อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน
16 เมษายน 2024, 20:29:42 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
"สนับสนุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น"

ผลงานห้อง VIP (งวด 16 เม.ย.67)
อ.apichoke ถูกสามตัวสลับ 589 ถูกตัวกลับเลขท้าย รว.ที่๑ 89 ถูกเลขท้าย๒ตัว 79
ถูกปักหลักสิบเต็มๆ 9 เลขเด่นวันหวยออก ถูกเด่น 5

ออก 598-79
   หน้าแรก   หวยรัฐบาล SUPER VIP หนังสือหวย VIP สมัคร vip ช่วยเหลือ แท็ก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก Register  
ฝากภาพ i-pic
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 ... 29   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ๑-๒-๕๘ บ้านรวยล้นเหลือ"หลุดจากนครศรี ฯ วันที่ ๑ เวลา ๑๔.๐๐ น.หน้าสุดท้ายครับ"  (อ่าน 95994 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ป๋าอิน
อาจารย์มงกุฏทอง C7
Super Hero7
*

พลังน้ำใจ: 62761
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,668


« เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 15:01:35 »

  
 
นำ-โม-กวง-ซือ-อิม-ผ่อ-สัก  

     ขอพรให้รวย ขอพรให้รวย ขอพรให้รวย ขอพรให้รวย ขอพรให้รวย ขอพรให้รวย ขอพรให้รวย

       Love Love Love Love Love Love
สถิติปี๒๕๕๗   http://www.apichokeonline.com/index.php/topic,67283.msg6011853.html#msg6011853

สถิติปี ๒๕๕๘

๑๖-๐๑-๕๘ http://www.apichokeonline.com/index.php/topic,66753.750.html เฉี่ยว ล.๓๗ ออก ๔๗


เราในหลวง
-------------------
ใช้สำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น  หรือ
สนับสนุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้นข้อมูลในเว็บเขียนโดยสาธารณชน
-------------------
                              
บน ๒๐ ชุดรวย
๙๓๓-๘๓๓-๕๓๓-๒๓๓-๘๕๕
๙๒๒-๘๒๒-๕๒๒-๓๒๒-๙๕๕
๕๙๘-๕๙๒-๕๙๓-๙๘๒-๙๘๓
๘๒๓-๕๒๓-๙๒๓-๕๘๒-๕๘๓

     เหลือบน ๘ ชุดรวย
๘๕๕-๘๓๓-๕๓๓-๒๓๓
๙๕๒-๒๓๙-๕๘๓-๓๒๕


บน ๑๒ ชุดรวย
๕๙-๕๘-๕๒-๕๓-๒๓-๓๓
๙๘-๙๒-๙๓-๘๒-๘๓-๕๕

ล่าง ๑๐ ชุดรวย
๔๘-๔๗-๔๖-๔๙-๖๙
๘๗-๘๖-๘๙-๗๖-๗๙




ธงชาติ(ชุดเดียวรวย ๖๐วิ ลบ) ธงชาติ
    ๓ ตัวท้าย รว ที่ ๑ บน ๑๔๒
       ๒ บน-ล่าง ๑๒-๒๑-๑๔-๔๑-๒๔-๔๒
     ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ




ห้ามอ้างอิงนะครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 มกราคม 2015, 16:20:53 โดย ป๋าอิน » บันทึกการเข้า

ป๋าอิน
อาจารย์มงกุฏทอง C7
Super Hero7
*

พลังน้ำใจ: 62761
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,668


« ตอบ #1 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 15:02:06 »



 
     
<a href="http://www.youtube.com/v/BCvT2xE5Jl0?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color1=aacceee&amp;&amp;amp;color2=aacceee&amp;amp;border=&amp;autoplay=1&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/BCvT2xE5Jl0?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color1=aacceee&amp;&amp;amp;color2=aacceee&amp;amp;border=&amp;autoplay=1&amp;loop=1</a>
รวยๆ รวยๆ รวยๆ รวยๆ รวยๆ รวยๆ

love love love love love

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มกราคม 2015, 16:20:47 โดย ป๋าอิน » บันทึกการเข้า
ป๋าอิน
อาจารย์มงกุฏทอง C7
Super Hero7
*

พลังน้ำใจ: 62761
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,668


« ตอบ #2 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 15:02:43 »

                         
                             พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช



จังหวัดนครศรีธรรมราช
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สำหรับนครศรีธรรมราช ในความหมายอื่น ดูที่ นครศรีธรรมราช (แก้ความกำกวม)
จังหวัดนครศรีธรรมราช
ตราประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช
ตราประจำจังหวัด
นครศรีธรรมราช เมืองประวัติศาสตร์
พระธาตุทองคำ ชื่นฉ่ำธรรมชาติ
แร่ธาตุอุดม เครื่องถมสามกษัตริย์
มากวัดมากศิลป์ ครบสิ้นกุ้งปู
ข้อมูลทั่วไป
ชื่ออักษรไทย   นครศรีธรรมราช
ชื่ออักษรโรมัน   Nakhon Si Thammarat
ชื่อไทยอื่นๆ   นคร, เมืองคอน, คอน
ผู้ว่าราชการ   นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2557)
นายกองค์การบริหาร   นายมาโนช เสนพงศ์
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2557)
ISO 3166-2   TH-80
สีประจำกลุ่มจังหวัด   ███ ███
ม่วง-เหลือง
ต้นไม้ประจำจังหวัด   แซะ
ดอกไม้ประจำจังหวัด   ราชพฤกษ์
ข้อมูลสถิติ
พื้นที่   9,942.502 ตร.กม.[1]
(อันดับที่ 18)
ประชากร   1,541,843 คน[2] (พ.ศ. 2556)
(อันดับที่ 8)
ความหนาแน่น   155.07 คน/ตร.กม.
(อันดับที่ 26)
ศูนย์ราชการ
ที่ตั้ง   ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช 80000
โทรศัพท์   (+66) 0 7535 6952
โทรสาร   (+66) 0 7535 6531
เว็บไซต์   จังหวัดนครศรีธรรมราช
แผนที่
 
แผนที่ประเทศไทย เน้นจังหวัดนครศรีธรรมราช
สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย
จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดในประเทศไทย มีประชากรมากที่สุดในภาคใต้ และ มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ (รองจากสุราษฎร์ธานี) ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 780 กิโลเมตร มีจังหวัดที่อยู่ติดกันได้แก่ สงขลา พัทลุง ตรัง กระบี่ และสุราษฎร์ธานี

ในอดีต มีชื่อเรียกดินแดนแถบนี้หลายชื่อ เช่น ในคัมภีร์มหานิเทศของอินเดีย ที่เขียนขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 7-8 เรียกว่า "ตามพรลิงก์", บันทึกโบราณของเมืองจีนเรียก "เซี้ยะ-โท้ว(ถู-กวั่ว)", "รักตะมฤติกา"(จารึกภาษาสันสกฤต) ซึ่งล้วนหมายถึง "ดินแดนที่มีดินสีแดง", ตะวันตกนิยมเรียกกันมา จนกระทั่งต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 คือ "ลิกอร์" สันนิษฐานว่าชาวโปรตุเกสที่เข้ามาติดต่อค้าขายในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เป็นผู้เรียกก่อน โดยเพี้ยนมาจากคำว่า "นคร" ส่วนชื่อ "นครศรีธรรมราช" มาจากพระนามของกษัตริย์ผู้ครองนครในอดีต มีพระนามว่า "พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช" (ราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช) มีความหมายว่า "นครอันเป็นสง่าแห่งพระราชาผู้ทรงธรรม" หรือ "เมืองแห่งพุทธธรรมของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่"

ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมืองนครศรีธรรมราชมีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นเอกคู่กับเมืองพิษณุโลก มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ระดับเจ้าพระยาเป็นเจ้าเมือง มีบรรดาศักดิ์ตามพระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน นาทหารหัวเมือง ว่า เจ้าพระยาศรีธรรมราชชาติเดโชไชยมไหยสุริยาธิบดีอภัยพิรียบรากรมภาหุ



อนุสาวรีย์เจ้าพระยานคร (น้อย) ที่ศาลากลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช

ต้นแซะ ที่หน้าศาลากลางนครศรีธรรมราช

เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310 ตำแหน่งเจ้าพระยานครศรีธรรมราช ว่างอยู่ หลวงสิทธิ นายเวรมหาดเล็ก (หนู) ซึ่งออกไปรับราชการ ตำแหน่งปลัดเมือง เป็นผู้รักษาราชการเมืองนครศรีธรรมราช ครั้นทราบว่ากรุงศรีอยุธยาเสียกรุงแก่พม่า ไม่มีเจ้านายปกครองประเทศ หลวงสิทธิ จึงตั้งตัวเป็นเจ้าผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราช เป็นอิสระอยู่ก๊กหนึ่ง

ในปี พ.ศ. 2312 พระเจ้ากรุงธนบุรี ยาตรากองทัพไปปราบ และ จับตัวเจ้านคร (หนู) ได้ และมีพระราชดำริว่า เจ้านครมิได้มีใจกบฏคิดร้ายต่อประเทศ แต่ตั้งตัวขึ้นเนื่องจากบ้านเมืองเป็นจลาจล จึงโปรดเกล้าฯ ให้มารับราชการอยู่ที่กรุงธนบุรี และให้ เจ้านราสุริยวงศ์หลานเธอ ออกไปครองเมืองนครศรีธรรมราช

ต่อมาเจ้านราสุริยวงศ์ ถึงแก่พิราลัย พระเจ้ากรุงธนบุรี มีพระราชดำริว่า เจ้านคร (หนู) ได้เข้ามารับราชการ มีความจงรักภักดี และได้ถวายธิดาทำราชการ มีราชบุตร (คือพระพงษ์นรินทรและพระอินทร์อภัย) เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้านครออกไปครองเมืองนครศรีธรรมราช และสถาปนาขึ้นเป็น พระเจ้านครศรีธรรมราช เจ้าขันธสีมา (หนู) เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 11 ขึ้น 3 ค่ำ จุลศักราช 1138 (พ.ศ. 2319) ปีวอกอัฐศก

ต่อมา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) มีพระราชดำริว่า พระเจ้านครศรีธรรมราช มีความชราทุพพลภาพ ไม่สามารถปกครองบ้านเมืองได้ จึงโปรดให้ออกจากตำแหน่ง กลับเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ และโปรดให้เจ้าอุปราช (พัฒน์) บุตรเขยเจ้านคร ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อวันอังคาร เดือน 8 แรม 11 ค่ำ จุลศักราช 1146 (พ.ศ. 2327) ปีมะโรงศก แต่โปรดให้มียศเพียงเจ้าพระยาตามประเพณีแต่เดิม เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมืองนครศรีธรรมราชจึงเป็นเมืองที่เคยมีกษัตริย์ปกครอง และมีฐานะเป็นประเทศราช 8 ปี

มีเกร็ดย่อย คือ เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) รับราชการ จนถึงรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) มีความชราภาพ จึงทรงยกขึ้นเป็น เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี ตำแหน่งกิตติมศักดิ์ และทรงตั้ง พระบริรักษ์ภูเบศร์ (น้อย) บุตรเจ้าพระยานคร (พัฒน์) เป็นเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย)คนใหม่

แต่มีเรื่องปรากฏหลักฐานในสมัยนั้นว่า เจ้าพระยานคร (น้อย) นี้ที่จริงเป็นราชบุตรลับของพระเจ้ากรุงธนบุรี เนื่องจากเมื่อครั้งเจ้านคร (หนู) ทำราชการอยู่ที่กรุงธนบุรี และถวายธิดาทำราชการฝ่ายในแก่พระเจ้ากรุงธนบุรี และมีน้องสาว (ปราง) มาอยู่ด้วยในวังคนหนึ่ง ความปรากฏตามพงศาวดารว่า เจ้าพระยาพิชัยราชา เจ้าเมืองสวรรคโลกให้ไปขอ เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงทราบ ก็ทรงพระพิโรธ ว่าเจ้าพระยาพิชัยราชาบังอาจ จะเป็นคู่เขยของพระองค์ ให้เอาไปประหารเสีย ต่อมาวงศ์ญาติเจ้านคร จึงนำธิดา(ปราง)คนนี้ ถวายพระเจ้ากรุงธนบุรี เสีย ต่อมาเจ้าพระยานคร (พัฒน์) เมื่อครั้งยังเป็นอุปราชเมืองนครอยู่ ภริยาซึ่งเป็นบุตรเจ้านคร (หนู) เสียชีวิต เจ้าพระยานคร (พัฒน์) ทำความชอบได้เข้าเฝ้าครั้งหนึ่ง พระเจ้ากรุงธนบุรีเห็นว่าภริยาเสียชีวิต ก็สงสารจึงจะพระราชทานธิดาเจ้านคร (หนู) ให้ใหม่ และให้นำตัวธิดาคนเล็กเจ้านคร (หนู) ไปพระราชทาน แต่นางในกระซิบว่า ดูเหมือนว่านางจะขาดระดูอยู่ แต่พระเจ้ากรุงธน ตรัสว่า "ได้ออกปากให้เขาแล้ว ก็พาไปเถอะ" เมื่อท้าวนาง พาธิดาเจ้านครไปส่งนั้น เจ้าอุปราช (พัฒน์) ก็ทราบความลับนั้น มีความยำเกรงพระบารมี ก็ต้องรับไว้เป็นท่านผู้หญิงกิตติมศักดิ์ อยู่ตลอดอายุ และนางนั้นก็มีบุตรกับเจ้าพระยานคร (พัฒน์) เพียงคนเดียว คือ เจ้าพระยานคร (ปริก)

หน่วยการปกครอง[แก้]
การปกครองส่วนภูมิภาค[แก้]
การปกครองแบ่งออกเป็น 23 อำเภอ 165 ตำบล 1,428 หมู่บ้าน

อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
อำเภอพรหมคีรี
อำเภอลานสกา
อำเภอฉวาง
อำเภอพิปูน
อำเภอเชียรใหญ่
อำเภอชะอวด
อำเภอท่าศาลา
อำเภอทุ่งสง
อำเภอนาบอน
อำเภอทุ่งใหญ่
อำเภอปากพนัง
อำเภอร่อนพิบูลย์
อำเภอสิชล
อำเภอขนอม
อำเภอหัวไทร
อำเภอบางขัน
อำเภอถ้ำพรรณรา
อำเภอจุฬาภรณ์
อำเภอพระพรหม
อำเภอนบพิตำ
อำเภอช้างกลาง
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มกราคม 2015, 09:36:01 โดย ป๋าอิน » บันทึกการเข้า
ป๋าอิน
อาจารย์มงกุฏทอง C7
Super Hero7
*

พลังน้ำใจ: 62761
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,668


« ตอบ #3 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 15:02:59 »

                                                 
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
Phra That Nakhon.jpg
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อสามัญ   วัดพระมหาธาตุ
ที่ตั้ง   ถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช
ประเภท   พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร
นิกาย   เถรวาท
พระประธาน   พระศรีศากยมุนีศรีธรรมราช
พระพุทธรูปสำคัญ   พระเจ้าศรีธรรมโศกราช(ปางมารวิชัย), พระเหมชาลา(ปางห้ามญาติ), พระทนทกุมาร(ปางประทานอภัย)
ความพิเศษ   พระอารามหลวงชั้นเอก
กิจกรรม   นมัสการพระมหาธาตุ โบราณสถานคู่เมืองภาคใต้ ขอพรองค์ท้าวจตุคามรามเทพ เทพารักษ์ผู้เฝ้าองค์พระมหาธาตุ
Dharma Wheel.svg สถานีย่อย:พระพุทธศาสนา
ด • พ • ก
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เดิมชื่อ วัดพระบรมธาตุ ตั้งอยู่ ถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพระอารามหลวง ชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร

เนื้อหา  [ซ่อน]
1 ประวัติ
2 สถานที่สำคัญ
3 ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ
4 พิกัดแผนที่
5 บรรณานุกรม
6 ภาพเพิ่มเติม
ประวัติ[แก้]
พ.ศ. 854 เจ้าชายทนทกุมาร และพระนางเหมชาลาและบาคู (แปลว่า นักบวช) ชาวศรีลังกา ได้สร้างวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (เดิมชื่อ วัดพระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช) เจดีย์องค์เดิมเจดีย์แบบศรีวิชัยคล้ายเจดีย์กิริเวเทระ ในเมืองโบโลนนารุวะ ประเทศศรีลังกา
พ.ศ. 1093 พระเจ้าจันทรภาณุ ได้ทำการสร้างเมืองนครศรีธรรมราชขึ้นพร้อมกับการก่อสร้างเจดีย์ขึ้นใหม่เป็นเจดีย์แบบศาญจิ
พ.ศ. 1770 พระเจ้าจันทรภาณุ ได้บูรณะพระบรมธาตุเจดีย์ เจดีย์แบบลังกา ทรงระฆังคว่ำ หรือ โอคว่ำ มีปล้องไฉน 52 ปล้อง สูงจากฐานถึงยอดปลี 37 วา 2 ศอก ยอดปลีของปล้องไฉน หุ้มทองคำเหลืองอร่าม สูง 6 วา (เท่ากับ 2 เมตร) 1 ศอก (เท่ากับ 0.50 เมตร) แผ่เป็นแผ่นหนา เท่าใบลานหุ้มไว้ น้ำหนัก 800 ชั่ง (เท่ากับ 960 กิโลกรัม) รอบพระมหาธาตุมีเจดีย์ 158 องค์
พ.ศ. 2155 และ พ.ศ. 2159 สมัยสมเด็จพระเอกาทศรถมีการซ่อมแผ่นทองที่ปลียอดพระบรมธาตุ
พ.ศ. 2190 สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ยอดพระบรมธาตุได้ชำรุดหักลง และได้มีการซ่อมสร้างขึ้นใหม่
พ.ศ. 2275 - 2301 สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มีการดัดแปลงทางเข้าพระสถูปพระบรมธาตุบริเวณวิหารพระทรงม้า
พ.ศ. 2312 สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช ปฏิสังขรณ์พระอารามทั่วไปภายในวัด และโปรดให้สร้างวิหารทับเกษตรต่อออกจากฐานทักษิณรอบองค์พระธาตุ
สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัด) ได้บูรณะพระวิหารหลวง วิหารทับเกษตร พระบรมธาตุที่ชำรุด
ปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บูรณะกำแพงชั้นนอก วิหารทับเกษต วิหารธรรมศาลา วิหารพระทรงม้า วิหารเขียน ปิดทองพระพุทธรูป
พ.ศ. 2457 สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ติดตั้งสายล่อฟ้าองค์พระบรมธาตุเจดีย์
พ.ศ. 2515 - 2517 บูรณปฏิสังขรณ์พระวิหารหลวง และพระอุโบสถ
พ.ศ. 2530 ซ่อมกลีบบัวทองคำที่ฉีกขาดเปราะบาง เสื่อมสภาพเป็นสนิม เสริมความมั่นคงแข็งแรงที่กลีบบัวปูนปั้น ในวันที่ 28 สิงหาคม 2530 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จอัญเชิญแผ่นกลีบบัวทองคำขึ้นประดิษฐบนองค์พระบรมธาตุเจดีย์
พ.ศ. 2537 - 2538 บูรณะปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์ และเสริมความมั่นคงปูนแกนในปลียอด ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 50 ล้านบาท สิ้นทองคำ 141 บาท (มาตราชั่ง ตวง วัด ของไทย 1 บาท เท่ากับ 15.2 กรัม)
กรมศิลปากร ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 53 ตอนที่ 34 วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2479 และคณะกรรมการมรดกโลก มีมติในการประชุมคณะกรรมการสมัยที่ 37 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 รับรองวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารเข้าสู่บัญชีเบื้องต้นก่อนเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลก[ต้องการอ้างอิง]

สถานที่สำคัญ[แก้]

เจดีย์ราย วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช
พระวิหารหลวง
วิหารพระมหาภิเนษกรณ์ หรือวิหารพระทรงม้า
วิหารเขียน
วิหารโพธิ์ลังกา
วิหารพระกัจจายนะ หรือวิหารพระแอด
วิหารพระปัญญา
เจดีย์ราย รอบพระบรมธาตุ
พระบรมธาตุเจดีย์
วิหารสามจอม หรือวิหารพระเจ้าศรีธรรมโศกราช
วิหารทับเกษตร หรือพระระเบียงตีนธาตุ
วิหารพระระเบียง หรือวิหารคด
วิหารธรรมศาลา
วิหารหลวง
วิหารโพธิ์พระเดิม
พระอุโบสถ
พระพุทธบาทจำลอง
ต้นพระศรีมหาโพธิ์
ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ[แก้]
ประเพณีผ้าขึ้นธาตุ หมายถึง การนำผ้าผืนยาวขึ้นไปห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ในวันสำคัญทางศาสนา ชาวนครได้ร่วมมือร่วมใจกันบริจาคเงินตามกำลังศรัทธานำเงินที่ได้ไปซื้อผ้ามาเย็บต่อกันเป็นแถวยาวนับพันหลา แล้วจัดเป็นขบวนแห่ผ้าขึ้นห่มพระบรมธาตุเจดีย์ ผ้าที่ขึ้นไปห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์เรียกว่า “ผ้าพระบฎ” (หรือ พระบต) นิยมใช้สีขาว สีเหลือง สีแดง สำหรับผ้าสีขาวนิยมเขียนภาพเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ เสด็จออกบรรพชา ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุเป็นเอกลักษณ์ประจำเมืองนครศรีธรรมราช แก่นแท้อยู่ที่การบูชาพระพุทธเจ้าอย่างใกล้ชิด โดยใช้องค์พระบรมธาตุเจดีย์เป็นตัวแทน

ตามตำนานประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุมีว่า ในสมัยที่พระเจ้าสามพี่น้อง คือ พระเจ้าศรีธรรมโศกราช พระเจ้าจันทรภาณุ และพระเจ้าพงษาสุระ กำลังดำเนินการสมโภชพระบรมธาตุอยู่นั้น คลื่นได้ซัดผ้าแถบยาวชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีลายเขียนเรื่องราวพุทธประวัติ (เรียกว่า พระบฎ หรือ พระบต) ขึ้นที่ชายหาดปากพนัง จึงนำผ้าผืนนั้นไปถวายพระเจ้าศรีธรรมโศกราช พระองค์จึงรับสั่งให้ซักจนสะอาด แต่ลายเขียนพุทธประวัติก็ไม่ลบเลือนยังคงสมบูรณ์ดีทุกประการ จึงรับสั่งให้ประกาศหาเจ้าของ ได้ความว่าชาวพุทธกลุ่มหนึ่ง จะเดินทางไปลังกา เพื่อนำพระบฎไปถวายเป็นพุทธบูชาพระทันตธาตุ คือ พระเขี้ยวแก้ว แต่เรือถูกมรสุมซัดแตกที่ชายฝั่งเมืองนครมีรอดชีวิต 10 คน ส่วนพระบฏถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งปากพนัง พระเจ้าศรีธรรมโศกราชทรงพิจารณาเห็นว่าควรจะนำขึ้นไปห่มพระบรมธาตุเจดีย์เนื่องในโอกาสสมโภชพระบรมธาตุ เจ้าของพระบฎที่รอดชีวิตก็ยินดีด้วย จึงโปรดให้ชาวเมืองนครจัดเครื่องประโคมแห่แหนผ้าห่มโอบฐานพระบรมธาตุเจดีย์ จึงเป็นประเพณีประจำเมืองนครสืบมาจนทุกวันนี้

พิกัดแผนที่[แก้]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มกราคม 2015, 09:36:20 โดย ป๋าอิน » บันทึกการเข้า
ป๋าอิน
อาจารย์มงกุฏทอง C7
Super Hero7
*

พลังน้ำใจ: 62761
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,668


« ตอบ #4 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 15:03:16 »

                                            
ยินดีต้อนรับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชคนใหม่

ประวัติ
นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า
ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร

เกิดวันที่ 27 มิถุนายน 2499 บุตร นายอินตา – นางทองนาค หินเมืองเก่า (ถึงแก่กรรม) เป็นชาวอำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ สมรสกับนางกัญฐณา หินเมืองเก่า ชาวจังหวัดนครปฐม มีธิดา 2 คน

การศึกษา / อบรม   - ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย
-   ระดับปริญญาตรี ศศ.บ.รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
-   ระดับปริญญาโท ศศ.ม.รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (รุ่นแรกของรามฯ)
-   อบรมนายอำเภอ รุ่นที่ 32 (2535)
-   นักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 34 (2539)
-   หลักสูตร SENIOR EXECUTIIVE DEVELOMENT PROGRAME (SEDP)
(ทุน ก.พ.ประเทศญี่ปุ่น)
-   หลักสูตรการปกครอง สำหรับผู้บริหารระดับสูง จากสถาบันพระปกเกล้า (ปปร.12)
-   หลักสูตรบริหารการยุติธรรมทางปกครองระดับสูง (บยป.2)
การรับราชการ   - ปี 2522-2535 เป็นปลัดอำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น และได้รับแต่งตั้งไป
จังหวัดสกลนคร-นครปฐม ขอนแก่น และน่านในตำแหน่งปลัดอำเภอ
ป้องกันจังหวัด และจ่าจังหวัด
-   ปี 2536 นายอำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ
-   ปี 2539 ผู้อำนวยการโรงเรียนนายอำเภอ วิทยาลัยการปกครอง
-   ปี 2540 นายอำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์
-   ปี 2541 นายอำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
-   ปี 2542 นายอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม
-   ปี 2543 ผู้อำนวยการส่วนบริหารงานกำนันผู้ใหญ่บ้าน กรมการปกครอง
-   ปี 2545 ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง
-   ปี 2547 ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความมั่นคงภายใน
-   ปี 2548 รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
-   ปี 2550 รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
-   ปี 2551 รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย
-   ปี 2552 ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์
-   ปี 2553 ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี
-   วันที่ 28 ต.ค.- พ.ย. 2554 ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
-   28 พ.ย. 2554 ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง
  ปี 57 ผู้ว่านครศรีธรรมราช-จนปัจจุบัน
----------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มกราคม 2015, 10:02:10 โดย ป๋าอิน » บันทึกการเข้า
ป๋าอิน
อาจารย์มงกุฏทอง C7
Super Hero7
*

พลังน้ำใจ: 62761
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,668


« ตอบ #5 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 15:03:33 »

               
จตุคามรามเทพ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ท้าวขัดตุคาม-ท้าวรามเทพ
จตุคามรามเทพ หมายถึงเทพรักษาพระบรมธาตุจังหวัดนครศรีธรรมราชสององค์ คือ ท้าวขัดตุคาม และ ท้าวรามเทพ ซึ่งเดิมในความเชื่อของศาสนาพราหมณ์เป็นเทพชั้นสูง และมีอยู่ทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย แต่เมื่อภูมิภาคแถบอุษาคเนย์นี้รับอิทธิพลของพุทธศาสนาเข้ามา ท้าวขัดตุคาม และ ท้าวรามเทพ จึงถูกเปลี่ยนสถานะเป็นเทวดารักษาพระบรมธาตุและเปลี่ยนชื่อให้เป็นมงคลเป็น ท้าวจตุคาม และสถิตอยู่บนที่บานประตูทางขึ้นพระบรมธาตุ ในปี พ.ศ. 2530 เมื่อมีการตั้งดวงเมืองนครศรีธรรมราชขึ้นใหม่ จึงมีการอัญเชิญจตุคามรามเทพไปสถิต ณ ที่นั้นเป็นต้นมา

เนื้อหา  [ซ่อน]
1 ความหมายและความเชื่อ
2 ประวัติ
3 คาถาสำหรับบูชาจตุคามรามเทพ
4 ดูเพิ่ม
5 อ้างอิง
6 แหล่งข้อมูลอื่น
ความหมายและความเชื่อ[แก้]
ชาวนครศรีธรรมราชมีคติความเชื่อที่ว่า องค์จตุคาม คือ พระเสื้อเมือง จตุ หมายถึง สี่ คาม (คาม-มะ) เขตคาม หมายถึง อาณาเขตหรือบ้าน เมื่อรวมกันนัยความหมายที่มากกว่าความเป็นทิศทั้ง 4 ของบ้าน หรืออาณาเขต คือทิศทั้งสี่ซึ่งหมายถึงทิศที่มีท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ดูแลอยู่ ความหมายของจตุคามจึงเป็น ตำแหน่งของผู้เป็นใหญ่ทั้งสี่ทิศมีท้าวจตุมหาราช ปกป้องคุ้มครองดูแล พระเสื้อเมืองจึงมีความหมายที่ควรเป็นตำแหน่งๆหนึ่ง เพียงแต่ปราชญ์โบราณของเมืองสมมติขึ้นเป็นท้าวจตุคาม ผู้เป็นใหญ่ใน 4 ทิศ

องค์รามเทพ คำว่า ราม มีรากฐานมาจากพระราม ที่หมายถึงพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระมหากษัตริย์ คำว่าเทพ ก็คือเทวดา นัยความหมายคือเป็นพระมหากษัตริย์ที่เป็นสมมติเทพเมื่อองค์รามเทพเป็นพระทรงเมือง คำว่าทรงเมืองพ้องกับคำว่า ครองเมือง นั่งเมือง หรือผู้ปกครองบ้านเมืองซึ่งก็คือเจ้าเมืองหรือพระมหากษัตริย์

เชื่อกันว่าเดิมนั้น องค์จตุคามรามเทพ เป็นกษัตริย์ในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช มีพระนามอย่างเป็นทางการว่า พระเจ้าจันทรภาณุ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 ของราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช เชื่อว่ามีพระวรกายเป็นสีเข้ม เป็นกษัตริย์นักรบที่แกร่งกล้า เมื่อสถาปนาอาณาจักรศรีวิชัยได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงได้สมัญญานามว่า "ราชันดำแห่งทะเลใต้" หรือมีอีกราชสมัญญานามนึงว่า "พญาพังพกาฬ" และต่อมาสำเร็จวิชาจตุคามศาสตร์ และทรงบำเพ็ญบุญเพื่อสร้างบารมีอธิษฐานจิตเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อบรรเทาทุกข์แก่มนุษย์ทั้งปวง


ตราประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีรูปพระบรมธาตุอยู่ตรงกลาง
แต่หากเชื่อกันว่าจตุคามรามเทพคืออดีตกษัตริย์ศรีวิชัยแล้ว ดังเช่นพระเจ้าวิษณุราชที่ปรากฏในหลักจารึกกรุงศรีวิชัย อยู่ในราว พ.ศ. 1318 ผู้สร้างพระบรมธาตุเมืองนครฯ จะดูขัดแย้งกันเพราะ เป็นยุคสมัยที่ห่างจากพระเจ้าจันทราภาณุ ก่อนถึง 400 ปี

พระบรมธาตุปรากฏชัดว่า มีสององค์ คือองค์จตุคามกับท้าวรามเทพ แต่ภายหลังได้รวมเป็นองค์จตุคามรามเทพเพียงองค์เดียว ก็มิได้ผิดจากหลักศาสตร์ของการสร้าง เฉกเช่นการอธิบายในหลักของตรีมูรติ ของศาสนาฮินดูที่เป็นการรวมกันของมหาเทพทั้ง 3 พระองค์ ดังนั้น จตุคามรามเทพ จึงหมายถึง ดวงพระวิญญาณแห่งอดีตบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าผู้มาสถิตย์เป็นผู้คุ้มครองดูแลบ้านเมืองทั้งสี่ทิศทรงฤทธิ์อำนาจอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยบารมีธรรม 10 ประการ แห่งพระโพธิสัตว์ ผู้มีความเมตตาต่อมนุษย์ผู้ทุกนาม เป็นพระเทวราชโพธิสัตว์

จตุคามรามเทพ มีบริวารเป็นทหารกล้า 4 นาย คือ พญาชิงชัย, พญาหลวงเมือง, พญาสุขุม และพญาโหรา เป็นกำลังหลักในการปราบพราหมณ์ที่เคยปกครองเมืองอยู่ก่อน เมื่อได้บ้านเมืองแล้ว ก็ได้สร้างพระบรมธาตุ สถาปนาเมือง 12 นักษัตร หรือกรุงศรีธรรมาโศกราช ฝังรากฐานพระพุทธศาสนาอย่างถาวร จนได้รับเทิดพระเกียรติว่า พญาศรีธรรมาโศกราช หรือ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช

ปัจจุบัน จตุคามรามเทพ ได้รับความนับถืออย่างกว้างขวาง โดยเชื่อว่าทรงฤทธานุภาพในทุก ๆ ด้าน ตามจารึกของชาวศรีวิชัยได้บอกว่า " มีอานุภาพดุจดังพระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่ขจัดความมืดมัวในโลก " การขออธิษฐานจากพระองค์นั้นทำได้โดยมีเงื่อนไข 3 ประการ

อธิษฐานขอในสิ่งที่เป็นไปได้ โดยไม่ขัดต่อศีลธรรม
เมื่อได้รับสิ่งที่หวังแล้ว ต้องรักษาสัจจะที่ได้ให้ไว้กับพระองค์
ควรจะสร้างกุศลกรรมถวายแด่องค์จตุคามรามเทพ
แต่ที่สำคัญ อย่าลำพังเพียงอธิษฐาน ต้องสร้างกุศลกรรมให้แก่ตนเองให้ครบทุกด้านด้วย คือ ให้ทาน รักษาศีล และบำเพ็ญภาวนา

ภาพลักษณ์ของจตุคามรามเทพ โดยมากจะปรากฏเป็นองค์เทพบุตรในท่านั่ง มี 4 กร ถืออาวุธต่าง ๆ และนายทหาร 4 นาย นั้น จะปรากฏในรูปของหนุมาน 4 กร ถืออาวุธในท่วงท่าต่าง ๆ ทั้งนี้ก็เป็นไปตามศิลปะศรีวิชัยที่มักสร้างสัญลักษณ์ขึ้นมาแทนความหมายต่าง ๆ

ประวัติ[แก้]
ในการจัดสร้างรูปเคารพขององค์จตุคามรามเทพ เมื่อปี พ.ศ. 2530 เป็นครั้งแรกในรูปแบบพระผงสุริยัน-จันทรา ดวงตราพญาราหู มีแวดล้อมด้วยพระราหู 8 ตน ตรงกลางมีรูปของเทวรูปประทับนั่ง 2 เศียร 4 กร ทรงเครื่องอาวุธ และผู้สร้างในสมัยนั้นก็ให้ความหมายไว้ว่าคือรูปจำลองสมมติของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เป็นตัวแทนขององค์จตุคามรามเทพกษัตริย์แห่งศรีวิชัย

จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2538 ทางโหราศาสตร์เกิดสุริยคราสพาดผ่านประเทศไทย ซึ่งเกิดกระแสตื่นตัวไปทั่วประเทศในเรื่องของพระราหูกินเมือง ประชาชนต่างก็หาวัตถุมงคลหาเครื่องรางของขลังมาแขวนติดตัวเพื่อแก้เคล็ดและสะเดาะเคราห์ ประกอบกับนิตยสารพระเครื่องกรุงสยาม ได้ลงประวัติการสร้างทำให้มีคนรู้จักบ้าง จึงได้มีการเช่าหากันไปในบางส่วน

ในต้นปี พ.ศ. 2550 จตุคามรามเทพได้รับความนิยมอย่างยิ่ง จนกลายเป็นกระแสในสังคมไทย จากข่าวการพระราชทานเพลิงศพของขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีตนายตำรวจมือปราบ ผู้ร่วมการจัดสร้างจตุคามรามเทพรุ่นแรกขึ้นโดยมี พล.ต.ท. สรรเพชร ธรรมาธิกุล เป็นประธานในการจัดสร้าง ได้มีการสร้างจตุคามรามเทพขึ้นในวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีหลายรุ่น พระเกจิหลายองค์ปลุกเสก หลายคนพากันแย่งชิงจนเกิดเป็นเหตุให้ฆาตกรรมกันก็มี และผลจากกระแสนี้ส่งผลให้จตุคามรามเทพรุ่นแรกที่ผลิตออกมาในปี พ.ศ. 2530 มีราคาพุ่งไปถึงกว่า 40 ล้านบาท จากเดิมที่มีราคาเพียง 49 บาทเท่านั้น

กระแสความศรัทธาได้พุ่งทะยานขึ้นจากรุ่นสู่รุ่น กลายเป็น พุทธพาณิชย์ และแฟชั่นบูชาขยายวงกว้างไปทุกชนชั้น จตุคามรามเทพได้ถึงจุดความนิยมสูงสุดกลายเป็นวัตถุบูชาที่ถูกผลิตขึ้นมากมายใกล้หนึ่งพันรุ่นที่มีการปลุกเสกแบบรายวัน เกือบทุกวัด เกือบทุกแผงพระ และแม้แต่ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สถาบัน และองค์กรต่าง ๆ นำจตุคามรามเทพมาจัดจำหน่ายเชิงพาณิชย์ทั้งการกุศลและไม่ใช่กุศล

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มีการประเมินมูลค่าเงินหมุนเวียนของจตุคามรามเทพมีมูลค่าสูงถึง 2.2 หมื่นล้านบาท ผลักดันจีดีพีของประเทศโตขึ้น 0.1-0.2 % ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา และทำให้กรมสรรพากรพิจารณาการจัดเก็บภาษีจากการสร้างและเช่าบูชาจตุคามรามเทพด้วย

คาถาสำหรับบูชาจตุคามรามเทพ[แก้]
ตั้งสมาธิให้จิตใจสงบจากนั้นท่อง ( นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมามัมพุทธัสสะ) 3 จบ แล้วให้กล่าวตามบทสวดดังต่อไปนี้ "จะตุคามรามะเทวัง โพธิสัตตัง มะหาคุณัง มะหิทธิกัง อะหัง ปูเชมิ สิทธิลาโภ นิรันตะรัง นะโมพุทธายะ" ข้าพเจ้าขอบูชา ท้าวจตุคามรามเทพโพธิสัตว์ ผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ มีฤทธานุภาพไพศาล ขอความสำเร็จและลาภ จงมีแก่ข้าพเจ้า เป็นนิรันดร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 มกราคม 2015, 08:43:25 โดย ป๋าอิน » บันทึกการเข้า
mumgeng
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 18980
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 14,967


« ตอบ #6 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 20:43:16 »

                                

                                              


ที่ตั้ง บริเวณทิศเหนือของสนามหน้าเมือง เนื้อที่ 2 ไร่ ประกอบด้วยอาคาร 5 หลัง หลังกลางเป็นที่ประดิษฐานหลักเมืองออกแบบให้มีลักษณะ คล้ายศิลปะศรีวิชัย เรียกว่าทรง เหมราชลีลา วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2532 ส่วนอาคาร เล็กทั้งสี่หลังถือเป็น ศาลบริวารสี่ทิศ เรียกว่าศาลจตุโลกเทพ ประกอบด้วยพระเสื้อเมือง ศาลพระทรงเมือง ศาลพระพรหมเมือง และศาลพระบันดาลเมือง วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2535 ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ใน พ.ศ. 2542

    องค์เสาหลักเมืองทำด้วยไม้ตะเคียนทองที่ได้มาจากภูเขายอดเหลือง อันเป็นภูเขาลูกหนึ่งในทิวเขานครศรีธรรมราช ในท้องที่ตำบลกระหรอ กิ่งอำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช ขนาดความสูง 2.94 เมตร เส้นรอบวง 0.95 เมตร ลวดลายที่แกะสลัก ตั้งแต่ฐาน ซึ่งเป็นวงรอบเก้าชั้น มี 9 ลาย ส่วนบนของเสาเป็นรูปจุตคามรามเทพ (สี่พักตร์) หรือเทวดารักษามือง เหนือสุดเป็นเปลวเพลิงอยู่บนยอดพระเกตุ คือยอดชัยหลักเมือง รูปแบบการ แกะสลักจินตนาการจากความเชื่อในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ซึ่งเคยมีอิทธิพลทางศิลปกรรมในภาคใต้และนครศรีธรรมราชแต่ครั้งโบราณ

    กำแพงเมือง อำเภอเมือง จ.นครศรีธรรมราช อยู่ริมถนนราชดำเนิน เป็นกำแพงที่ซ่อมขึ้นใหม่ตามรูปเดิมในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และได้รับการบูรณะเพิ่มเติมขึ้นอีกในปี พ.ศ. 2533 เป็นแนวขนานไปกับคูเมือง ตั้งแต่ป้อมประตูชัยเหนือ หรือประตูชัยศักดิ์ ไปทางตะวันออก ยาวประมาณ 100 เมตร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 มกราคม 2015, 16:48:39 โดย ป๋าอิน » บันทึกการเข้า
Ballbon
Super Hero7
*

พลังน้ำใจ: 17476
ออนไลน์ ออนไลน์

กระทู้: 6,999


« ตอบ #7 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 21:19:30 »

                                                         

ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์)
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เกิด   18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446
อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช
เสียชีวิต   5 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 (อายุ 103 ปี)
สัญชาติ   ไทย
รู้จักในสถานะ   อดีตนายตำรวจชื่อดังของวงการตำรวจไทย
คู่สมรส   นางเฉลา พันธรักษราชเดช
นางสมสมัย พันธรักษราชเดช
บุตร   12 คน
บิดามารดา   นายอ้วน พันธรักษ์
นางทองจันทร์ พันธรักษ์

พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช
พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช (18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 — 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2549) อดีตนายตำรวจชื่อดังของวงการตำรวจไทย ซึ่งท่านมีชื่อเสียงเป็นอันมากในการปราบโจรร้ายในภูมิภาคต่างๆของไทย ในภาคกลางเช่น เสือฝ้าย เสือย่อง เสือผ่อน เสือครึ้ม เสือปลั่ง เสือใบ เสืออ้วน เสือดำ เสือไหว เสือมเหศวร ที่พัทลุง ปราบ เสือสังหรือเสือพุ่ม ที่นราธิวาส ปราบผู้ร้ายทางการเมือง ในปี พ.ศ. 2481 หัวหน้าโจรชื่อ “อะเวสะดอตาเละ” จนท่านได้ฉายาจากชาวไทยมุสลิมว่า “รายอกะจิ” ซึ่งแปลว่า อัศวินพริกขี้หนู จากผลงานที่ท่านสามารถปราบโจร เสือร้ายต่างๆ ได้มากมาย จึงได้รับฉายา ดังต่อไปนี้

นายพลตำรวจหนังเหนียวผู้จับเสือมือเปล่า
นายพลตำรวจหนวดเขี้ยว
ขุนพันธ์ฯ ดาบแดง (เชื่อกันว่าเป็นดาบที่ตกทอดมาจาก พระยาพิชัยดาบหัก ฝักดาบมีถุงผ้าสีแดงห่อหุ้ม ตัวดาบมีความคมกล้า)


ประวั�
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 มกราคม 2015, 17:01:02 โดย ป๋าอิน » บันทึกการเข้า
Pham
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 274
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 389


« ตอบ #8 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 21:34:38 »

                                                                    
                                                         


กองทัพบกไทย
(Royal Thai Army)
Royal Thai Army Seal.svg
ตราราชการกองทัพบก
ประจำการ   พ.ศ. 2417
ประเทศ   ไทย
รูปแบบ   กองทัพบก
กำลังรบ   กองประจำการ 190,000 นาย
9 กองพลทหารราบ
1 กองพลทหารราบยานเกราะ
3 กองพลทหารม้า
1 กองพลรบพิเศษ
1 กองพลทหารปืนใหญ่
1 กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน
1 กองพลทหารช่าง
ขึ้นกับ   กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม
กองบัญชาการ   กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร
สีหน่วย   แดง
คำขวัญ   เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน
เพลงหน่วย   มาร์ชกองทัพบก
วันสถาปนา   18 มกราคม
(วันกองทัพบกและวันกองทัพไทย)
สงคราม
สำคัญ   วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
กรณีพิพาทอินโดจีน
สงครามโลกครั้งที่สอง
สงครามเกาหลี
สงครามเวียดนาม
ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา พ.ศ. 2551
ผู้บังคับบัญชา
ผู้บัญชาการ
ทหารบก   พลเอกอุดมเดช สีตบุตร

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 มกราคม 2015, 08:49:18 โดย ป๋าอิน » บันทึกการเข้า
punja06
Hero Mb6
*

พลังน้ำใจ: 4723
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,486


« ตอบ #9 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 21:41:14 »

ิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิ
ิิิิิิิิิิิิิิ                                   
ิิ                            
                                        
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 มกราคม 2015, 08:31:52 โดย ป๋าอิน » บันทึกการเข้า
Mnemosyne
Super Hero7
*

พลังน้ำใจ: 7365
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,495


« ตอบ #10 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 21:43:24 »


 +1พลังน้ำใจ  สู้สู้ สู้สู้ สู้สู้ รวยๆ รวยๆ รวยๆ
บันทึกการเข้า
█★●amy_amy ●★█
●ж● รอง admin ●ж●
ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด C11

Diamond Hero 9
*

พลังน้ำใจ: 272846
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,013,961


Don't judge me if you don't know me.


« ตอบ #11 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 21:44:40 »



love |0Ve |0Ve จาก  love ชมรมคนโสดค่ะ  |0Ve |0Ve love
บันทึกการเข้า
chutamas
Full Mb3
***

พลังน้ำใจ: 432
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 191


« ตอบ #12 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 21:52:53 »

  สู้สู้ สู้สู้ สู้สู้ สู้สู้ สู้สู้ สู้สู้ สู้สู้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มกราคม 2015, 21:54:27 โดย chutamas » บันทึกการเข้า
vitsure0507
Super Hero7
*

พลังน้ำใจ: 17884
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,250


« ตอบ #13 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 21:56:43 »

 สุดยอด สุดยอด สุดยอด+1ครับท่าน ชัยชนะ ชัยชนะ ชัยชนะ
บันทึกการเข้า
เสือบิน56
Hero Mb6
*

พลังน้ำใจ: 6280
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,668


« ตอบ #14 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 22:29:45 »

    สวัสดี

    OK gd: ขอบคุณ ขอบคุณ +1พลังน้ำใจ
        รวยๆ รวยๆ รวยๆ     
บันทึกการเข้า
stada
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 72792
ออนไลน์ ออนไลน์

กระทู้: 20,661


« ตอบ #15 เมื่อ: 16 มกราคม 2015, 23:25:44 »

 gd:
 ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ
บันทึกการเข้า
Rose14
Hero Mb6
*

พลังน้ำใจ: 2084
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,140


« ตอบ #16 เมื่อ: 17 มกราคม 2015, 00:09:11 »

ไม่เข็ดค่ะ ขอไปรวยด้วยกันนะคะ
บันทึกการเข้า
aija
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 26819
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12,495



« ตอบ #17 เมื่อ: 17 มกราคม 2015, 01:32:06 »


เนื่องในวันนี้20 ม.ค.58
เป็นวันคล้ายวันเกิดของปําอิน  เวียนมาบรรจบอีกรอบ
ขอคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในโลกนี้จงดลบันดาลให้ปําอินและครอบครัวมีความสุขมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงคิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกประการค่ะ love +1พลังน้ำใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 มกราคม 2015, 07:05:52 โดย ป๋าอิน » บันทึกการเข้า
tr501
Diamond Hero 9
*

พลังน้ำใจ: 98906
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 69,426



« ตอบ #18 เมื่อ: 17 มกราคม 2015, 01:59:24 »

 +1พลังน้ำใจ Thank you Thank you Thank you ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ
บันทึกการเข้า
█★●amy_amy ●★█
●ж● รอง admin ●ж●
ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด C11

Diamond Hero 9
*

พลังน้ำใจ: 272846
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,013,961


Don't judge me if you don't know me.


« ตอบ #19 เมื่อ: 17 มกราคม 2015, 08:55:23 »



love |0Ve |0Ve จาก love ชมรมคนโสดค่ะ  |0Ve |0Ve love
บันทึกการเข้า
JFpana
Junior Mb2
**

พลังน้ำใจ: 40
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 21


« ตอบ #20 เมื่อ: 17 มกราคม 2015, 09:28:55 »

สู้ๆคะตามต่อคะ
บันทึกการเข้า
คุณเก่ง
Hero Mb6
*

พลังน้ำใจ: 1684
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,349


« ตอบ #21 เมื่อ: 17 มกราคม 2015, 10:12:51 »

ยังเชื่อมั่นป๋าเสมอสู่ๆๆๆค่ะ
บันทึกการเข้า
preeyapa
New Member
*

พลังน้ำใจ: 16
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6


« ตอบ #22 เมื่อ: 17 มกราคม 2015, 11:00:33 »

เราจะเป็นกำลังใจให้ตลอดไป... +1พลังน้ำใจ +1พลังน้ำใจ +1พลังน้ำใจ +1พลังน้ำใจ +1พลังน้ำใจ +1พลังน้ำใจ +1พลังน้ำใจ +1พลังน้ำใจ g|" g|" g|" g|" g|"
บันทึกการเข้า
♥♥ตังค์ su มา♥♥
สมาชิกกิตติมศักดิ์อุปถัมภ์
♔ รองผู้ว่าการบอร์ด ♔

Diamond Hero 9
*

พลังน้ำใจ: 113418
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 149,835


คิดดี ทำดี มีความจริงใจเป็นที่ตั้ง


« ตอบ #23 เมื่อ: 17 มกราคม 2015, 14:04:34 »



 Love รวยๆ รวยๆ รวยๆ Love

บันทึกการเข้า
Tee1
ผู้ช่วยWebmaster
Diamond Hero 9
*

พลังน้ำใจ: 238350
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 223,829


ถ้ามันง่ายไปซะหมด คงไม่เรียกว่า....ชีวิต


« ตอบ #24 เมื่อ: 17 มกราคม 2015, 14:54:54 »

หนึ่งกำลังใจยามบ่ายครับ
ขอให้มีความสุขสดชื่นตลอดวันนะครับ

บันทึกการเข้า
แท็ก:
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 ... 29   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค "เว็บมหาชน คนมหาโชค"
 
คติ "กินอยู่อย่างพอเพียง เสี่ยงโชคแต่พอควร"
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย
คำเตือน -ทางเว็บไม่ได้ทราบเป็นการล่วงหน้าว่าหวยทางกองสลากจะออกตัวไหน แต่เราใช้การวิเคราะห์หรือประเมินตามหลักสถิติ
หรือวิธีการอื่นว่า เลขที่มีโอกาสออกมากที่สุดในแต่ละงวดควรจะเป็นเลขอะไรเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ การเล่นหวยถือว่ามีความเสียงมาก
Sitemap | Contact | WAP | xHTML | iMode | WAP 2 | RSS

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines | Sitemap
อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน ©
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.727 วินาที กับ 25 คำสั่ง
Copyright (c) 2008-2022 apichokeonline.com