริยาบถ ณ หอประชุมกองทัพเรือ 24 เมษายน2558







วันนี้ (24 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.08 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถเข็นพระที่นั่ง ลงจากชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อไปประทับเปลี่ยนพระราชอิริยาบถ และทอดพระเนตรทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยา ณ หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร เป็นการส่วนพระองค์


       โดยมี ศ.คลินิก นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผอ.โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถเข็นพระที่นั่ง พร้อมด้วย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทย์และพยาบาล ผู้ถวายการรักษาตามรับเสด็จฯ ท่ามกลางความปลื้มปีติของประชาชนที่ทราบข่าวต่างพากันเฝ้ารับเสด็จฯ ตลอดทั้งสองเส้นทางที่ขบวนผ่าน โดยพสกนิกรเมื่อได้เห็นพระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง ต่างพากันเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
      
       ต่อมาเวลา 14.18 น. ขบวนรถตู้พระที่นั่งถึงยังหอประชุมกองทัพเรือ (อาคารชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ) โดยมี พล.ร.อ.พจนา เผือกผ่อง รอง ผบ.ทร. พล.ร.ท.พลเดช เจริญพูล รองเสนาธิการทหารเรือ พล.ร.ท.ลือชัย รุดดิษฐ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ พร้อมด้วย นายทหารและเจ้าหน้าที่ รอเฝ้ารับเสด็จฯ


      ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพักตร์ที่แจ่มใส ฉลองพระองค์เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายแพะสีม่วงขาว พระสนับเพลาสีดำ รองพระบาทหนังสีดำ
      
       จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ยังห้องชมชลธี ชั้น 3 อาคารชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อประทับเปลี่ยนพระราชอิริยาบถ พร้อมทอดพระเนตรทัศนียภาพแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ พระบรมมหาราชวัง วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร เป็นต้น และเสวยพระสุธารสชา
      
       สำหรับหอประชุมกองทัพเรือ หรืออาคารชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านตรงข้ามกับพระบรมมหาราชวัง ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2545 ในพื้นที่ของกองทัพเรือ เพื่อใช้รองรับการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก หรือ เอเปก (APEC) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปี 2546 และเนื่องจากหอประชุมแห่งนี้มีชื่อเสียงทั้งในด้านสถาปัตยกรรมและเป็นจุดชมทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยาที่งดงาม จึงได้รับเกียรติให้ใช้จัดงานพิธีและกิจกรรมต่างๆ ที่สำคัญในระดับชาติและนานาชาติอีกหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2549 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และพระประมุขกับพระราชวงศ์ต่างประเทศ ที่ทรงเข้าร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มาทอดพระเนตรขบวนเรือพระราชพิธี ณ ราชนาวิกสภา และทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติที่หอประชุมกองทัพเรือแห่งนี้
      
       ก่อนที่จะเสด็จพระราชดำเนินกลับยังที่ประทับ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ในเวลา 15.28 น. รวมระยะเวลาเสด็จ 1 ชั่วโมง 10 นาที


<a href="http://www.youtube.com/v/7PDsNI-e_y8?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/7PDsNI-e_y8?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เมษายน 2015, 14:17:55 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #462 เมื่อ: 27 เมษายน 2015, 15:28:25 »




 ๒๘ เมษายน..บรมราชาภิเษกสมรส
ขอทรงพระเจริญ

ขอนำมาโพสต์ใหม่อีกครั้ง



วันบรมราชาภิเษกสมรสครบ 65 ปี ซึ่งตรงกับวันที่ 28 เมษายน 2558 นี้เอง
 ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 66 ปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 ทรงประกอบพิธีหมั้นกับ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พุทธศักราช 2492 ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

       หลังจากนั้นรัฐบาลได้แจ้งให้ประชาชนชาวไทยทราบว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จนิวัตประเทศไทยพร้อมด้วยพระคู่หมั้น
ในวันที่ 24 มีนาคม พุทธศักราช 2493




พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกำหนดให้วันที่ 28 เมษายน พุทธศักราช 2493
 เป็นวันประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ณ วังสระปทุม
อันเป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า


<a href="http://www.youtube.com/v/oD5Xrz4StwA?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/oD5Xrz4StwA?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>


เมื่อใกล้ถึงเวลาพระฤกษ์ เวลา 09.30 น. หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร
 ทรงนำหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ไปยังวังสระปทุม
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย และ ม.ร.ว.สิริกิติ์ ลงนามในสมุดทะเบียนสมรส





ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชสักขี 2 คน คือ
 จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี และพล.อ.มังกร พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ร่วมลงนามด้วย นับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ที่ทรงจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย

        เมื่อสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จออก
 ณ ชั้น 2 ของพระตำหนักแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและม.ร.ว.สิริกิติ์
 ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนเครื่องราชสักการะ

        สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ประทานน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนต์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 และพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนต์แก่ ม.ร.ว.สิริกิติ์ ตามโบราณราชประเพณี

        พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และบุคคลที่ได้รับเชิญมาร่วมในพระราชพิธี ทูลเกล้าฯ
 ถวายของขวัญ ในโอกาสนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานของที่ระลึกเป็นหีบบุหรี่เงินขนาดเล็ก
ประดับอักษรพระนามาภิไธยย่อ ภ.อ. และ ส.ก


<a href="http://www.youtube.com/v/N3W1UKO1Exs?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/N3W1UKO1Exs?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>



ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนา
ม.ร.ว.สิริกิติ์ พระอัครมเหสี เป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์
 และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์แก่สมเด็จพระราชินีในศุภมงคลโอกาสนี้ด้วย

        เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันเดียวกันนี้ ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จออกมหาสมาคม
ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง พระราชทานพระราชวโรกาสให้พระบรมวงศานุวงศ์
เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล แล้วเสด็จฯ ออก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
 ให้คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา ข้าราชการและคณะทูตานุทูต เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล




(การเสด็จออกมหาสมาคมเบื้องหน้าพสกนิกรเป็นครั้งแรกของทั้งสองพระองค์)

        ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 29 เมษายน พุทธศักราช 2493 ทั้งสองพระองค์เสด็จแปรพระราชฐาน
โดยรถไฟพระที่นั่งไปประทับ ณ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเวลา 5 วัน

        และนี่คือวันสำคัญสำหรับพสกนิกรชาวไทยในปีพุทธศักราช 2558
 ซึ่งเป็นวันสำคัญยิ่งที่เกี่ยวข้องกับดวงใจของชาวไทย ที่ร่วมจารึกร่วมกันในประวัติศาสตร์




เพราะนับตั้งแต่ทรงเข้าพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
 และ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
 ก็ทรงทุ่มเทพระวรกายเพื่อพสกนิกรชาวไทยกว่า 65 ปี อย่างไม่ทรงรู้สึกเหน็ดเหนื่อย

        ทรงรับทุกข์สุขของประชาชน เฉกเช่นทุกข์และสุขของพระองค์เอง
 ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ชมรมคนรักในหลวง


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 เมษายน 2015, 15:11:28 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #463 เมื่อ: 28 เมษายน 2015, 14:15:08 »

พระบรมฉายาลักษณ์ ๖๕ ปีแห่งรัก
..พระคู่ขวัญ..คู่พระบารมีแห่งแผ่นดินไทย




วันที่ 28 เมษายน นับเป็นอีกวันหนึ่งที่สำคัญยิ่ง หากนับถอยหลังไปในวันนี้เมื่อปี พ.ศ. 2493
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเข้าพิธีราชาภิเษกสมรสกับ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
 ซึ่งมีพระนามเดิมว่า ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร พระธิดาพระองค์ใหญ่
 ใน พล.อ.พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ (ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร) และ ม.ล.บัว กิติยากร



พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสในครั้งนั้นนับว่าเป็นปรากฏการณ์
ครั้งแรกสำหรับพระมหากษัตริย์ไทยในยุคประชาธิปไตย
 ที่ทรงจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่นเดียวกับประชาชนชาวไทยทั่วไป





เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ราชาภิเษกสมรส”
 ได้มีพระบรมราชโองการสถาปนาพระอัครมเหสี โดยประกาศวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493

       ความตอนหนึ่งว่า “..มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
ได้ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร
 ถูกต้องตามกฎหมายและราชประเพณีโดยสมบูรณ์ทุกประการแล้ว..”





 พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกำหนดจัดให้มีขึ้น
ที่พระตำหนักของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม

        ตามหมายกำหนดการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปประทับ
 ณ ห้องรับแขกตำหนักสมเด็จพระพันวัสสาฯ ในวังสมเด็จพระราชบิดา




โอกาสนั้น ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร และ ม.ล.บัว กิติยากร ทรงพา
 ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร มายังวังสระปทุม ประทับในห้องรับแขกอีกห้องหนึ่ง
 รอคอยการพระราชพิธี ม.ร.ว.สิริกิติ์ อยู่ในชุดสีงาช้าง ผ้านุ่งเป็นผ้าทอง
 สวมสายสะพายปฐมจุลจอมเกล้า สวมสร้อยคอเพชร สร้อยข้อมือเพชร
ของเก่าของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ตุ้มหูเพชรของเก่าฝีมือทำขึ้นใหม่






 เมื่อได้เวลาพระฤกษ์ ม.จ.นักขัตรมงคล ทรงพา ม.ร.ว.สิริกิติ์
ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ที่นั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
 ได้ทูลเกล้าฯ ถวายสมุดทะเบียนสมรส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธย

       จากนั้น ม.ร.ว.สิริกิติ์ลงนาม ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุเพียง 17 ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะ  ม.จ.นักขัตรมงคล
 จึงทรงลงพระนามในฐานะพระบิดา และ ม.ล.บัว ลงนามในฐานะพระมารดา
 จากนั้นทรงโปรดให้ราชสักขีลงนามเป็นลำดับต่อมา






  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #464 เมื่อ: 28 เมษายน 2015, 14:15:56 »



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ทรงร่วมทุกข์ร่วมสุข ทรงเคียงคู่ปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนชาวไทย
มาด้วยพระราชหฤทัยที่เปี่ยมด้วยความรักและความเมตตา
และทรงไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก ความลำบาก




นับจากวันนั้นถึงวันที่ 28 เมษายน 2558 เป็นเวลา 65 ปีเต็ม
 และในโอกาสอันเป็นมหามงคลยิ่งนี้ ขอทั้งสองพระองค์ทรงพระเจริญ
เสด็จอยู่เป็นคู่พระมิ่งขวัญร่มโพธิ์ทองของปวงประชาชาวไทยตลอดชั่วกาลนาน.













  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #465 เมื่อ: 28 เมษายน 2015, 14:16:34 »














  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #466 เมื่อ: 28 เมษายน 2015, 14:17:19 »


















  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #467 เมื่อ: 28 เมษายน 2015, 14:18:43 »






















  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 เมษายน 2015, 12:59:04 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #468 เมื่อ: 28 เมษายน 2015, 14:19:56 »


















  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #469 เมื่อ: 28 เมษายน 2015, 14:21:08 »















ชมรมคนรักในหลวง

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #470 เมื่อ: 28 เมษายน 2015, 14:52:49 »

ปี ๒๔๙๓ ..สัมภาษณ์พระคู่หมั้นฯ



เนื่องในโอกาสวันราชาภิเษกสมรสที่เวียนมาบรรจบครบ ๖๕ ปี
 ในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ จึงขอนำเสนอบทความเก่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ซึ่งบางท่านอาจจะยังไม่เคยอ่าน

      ทั้งนี้ ขอพระบรมราชานุญาตแทนพระนามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
 ยังเมื่อครั้งทรงเป็นพระคู่หมั้นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ
ว่า “คุณหญิง” (ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร พระคู่หมั้นฯ) ในการสัมภาษณ์เมื่อครั้งนั้น
ควรมิควรแล้วแต่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมฯ




บทความนี้ถือเป็นเอกสารชั้นต้นสำคัญที่สุดที่เป็นหลักฐานข้อมูลของ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็น ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร พระคู่หมั้น
เพียงไม่กี่ชิ้นที่ยังหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันนี้ และเท่าที่ค้นหาพบได้ …
…………………………..

เริ่มเรื่อง…

       อยากชมบุญคุณหญิงสิริกิติ์ฯ อีกเหลือเกิน นี่เป็นความคิดส่วนตัวของข้าพเจ้า
ที่เกิดขึ้นภายหลังได้เห็นโฉมคุณหญิงสิริกิติ์ฯ อย่างใกล้ชิด
 เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ณ กระโจมพักหน้ากระทรวงการต่างประเทศ

        และความต้องการนั้นเองที่นำข้าพเจ้าพร้อมด้วยหนังสือโฆษณาสาร ๖ เล่ม
 กับเพื่อนร่วมกรม(กรมโฆษณาการ)อีก ๓ คน ไปวังหม่อมเจ้านักขัตรมงคลฯ
ด้านริมคลองเทเวศน์ เวลาเกือบ ๑๐ นาฬิกา ของวันที่ ๑ เมษายน นี้
 ด้วยไม่รู้จักวังนี้จึงนั่งรถเลยไปจนถึงหน้าบ้านพระยาอนิรุทธเทวา ได้ไต่ถามคนข้างทางว่าใช่หรือไม่
 เขาชี้ไปที่ประตูทาสีไข่ไก่ใหม่เอี่ยมให้ และบอกว่าอยู่โน้น ข้าพเจ้ากับเพื่อนต้องย้อนกลับไป
พอเห็นมีตำรวจยืนยามอยู่ก็บอกกันว่าใช่แน่

       ในที่สุดก็เข้าไปยืนอยู่ใต้ต้นมะม่วง ถามเจ้าหน้าที่ที่ยืนรักษาการณ์อยู่ว่าเข้าพบได้หรือไม่
เขาบอกให้เซ็นชื่อลงในสมุดเยี่ยมพร้อมความประสงค์ ข้าพเจ้าเขียนลงไปว่า
 มาจากหนังสือโฆษณาสารของกรมโฆษณาการ เซ็นชื่อกันทุกคนแล้วเจ้าหน้าที่ก็นำสมุดเข้าไปเสนอข้างในวัง

         เมื่อข้าพเจ้าไปถึงที่นั้น ยังมีผู้ที่จะเข้าพบคุณหญิงคอยอยู่ก่อนเรา ๒ ถึง ๓ คณะ
ขณะยืนคอยอยู่อย่างใจตื่นเต้นนั้น ก็มีรถเก๋งสีดำคันใหญ่แล่นเข้าไปในวัง พวกเราใจหาย
 นึกว่าถ้าจะไม่ได้พบคุณหญิงเสียแล้ววันนี้ ขณะนั้นผู้นำสมุดรายชื่อ
เพื่อขออนุญาตเข้าพบได้ออกมาบอกกับเราว่า “บางทีคุณหญิงจะเข้าวัง ขอให้มาวันหลัง”

         พวกเราหน้าเสีย คิดว่าบุญไม่ถึงแน่ แต่ไหนๆ มาแล้วก็ขอนั่งพักคอยชมตอนรถออกจากวัง
ก็ยังดีละ สักพักรถเก๋งคันนั้นก็เคลื่อนออกจากวัง แต่ไม่มีคุณหญิงและหม่อมแม่ออกไปด้วย
 พวกเราจึงดีใจ จะพยายามอ้อนวอนขอพบอีกครั้ง เพราะไหนๆ ก็ตั้งใจมาแล้ว
 และหนังสือ ๖ เล่มที่เตรียมไปก็ยังไม่ได้นำไปให้

        ดังนั้น ข้าพเจ้าก็เริ่มเขียนนามบัตรนั้นก็ใช้ไม่ได้ เอ ไม่ทราบจะทำประการใดดี
 มีทางเดียวกระดาษสีฟ้าที่เตรียมไปจดคำสัมภาษณ์นั้น พอจะใช้เขียนจดหมายได้
 กระนั้นก็ยังขาดซองอยู่ดี ไม่มีทางอื่นจะดีกว่าอยู่แล้ว รู้อยู่ว่าเป็นการผิดมรรยาท
ที่เขียนจดหมายไม่ใส่ซอง แต่จำเป็นจริงๆ จำตองทำทั้งๆ รู้
และก็ขออภัยกับคุณหญิงไปในจดหมายนั้นเอง




ข้าพเจ้าได้เขียนบอกความประสงค์แก่คุณหญิงสิริกิติ์ว่า อยากจะมาขอเรื่องสั้นๆ
 ไปลงโฆษณาสารเพื่อเป็นศรีและเป็นเกียรติแก่หนังสือ และประสงค์จะเรียนถามว่าหากทางหนังสือ
ปรารถนาถ่ายภาพคุณหญิงไปลงโฆษณาสารบ้าง จะกรุณาเปิดโอกาสได้หรือไม่และเมื่อไหร่
 ในตอนท้ายข้าพเจ้าเติม ป.ล.ลงไปว่า

        “ชนอ นิลประสิทธิ์” (ชวลี ช่วงวิทย์ ผู้ขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “ยามเย็น” ของในหลวง)
มากับดิฉันด้วย พวกเราเสียใจมากที่ไม่ได้พบคุณหญิงครั้งนี้ แต่หวังว่าในโอกาสหน้าคุณหญิงจะกรุณาพวกเรานะคะ”

         แล้วหนังสือโฆษณาสาร ๖ เล่ม พร้อมกับจดหมายนั้นได้เดินทางเข้าไปหาคุณหญิง

         เราสี่คน ชนอ นิลประสิทธิ์ , ประดับ นิลประสิทธิ์ , ยุบล ครุฑมงคล และข้าพเจ้า
ได้ช่วยกันภาวนาขอให้คุณหญิงใจอ่อน อนุญาตให้เราเข้าพบสักครั้งเถิด
 เราร้อนใจกันจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ที่รักษาการณ์เขาร้อนใจไปกับเราด้วย

         ในที่สุดผู้ถือสาส์นของเราก็ออกมามือเปล่า พวกเราพนันกันว่าจะได้เข้าหรือไม่
สังเกตจนกระทั่งหน้าของผู้นำข่าวมาบอกว่าบึ้งหรือยิ้ม เผอิญเจ้าหน้าที่ผู้นั้นเฉยเสียด้วยเดาไม่ออก
 ต้องรีบชิงถามกันว่า “ได้ไหมคะ สำเร็จไหม”

          “ท่านถามว่าคนไหนชื่อ ชนอ.. เชิญเข้าไปได้”




เราทั้งสี่คนยิ้มหน้าบาน เดินไปสู่วังทันที

          เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกแล้ว คุณหญิงกับหม่อมแม่(หม่อมบัว กิติยากร หรือ ม.ล.บัวฯ ขณะนั้น)
 ก็ลงมาจากชั้นบน เราทำความเคารพแล้วก็ยืนอยู่ คุณหญิงนุ่งถุงแบบป้ายสีข้างสีฟ้าน้ำทะเล
 เสื้อลายเหลี่ยมๆ สีเดียวกัน แขนสามส่วนคอปิด ตัดพอดีกับทรง แลเห็นโฉมอันได้สัดส่วนสมหญิง
คุณหญิงและหม่อมแม่เชิญเรานั่ง พวกเราไปกันมาก ดังนั้น คุณหญิงกับหม่อมแม่จึงนั่งบนโซฟาถัดออกไปจากเก้าอี้หมู่

          ข้าพเจ้าเริ่มอารัมภบท ชี้ไปยังชนอ “คนนี้ชื่อ ชนอค่ะ ชวลี ช่วงวิทย์ ที่ร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ยามเย็น ของในหลวง
 ดิฉันเป็นผู้แทนหนังสือโฆษณาสารของกรมโฆษณาการ อยากจะมาเรียนขอเรื่องสั้นๆ จากคุณหญิงสักเรื่องหนึ่งค่ะ เพื่อเป็นเกียรติแก่หนังสือ”

          หม่อมแม่กล่าวขึ้นว่า “น่ากลัวจะลำบาก ถ้าขอให้เขียนเรื่อง เพราะไม่มีเวลาจริงๆ คุณอยากทราบอะไรก็ถามดีกว่า”

          ข้าพเจ้า “และถ้าจะเรียนขออนุญาต ถ่ายภาพไปลงหนังสือโฆษณาสาร เช่น กำลังเล่นเปียโน
 กำลังอ่านหนังสือ กำลังจัดดอกไม้ ฯลฯ อะไรอย่างนี้นี่ค่ะ จะอนุญาตไหมค่ะ”

          หม่อมแม่เอ่ยขึ้นว่า “ทำไมไม่มาพร้อมกันวันนี้ ล่ะคะ โอกาสหน้าจะอาจจะหายาก เวลานี้กำลังว่างดีทีเดียว”

          ข้าพเจ้า “ดิฉันไม่กล้า จนกว่าจะได้รับอนุญาต”

          คุณหญิง “ได้ค่ะ”

         ข้าพเจ้า “ดิฉันอยากทราบความรู้สึกของคุณหญิงในการกลับถึงประเทศไทยครั้งนี้ค่ะ รู้สึกอยากไรบ้างคะ”




คุณหญิงพูดด้วยสำเนียงอันน่าฟังยิ่งนัก กิริยานุ่มนวลมีเสน่ห์ จะพูดจะจาน่าพึงพิศทุกอิริยาบถ

           “รู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาบ้านเมืองของเรา และรู้สึกแปลกไปมากค่ะ เช่น บ้านนี้เมื่อก่อนไปยังเป็นเด็กเห็นว่าใหญ่โตมาก กลับมาคราวนี้ดูเล็กลง”

           ข้าพเจ้า “ได้ทราบจากหนังสือพิมพ์ ฉบับหนึ่งว่า คุณหญิงนิยมการแต่กายแบบไทยมาก จริงไหมค่ะ”

            “ใช่ค่ะ แต่ชอบเวลาอยู่ในเมืองไทย เพราะในเมืองนอกแต่งแล้วรุ่มรามไม่เหมาะ”

            หม่อมแม่ “การแต่งกายไทยที่ว่านี่ หมายถึง นุ่งซิ่นไหมใส่เสื้อธรรมดานะคะ
ส่วนการนุ่งยกห่มตาดอะไรเหล่านั้นก็ใช้ในงานพิธีใหญ่ๆ"

            ข้าพเจ้านิ่งด้วยความปลื้มปีติ คิดถึงเรื่อง “หญิงไทยควรแต่งกายแบบไทยไว้”
 ที่ข้าพเจ้าเคยเขียนออกบรรยายทางวิทยุ และลงหนังสือโฆษณาสาร ฉบับปฐมฤกษ์ซึ่งมีจุดหมายที่ละม้ายคล้ายกันที่สุด

           ข้าพเจ้า “ในหลวงจะเสด็จต่างประเทศครั้งหลังนี้ทราบไหมค่ะว่า จะประทับนานสักเท่าใดจึงจะเสด็จนิวัติสู่ประเทศไทย”

           หม่อมแม่ “ในราวปีเศษเป็นอย่างเร็วค่ะ เพราะท่านต้องพักรักษาองค์อีกจนกว่าจะหาย ซึ่งกะว่าอยู่ในราวปีเศษ”

           ข้าพเจ้า “สำเร็จการศึกษาหรือยังค่ะ”

           หม่อมแม่ “คุณหญิงหรือค่ะ เรียน Finishing Course จะออกเมื่อใดก็ได้ แต่การเรียนนั้น
คุณก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีที่สิ้นสุด คนแก่ๆ เขายังเรียนกันได้”




ข้าพเจ้า “ในหลวงเล่าค่ะ ต้องทรงศึกษาอีกนานเท่าใดจึงจะสำเร็จคะ”

          คุณหญิง “หมอห้ามใช้สมองค่ะ ทรงศึกษาต่อไม่ได้ ที่มาครั้งนี้หมอก็ห้ามเพราะยังไม่ปกติ
แต่จำเป็นต้องอนุญาต ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ให้เดินทางทางเครื่องบินเพราะเกรงจะโดนอากาศเปลี่ยนแปลงเร็ว พระอาการจะกำเริบได้"

           ข้าพเจ้า “ในหลวงพระทัยร้อนไหมค่ะ”

          คุณหญิง “ตามธรรมดาพระอารมณ์ดีค่ะ เวลาไม่ทรงสบายเป็นบ้างนิดหน่อย”

          ข้าพเจ้า “รู้สึกว่าพระนิสัยเด็ดขาดนะคะ”

          คุณหญิง “โปรดการเป็นระเบียบค่ะ เช่น เวลานัด ถ้าพลาดเวลาเพียงนิดเดียวเป็นกริ้ว”

          หม่อมแม่ “ก็ทรงได้รับการอบรมในต่างประเทศนี่คะ จึงทรงติดนิสัยฝรั่ง แล้วเป็นธรรมดาที่จะให้ผู้ใหญ่
ต้องคอยผู้น้อยนั้นไม่ควร เป็นการดูถูก จึงไม่โปรดการผิดเวลา”




 ข้าพเจ้า “คุณหญิงชอบดนตรีประเภทไหนคะ Classic หรือ Symphony หรือ Light Music”

        คุณหญิง “Classic ค่ะ เช่นเพลงของโชแปง ปิโธเวนและลิทธ์ และเพลงสากลเพราะๆ “

        ข้าพเจ้า “คุณหญิงชอบเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวงเพลงไหนมากที่สุดคะ”

        คุณหญิง “ชอบเพลงยามเย็นค่ะ ชอบมากที่สุด เมื่ออยู่สวิสเคยขอประทานฟังบ่อยๆ
นอกจากนั้นก็เพลง Blue Day หนังสือพิมพ์ชอบเอาไปลงว่าชอบ ชะตาชีวิตมากที่สุด ความจริงไม่เคยพูดซักคำ”

         อุบล “ดิฉันได้ทราบจากหนังสือพิมพ์ ว่า คุณหญิงชอบเล่นเพลงบิบ้อพมากจริงไหมค่ะ”

         คุณหญิงทำตาโตน่ารัก “เพลงบิบ้อพอะไรคะไม่เคยรู้จัก ไม่เคยได้ยินเลยแหละค่ะ
หนังสือพิมพ์ชอบเอาไปพูดกันต่างๆ นานา หนังสือพิมพ์ต่างประเทศก็เหมือนกัน
เอาไปลงผิดๆ พลาดๆ หลายอย่าง เช่นว่า โหรเคยทำนายไว้บ้าง
 และว่ารักกับในหลวงตั้งแต่แรกเห็นบ้าง อะไรต่างๆ ทำนองนี้ไม่ค่อยดีเลย”




ข้าพเจ้า “ในหลวงทรงโปรดเครื่องดนตรีมากที่สุดค่ะ นอกจากแซกโซโฟน”

         คุณหญิง “คาริแนทค่ะ โปรดมากที่สุด เปียโนก็เหมือนกัน”

         ชนอ “เมื่อครั้งที่วงดนตรีกรมโฆษณาการไปเล่นในวัง ครั้งในหลวงรัชกาลที่ ๘
 ยังทรงพระชนม์นั้นน่ะค่ะ ในหลวงทั้งโปรดให้ติดไมโครโฟนที่เปียโนด้วยอีกอันหนึ่ง
ส่วนเพลงนั้น เคยจะเล่นส่งทางวิทยุกระจายเสียงแต่ติดขัดที่เนื้อเป็นฝรั่งไม่ตรงตามระเบียบจึงเล่นไมได้ค่ะ”

         คุณหญิงยิ้ม นัยน์ตาแจ่มจรัสเหมือนดาวรุ่งอาจจะเป็นดวงเนตรดำขำเหมือนนิลและแจ่มดั่งดาวนี่เอง
ที่มีเสน่ห์ตรึงพระหฤทัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของชาวไทยไว้สนิท




 ข้าพเจ้า “ตามธรรมดาวันที่ ๑๕ ของทุกเดือน
โฆษณาสารมีรายการสนทนาเพลงทางวิทยุกระจายเสียงร่วมกับวงดนตรีกรมโฆษณาการ
 ดิฉันจะพยายามขอร้องวงดนตรีให้ขอเพลง “ยามเย็น”
 ให้คุณหญิงเป็นพิเศษค่ะ แต่ต้องเป็นวันที่ ๑๕ พฤษภา ส่วนเดือนนี้ติดงานวันแม่ ไม่มีการบรรเลง”

        คุณหญิงยิ้ม “ดิฉันจะคอยฟัง วันที่ ๑๕ พฤษภา หรือค่ะ” แล้วหันไปบอกหม่อมแม่ให้ช่วยจำ

        ข้าพเจ้า “คุณหญิงชอบเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายคะ”

        คุณหญิง “ชอบเท่าๆ กัน”

        ข้าพเจ้า “เพลงที่ในหลวงพระราชนิพนธ์ใหม่ที่สุดคืออะไรคะ”

        คุณหญิง “เข้าใจว่าเป็นเพลง Dream of Love, Dream of You”

        ข้าพเจ้า “คุณหญิงจะพักอยู่ในเมืองไทยนานสักเท่าใดคะ”

        คุณหญิง “กะว่านานจนถึงเดือนมิถุนายน”




ข้าพเจ้า “ประทานโทษเถิดค่ะ ดิฉันทราบมาว่า คุณหญิงจะแต่ชุดสีฟ้าในวันอภิเษกจริงไหมคะ หรือว่าเป็นข่าวลือคะ”

         คุณหญิง “ยังไม่แน่เหมือนกัน แต่ชุดที่โหรให้ฤกษ์เวลารับน้ำสังข์นั้นชุดสีงาช้าง
วันนั้นมีหลายตอนนี่คะ ตั้งใจว่าจะแต่งชุดสีน้ำเงินอ่อนสักชุดหนึ่ง“

         ข้าพเจ้า “คุณหญิงเกิดวันศุกร์หรือคะ ถึงชอบสีฟ้า”

         คุณหญิง “ถูกแล้ว”

         ข้าพเจ้า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานแหวนเพชรหรือมรกตแก่คุณหญิงคะ เขาลือว่าเป็นแหวนมรกต“

         คุณหญิง “ถ้าหมายถึงแหวนหมั้นก็เป็นแหวนเพชรไม่ใช่มรกต”




ข้าพเจ้าเห็นว่าควรแก่เวลาที่จะกลับ เพราะรบกวนคุณหญิงมากแล้ว
 ทั้งข้อความที่ตั้งใจจะถามก็หมดแล้วจะคิดคำถามอีกก็ไม่ทัน จึงกล่าวขอบพระคุณ แล้วแถมพูดตามใจนึกด้วยว่า

        “ความจริงยังไม่อยากกลับเลยค่ะ อยากนั่งอยู่นานๆ แต่รบกวนเวลาคุณหญิงมามากแล้ว
วันนี้ขอลากลับละค่ะ ดิฉันขอบพระคุณคุณหญิงมากที่กรุณาให้พบ”

         แล้วพวกเราก็จากมาทั้งๆ ที่ใจไม่อยากจากกลางวันนั้นข้าวปลาพาลทานไม่ลงเพราะอิ่มใจ
 คุณหญิงไม่ใช่สาวสวยอย่างนางสาวไทย แต่ทรงไว้ซึ่งความมีสง่าและมีเสน่ห์
เมื่อได้เห็นโฉมอย่างใกล้ชิดแล้ว ทำให้ข้าพเจ้าหวนคิดถึง พระลักษมีของพระนารายณ์นั้นแท้ทีเดียว.






ขอพระองค์ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน

ทรงพระเจริญ

ที่มา : บางส่วนจากหนังสือสี่เจ้าฟ้า
 เมื่อ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๓ สัมภาษณ์ ม.ร.ว. สิริกิติ์ กิติยากร (พระคู่หมั้นฯ ขณะนั้น)
 โดย คุณลาวัณย์ โชตามระ และ คุณชอุ่ม ปัญจพรรค์ และคุณ Max 2000 ใน pantip.com  ,
 อีกทั้งบางส่วนจากบทความของอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ และไทยรัฐ

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #471 เมื่อ: 28 เมษายน 2015, 15:10:22 »

ในหลวงทอดพระเนตรแม่น้ำเจ้าพระยา ณ รพ.ศิริราชปิยมหาราชการุณย์
วันนี้ (27 เม.ย.58) เมื่อเวลา 17.09 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากที่ประทับชั้น 16
 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อทรงเปลี่ยนพระราชอิริยาบถ เป็นการส่วนพระองค์












วันจันทร์ ที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.๐๙ น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
 ไปยังโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เป็นการส่วนพระองค์
ในการนี้ เสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปยังชั้น ๗ ของโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
 ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถาบันการแพทย์แผนไทยประยุกต์ เพื่อทอดพระเนตรทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาโดยรอบ จากนั้น
เสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปยังชั้น ๑๒ ของโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
 เพื่อทอดพระเนตรทัศนียภาพด้านทิศเหนือของแม่น้ำเจ้าพระยา สะพานพระราม ๘
 และคลองบางกอกน้อย สมควรแก่เวลา จึงเสด็จ พระราชดำเนินกลับอาคารเฉลิมพระเกียรติ
โรงพยาบาลศิริราช เมื่อเวลา ๑๗.๔๕ น.








ข้าพระพุทธเจ้า
ขอถวายพระพรชัยมงคล
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
 ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 เมษายน 2015, 15:24:09 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #472 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2015, 15:57:09 »

สรุปวันสำคัญ เกี่ยวกับราชวงศ์จักรี ในเดือนเมษายน

 

๖ เมษายน..วันจักรี เทิดพระเกียรติบูรพกษัตริย์ราชจักรีวงศ์

มั่นจิตร ดีลาส

       สถาบันพระมหากษัตริย์  คนไทย และสังคมไทย มีความผูกพันเกี่ยวข้องดำรงอยู่คู่กันมาตั้งแต่สร้างชาติขึ้นมาครั้งแรก เป็นชาติที่มีเอกราชในช่วงเวลานานกว่า 700 ปี ความเป็นชาติไทยได้ดำรงผ่านยุคสมัยถึง 4 สมัย คือ สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์

กรุงรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงปกครองแผ่นดินด้ามขวานแห่งนี้ยาวนานมากกว่า 200ปี บูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการเพื่อความเจริญรุ่งเรืองแห่งแผ่นดินสยามและผลจากการทรงงานล้วนสร้างประโยชน์สุขให้แก่ราษฎรไทยทั้งสิ้น อันนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่เปรียบมิได้

บูรพมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงทำหน้าที่ปกครองและปกป้องอาณาประชาราษฎร์ด้วยทศพิธราชธรรม ทรงนำความสงบสุขร่มเย็นให้เกิดขึ้นในแผ่นดินของพระองค์ แม้นยามมีศึกสงคราม พระองค์จะทรงทำหน้าที่จอมทัพ ทรงเป็นผู้นำของราษฎรในสนามรบ ทรงปกป้องเอกราชของชาติให้ดำรงอยู่คู่แผ่นดินไทย ในยามสงบทรงทำหน้าที่ปกครองดูแลบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้แก่ทวยราษฎร์      

ดังนั้น สถาบันพระมหากษัตริย์นับเป็นเสาหลักที่ค้ำจุนความอยู่รอดปลอดภัยของประเทศชาติมาตั้งแต่โบราณกาล ทรงมีบทบาทสำคัญโดยตรงต่อการสร้างชาติ ดำรงชาติ และพัฒนาชาติให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมกับอารยประเทศ จึงกล่าวได้ว่า การดำรงความเป็นเอกราชของชาติไทยนับตั้งแต่การสร้างชาติจวบจนปัจจุบัน เกิดขึ้นได้ด้วยพระบารมีแห่งบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าโดยแท้

 เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของบูรพมหากษัตริย์บรมราชจักรีวงศ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกาศให้วันที่ 6 เมษายนของทุกปีเป็น “วันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์” หรือ “วันจักรี” นับตั้งแต่ปี 2462

เพื่อให้พสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่าได้ร่วมกันน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมและแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ที่ได้ทรงมีต่อประเทศชาติและพสกนิกรไทย

สำหรับการเหตุผลที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลือกวันที่ 6 เมษายน ให้เป็นวันจักรีนั้น สืบเนื่องมาจากวันดังกล่าวตรงกับวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งพระราชวงศ์จักรีพระองค์แรก เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2325

หลังจากนั้นพระองค์จึงทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรี มายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้นเมื่อถึงวันที่ 10 เมษายน 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างกรุงเทพมหานครฯ ขึ้น แล้วทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว ในปี พ.ศ. 2416 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระบรมรูปพระเจ้าอยู่หัวทั้ง 4 พระองค์ (ร.1-4) เพื่อประดิษฐานไว้ให้พระมหากษัตริย์องค์ต่อมา พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชนได้ถวายบังคมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เป็นธรรมเนียมปีละครั้ง และโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทและมีการย้ายที่หลายครั้ง

ต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงโปรดให้ย้ายพระบรมรูปทั้ง 4 (ร.1-4) มาไว้ ณ ปราสาทพระเทพบิดร ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พร้อมกับพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 จนกระทั่ง ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2461 การซ่อมแซมก่อสร้างและประดิษฐานพระบรมรูปทั้ง 5 รัชกาล จึงสำเร็จลุล่วง จึงได้มีพระบรมราชโองการ ประกาศตั้งพระราชพิธีถวายบังคมพระบรมรูป ในวันที่ 6 เมษายนปีนั้น และ ได้โปรดเกล้าฯ ให้เรียกวันที่ 6 เมษายน ของทุกปีเป็น “วันจักรี” เป็นต้นมา

  ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีหล่อพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ โรงหล่อกรมศิลปากร แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดการพระราชพิธีประดิษฐานพระบรมรูปที่ปราสาทพระเทพบิดร โดยพระองค์เป็นผู้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบรรจุพระบรมทนต์พระสุพรรณบัฎจารึก พระปรมาภิไธยและดวงพระบรมราชสมภพ พระดวงบรมราชาภิเษก พระดวงสวรรคต ในพระกรัณฑ์ทองคำลงยา แล้วทรงบรรจุที่เบื้องสูงของพระเศียรพระบรมรูป เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2470

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชปรารภว่า ในปี 2475 อายุพระนครจะบรรจบครบ 150 ปี สมควรมีการสมโภชและสร้างสิ่งสำคัญเป็นอนุสรณ์ขึ้นไว้ให้ปรากฎแก่อารยชนในนานาประเทศ ว่าชาวไทยมีความกตัญญูรู้คุณบรรพบุรุษ ที่ได้สร้างกรุงเทพมหานครฯ เป็นราชธานีแล้วบำรุงรักษาประเทศ ให้เป็นอิสระสืบมา ทรงปรึกษาพระราชปรารภ แก่อภิรัฐมนตรีและเสนาบดี ซึ่งเห็นชอบด้วยพระราชดำริว่า ควรสร้างปฐมบรมราชานุสรณ์มี 2 สิ่งประกอบกัน คือ “พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก” องค์ปฐมกษัตริย์ และสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อมพระนครธนบุรี

สำหรับ พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงออกแบบ โดยมีศาสตรจารย์ศิลป พีระศรี เป็นผู้ปั้นหุ่นหล่อ ส่วนสะพานนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยากำแพงเพชรอัครโยธิน อำนวยการสร้าง และพระราชทานนามว่า “สะพานพระพุทธยอดฟ้า”

ครั้นถึง รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงหล่อพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ โรงหล่อกรมศิลปากร และได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่ที่ปราสาทพระเทพบิดร ในปี 2492

  เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลสวรรคต และได้ถวายพระเพลิงพระบรมศพตามขัตติยราชประเพณีแล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีหล่อพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ที่โรงหล่อกรมศิลปากร ครั้นตกแต่งพระบรมรูปเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดการพระราชพิธีเชิญพระบรมรูปไปประดิษฐาน ณ ปราสาทพระเทพบิดร เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2502 โดยพระองค์เสด็จฯ ไปทรงบรรจุเส้นพระเจ้า พระสุพรรณบัฎจารึกพระปรมาภิไธย พระดวงพระบรมราชสมภพ พระดวงเสวยราชย์ พระดวงสวรรคต ลงในพระกรัณฑ์ทองคำลงยา แล้วทรงบรรจุพระกรัณฑ์ลง ณ เบื้องสูงของพระเศียรแห่งพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย

สำหรับการถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ที่ปราสาทพระเทพบิดรเป็นราชประเพณีประจำปี ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2461 เป็นต้นมา ครั้นได้สร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ประดิษฐาน ณ ปฐมบรมราชานุสรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2475 เนื่องในการเฉลิมพระนครบรรจบครบ 150 ปีแล้ว

ในปีต่อมาทางราชการได้ประกาศให้ถือวันที่ 6 เมษายน เป็นวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ และเป็นวันสำคัญของชาติวันหนึ่ง กำหนดให้หยุดราชการและให้ ชักธงชาติ และได้กำหนดให้มี การถวายบังคมพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกที่ปฐมราชานุสรณ์ สำนักพระราชวัง ได้ออกหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนิน ไปถวายสักการะพระบรมรูปที่ปฐมบรมราชานุสรณ์ และถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ที่ปราสาทพระเทพบิดร ซึ่งรับได้การปฏิบัติอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

  เนื่องในโอกาสสำคัญดังกล่าว ข้าพเจ้า ในนาม “หนังสือพิมพ์สยามรัฐ” ขอเชิญชวนพสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่าร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของบูรพกษัตราธิราชเจ้า แห่งบรมราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ที่ทรงทุ่มเทและเสียสละพระวรกาย ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อสร้างชาติบ้านเมือง ทรงรักษาเอกราช และทรงพัฒนาชาติให้ก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศ และทรงปกครองบ้านเมืองด้วยหลักทศพิธราชธรรม เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติสืบมา
…………………………….

ที่มา : สยามรัฐ

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #473 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2015, 16:00:37 »



๒๙ เมษายน วันคล้ายวันประสูติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ.พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ
 พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
 เป็นพระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพลตรีหญิง ท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ สุวะดี

#พระประวัติ

#ประสูติกาล

พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ประสูติเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๙ พ.ศ. ๒๕๔๘ เวลา ๑๘.๓๕ นาฬิกา
 ณ โรงพยาบาลศิริราช เป็นพระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
 กับ หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา(นามในขณะนั้น)
.
พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่
คณะแพทย์ถวายพระประสูติโดยการผ่าตัด เมื่อแรกประสูติ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ
 ทรงมีน้ำหนัก ๒,๖๘๐ กรัม ความยาวพระองค์ ๔๗ เซนติเมตร รอบพระเศียร ๓๑ เซนติเมตร
 ลืมพระเนตรเวลา ๑๙.๐๐ นาฬิกา มีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง พระเนตรโต พระนาสิกโด่ง
.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชหัตถเลขาขนานพระนามว่า
 "พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ" เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘
 และพระราชทานเสมาอักษรพระปรมาภิไธยภ.ป.ร.ทองคำ ส่วนพระนามของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชตินั้น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระมหากรุณาธิคุณอธิบายพระนามของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ
 ว่า พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า ทีปังกรรัศมีโชติ ซึ่งมีความหมายว่า ผู้ทำประทีป
 คือปัญญาให้สว่างกระจ่างแจ้ง, ผู้ทำเกาะ คือที่พึ่งให้รุ่งเรืองโชติช่วง
.
(ซึ่งมาจากคำว่า 'ทีป' ตามพจนานุกรมบาลี-ไทย ฉบับภูมิพโลภิกขุ (พระฉายาขณะผนวชของในหลวง)
มีความหมายว่า ทีป-ตะเกียง ประทีป หรือ ทีป (ปุงลิงค์และนปุงสกลิงค์) - เกาะหรือทวีป เมื่อเป็น ทีปังกร
คือสนธินฤคหิตกับคำว่า 'กร' แสดงความเป็นบุคคล ผู้กระทำ
 และสมาสกับ 'รัศมีโชติ' (รังสีส่องสว่าง) ได้ความหมายพระนามตามข้างต้นดังกล่าว)
.
ต่อมา เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เขียนพระนามของ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ
 เป็นภาษาอังกฤษ ว่า His Royal Highness Prince Dipangkorn Rasmijoti
.

#ธรรมเนียมพระยศของพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ์
การทูล >> ฝ่าพระบาท
การแทนตน >> กระหม่อม
การขานรับ เกล้า >> กระหม่อม/เพคะ
ลำดับ >> โปเจียม ๑๐
.
#การสมโภช
เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้มีพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ ในพระที่นั่งอนันตสมาคม
 ตามพระราชประเพณี เมื่อพระเจ้าหลานเธอฯ มีพระชนมายุครบ ๑ เดือน
นอกจากนี้ ในวาระที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงเจริญพระชันษาครบ ๑ ปี
ในวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๔๙ กรมธนารักษ์ จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ชนิดราคา ๕๐ บาท
ทำด้วยทองแดงผสมนิกเกิล น้ำหนัก ๒๑ กรัม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๖ มิลลิเมตร
จำนวนผลิตไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ เหรียญ ลวดลายด้านหน้ากลางเหรียญมีพระรูป พระเจ้าหลานเธอฯ
ผินพระพักตร์ทางเบื้องซ้าย ภายในวงขอบเหรียญด้านขวามีข้อความว่า "พระองค์เจ้า"
 ด้านซ้ายมีข้อความว่า "ทีปังกรรัศมีโชติ" ด้านหลังกลางเหรียญมีข้อความว่า
"พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงเจริญพระชันษา 1 ปี 29 เมษายน 2549 50 บาท" ภายในวงขอบเหรียญด้านขวา
มีรูปลูกไก่ยืนอยู่บนหัวเม็ดทรงมัณฑ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งสำหรับม้วนเก็บแผ่นจารึก เบื้องล่างมีข้อความว่า "ประเทศไทย"
.
#พระกรณียกิจ
วันที่ ๒๐ พ.ศ. ๒๕๕๑ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เสด็จไปยังห้องสมุดฝ่ายประถมศึกษาโรงเรียนจิตรลดา
 เพื่อร่วมกิจกรรมงานสัปดาห์รักการอ่าน และวันที่ ๒ ตุลาคมปีเดียวกันนั้น พระองค์ก็ได้รับเกียรติบัตรรพร้อมรางวัล
"งานประหยัดน้ำ-ไฟ" ที่จัดขึ้นประจำในโรงเรียนจิตรลดา ด้วยพระองค์ปฏิบัติอยู่เป็นประจำ และเป็นแบบอย่างที่ดีต่อพระสหาย
.
วันที่ ๒๒ พ.ศ. ๒๕๕๕ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ได้เสด็จไปยังสนามกีฬากลาง
พื้นที่ควบคุมในพระองค์ ๙๐๔ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ในการประทานถ้วยรางวัลพระราชทานและถ้วยรางวัล
ประทานแก่ทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับประเภทต่าง ๆ ในรายการ "หนูน้อยเจ้าเวหา"

#มูลนิธิและองค์กรในพระอุปถัมภ์
• สโมสรผู้รักสวนสัตว์แห่งประเทศไทย
สิ่งอันเนื่องด้วยพระนาม

#การศึกษา
• หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
• หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
• หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
• อาคารทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
• อาคารทีปังกรวิทยกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด
• อาคารวชิรารัศมิ์ทีปังกร โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์
• ห้องสมุดทีปังกรรัศมีโชติ

#การแพทย์และการสาธารณสุข
• อาคารสถานรับเลี้ยงและพัฒนาเด็กปฐมวัย “ทีปังกรการุณยมิตร” สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี
• อาคารทีปังกรการุณยมิตร โรงพยาบาลสาขา ศูนย์อานามัยที่ ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี
• ศูนย์พัฒนาเด็กทีปังกรรัศมีโชติ กรุงเทพมหานคร
• ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยทีปังกร การุณยมิตรเทศบาลตำบลงิม อำเภอปง จังหวัดพะเยา
• ศูนย์ทีปังกรพัฒนาพิพัฒน์ (ทวีวัฒนา) มูลนิธิเด็ก อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
ศาสนสถาน
• อาคารปฏิบัติธรรมทีปังกรรัศมีโชติ วัดบางไผ่ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี

#อื่นๆ
• อุทยานการเรียนรู้สิ่งแวดล้อมและวิทยาศาสตร์ ทีปังกรรัศมีโชติ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

#ในท้ายนี้ขอรวมคลิปวิดีโอของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ #และพระองค์ทีฯ #ณ #ประเทศเยอรมนี #
ซึ่งเคยมีการแพร่ภาพตามสื่อออนไลน์ #และเว็บไซต์สำนักข่าวต่างๆมาแล้ว #ซึ่งบางท่านอาจยังไม่ได้ชม
 #หรือต้องการชมอีกให้หายคิดถึงพระองค์ #ที่ขณะนี้ทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศเยอรมนี
https://www.youtube.com/watch?v=BdTkLib-tFU
https://www.youtube.com/watch?v=yjil-nU51xc
https://www.youtube.com/watch?v=l7U3BBD0yyM
https://www.youtube.com/watch?v=4kfgixSXYhc
https://www.youtube.com/watch?v=BQzgeDPg6sE

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย และการรวบรวมคลิปจากสำนักข่าวเจ้าพระยา

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #474 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2015, 16:09:18 »

เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม



ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดนับพันนับล้านคำ







  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
แท็ก:
หน้า: 1 ... 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 [19] 20   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค "เว็บมหาชน คนมหาโชค"
 
คติ "กินอยู่อย่างพอเพียง เสี่ยงโชคแต่พอควร"
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย
คำเตือน -ทางเว็บไม่ได้ทราบเป็นการล่วงหน้าว่าหวยทางกองสลากจะออกตัวไหน แต่เราใช้การวิเคราะห์หรือประเมินตามหลักสถิติ
หรือวิธีการอื่นว่า เลขที่มีโอกาสออกมากที่สุดในแต่ละงวดควรจะเป็นเลขอะไรเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ การเล่นหวยถือว่ามีความเสียงมาก
Sitemap | Contact | WAP | xHTML | iMode | WAP 2 | RSS

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines | Sitemap
อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน ©
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.313 วินาที กับ 24 คำสั่ง
Copyright (c) 2008-2022 apichokeonline.com