ฝากภาพ i-pic
บ้านผู้ใหญ่ใจดี.ยินดีต้อนรับทุกท่าน.เข้าสู่ความรวย.งวดที่1.วันที่16,ม.ค.ปีใหม่2557.ปีม้าทองรวยๆ
(1/15) > >>
❤❤.มลV999.❤❤:


สวัสดีปีใหม่.ปีมะเมีย.2557
ไม่เหลือพร จะอวยให้ ปีใหม่นี้
พรดีดี แย่งกันให้ ไม่เหลือหรอ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วงข้ามปี มีไม่พอ
อย่ารบกวน ท่านเลยหนอ โปรดเห็นใจ
ขึ้นปีใหม่ ใครก็ขอ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
พรไม่ค่อย จะสัมฤทธิ์ ช่วยไม่ไหว
ขอขอขอ ขอขอขอ อยู่ร่ำไป
ท่านไม่รู้ จะช่วยใคร งานล้นมือ
ปีใหม่นี้ ช่วยตัวเอง ลองดูก่อน
ถ้าไม่อยาก เป็นเดือดร้อน อย่าก่อหนี้
อยากจะรวย รู้จักพอ รวยทันที
อยากเป็นคน อารมณ์ดี ต้องปล่อยวาง
อยากแข็งแรง กำลังกาย ก็ต้องออก
อยากจะผอม ต้องห้ามปาก เอาไว้บ้าง
อยากสงบ หาให้พบ ทางสายกลาง
อยากจะพบ ทางสว่าง ให้เปิดไฟ
ขอให้ทุกๆๆท่าน จงโชคดีพบแต่ความสุข ความเจริญในหน้าที่การงาน.
ร่ำรวยเงินทอง สมดั่งใจปรารถนา ดั่งใจคิดปีมะเมีย ขอให้รวยๆๆ+เฮงๆๆนะค่ะ


❤❤.มลV999.❤❤:


ปีเก่าผ่านพ้น ย่างเข้าสู่ปีพุทธ ศักราชใหม่ 2557 ในปีม้าหรือปีมะเมียนี้ หากนับปีตามวัฒนธรรมไทย ม้า ถือเป็นสัญลักษณ์ของปีที่ 7 ในรอบนักษัตรซึ่งในเรื่องราวชวนรู้มีหลากหลายแง่มุมชวนติดตาม

ดร.วัฒนะ บุญจับ นักอักษรศาสตร์ สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ให้ความรู้เล่าเรื่องม้าที่ปรากฏในวรรณกรรมและวัฒนธรรมว่า ม้าถือเป็นสัญลักษณ์ของปีที่ 7 ในรอบนักษัตรที่เรียกชื่อว่า ปีมะเมีย ส่วนความเชื่อและองค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องม้าในเมืองไทยดูจะมีอยู่น้อย ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะม้าไม่ได้เป็นสัตว์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เนื่องจากม้าไม่ชอบอยู่ในที่ซึ่งมีฝนตกมากและชื้นแฉะอย่างเมืองไทย

หากจะมีอยู่บ้างก็ในเขตพื้นที่บริเวณที่ราบสูงและบริเวณที่มีอากาศแห้ง เช่น ภาคเหนือและภาคอีสาน และเท่าที่ดูในประวัติศาสตร์ก็จะเห็นได้ว่า ม้าที่มีใช้อยู่ในบ้านเราเมื่อครั้งอดีตมักจะนำเข้ามาจากต่างถิ่น หลังจากนั้นจึงนำมาพัฒนาสายพันธุ์ให้สามารถอยู่ได้ในภูมิอากาศแบบบ้านเรา

ขณะที่จีนมีความเชื่อและเรื่องราวเกี่ยวกับม้าอยู่มาก ยิ่งช่วงปีม้าจะเห็นได้ว่าเริ่มมีภาพวาดจีนเป็น รูปม้ามงคล 4 คู่ที่กำลังเด่นบ้าง ก้าวกระโดดบ้าง ซึ่งก็เป็นที่นิยมซื้อหาไปฝากเป็นของขวัญปีใหม่กัน  ด้วยความเชื่อว่า ม้าเป็นสัตว์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังธาตุหยาง ม้าจึงเป็นสัญลักษณ์ของขุนนาง ชนชั้นสูง และวิถีชีวิตที่สุขสบาย  ประกอบกับธรรมชาติของม้าเป็นสัตว์ที่มีความสง่า รวดเร็ว ว่องไว จึงใช้แทนคำอวยพรให้ธุรกิจการค้า การงาน ประสบความสำเร็จเร็วยิ่งขึ้น

ส่วนทางด้านวรรณกรรมแนวพงศาวดารจีน เรื่อง สามก๊ก ปรากฏชื่อม้าเป็นที่รู้จักกันดีอยู่ 2  ม้าคือ ม้าเซ็กเธาว์ และม้าเต็กเลา โดย ม้าเซ็กเธาว์ นับได้ว่าเป็นสุดยอดของม้าในยุคสามก๊กโดยกล่าวถึงลักษณะของม้านี้ว่า มีเอกลักษณ์คือเป็นม้าสีแดงเพลิง สูง 8 ฟุต ความยาวลำตัว 10 ฟุต และในยามศึก สามารถเด่นได้มากกว่าพันลี้  เดิมทีเป็นม้าของตั๋งโต๊ะ ซึ่งต่อมามอบให้กับลิโป้พร้อมกับเครื่องบรรณาการมากมาย เพื่อให้ลิโป้ทรยศพ่อบุญธรรม คือเต๊งหงวน ต่อมาหลังจากลิโป้ถูกโจโฉประหารที่เมืองเสียวพ่าย  ม้าเซ็กเธาว์ก็ตกไปเป็นของโจโฉ

กระทั่งเมื่อกวนอูมาอยู่กับโจโฉระยะหนึ่ง โจโฉต้องการมัดใจกวนอูโดยมอบเครื่องบรรณาการมากมายให้รวมทั้งม้าเซ็กเธาว์ด้วยและกวนอูก็ใช้ม้าเซ็กเธาว์ได้เป็นอย่างดี ภายหลังเมื่อกวนอูถูกจับตัวโดย ลิบอง และลกซุน เซ็กเธาว์ก็ตกเป็นของซุนกวน แต่ในที่สุดเมื่อกวนอูถูกประหาร มันก็ไม่ยอมกินอะไรและอดตายในที่สุด ส่วนชื่อเซ็กเธาว์ แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ชื่อม้า แต่เป็นชื่อสายพันธุ์ม้า เชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดแถบตะวันออกกลาง

ม้าเต็กเลา เป็นม้ามีขนสีขาวทั้งตัว จัดเป็นยอดอาชาไนยอีกตัวหนึ่ง  แต่จะให้โทษแก่เจ้าของเนื่องจากมีร่องน้ำตาใต้ตา เต็กเลา เดิมเป็นม้าของเตียวบู หัวหน้ากบฏผู้หนึ่ง เมื่อเตียวบูถูกจูล่งฆ่าตายก็ได้จูงเต็กเลามาให้เล่าปี่  เล่าปี่เห็นเป็นม้าที่ดีจึงยกให้เล่าเปียว แต่ที่ปรึกษาของเล่าเปียวเห็นว่ามีลักษณะให้โทษแก่เจ้าของจึงคืนให้กับเล่าปี่ แม้ม้าเต็กเลาจะเป็นม้าที่มีลักษณะเป็นโทษ แต่ก็เคยพาเล่าปี่กระโดดข้ามแม่น้ำตันเข หนีการตามล่าของชัวมอและเตียวอุ๋นจากเมืองเกงจิ๋วได้อย่างปาฏิหาริย์

ส่วน เรื่องม้าของไทย จะเห็นได้ว่าทั้งเรื่องเล่าและตำราล้วนมีที่มาจากวรรณคดีอินเดีย โดยในวรรณคดีอินเดียกล่าวไว้ว่า พระพายหรือเจ้าแห่งลมพายุเป็นผู้สร้างม้า 4 ตระกูล คือ ม้าวลาหก ม้าอาชาไนย ม้าสินธพ และม้าอัสดร แต่พาหนะที่พระพายทรงกลับไม่ใช่ม้า เพราะท่านทรงมฤคหรือกวาง เว้นแต่เวลาทรงรถจึงจะเทียมรถด้วย ม้าวลาหก ซึ่งเหินไปในท้องฟ้าได้อย่างรวดเร็วจนมองไม่ทันทำให้แปลคำศัพท์ วลาหก หมายถึง เมฆ

อาชาไนย เมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่าไม่ใช่พันธุ์ม้า เพราะรูปศัพท์แปลว่า กำเนิดดี พันธุ์หรือตระกูลดี รู้รวดเร็ว ฝึกหัดมาดีแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นม้าพันธุ์ใดถ้าเป็นม้าที่ฝึกหัดมาดีแล้ว สามารถที่จะเรียกว่า ม้าอาชาไนย ทั้ง หมด และม้าชนิดนี้มักจะใช้ในการศึกสงคราม

ส่วน สินธพ คือม้าพันธุ์ดีเกิดที่ลุ่มน้ำสินธุ บางทีเรียกว่า สิน ธพมโนมัย คำว่า มโนมัย แปลว่าไปเร็วดังใจนึก ม้าสินธพมโนมัยนี้จึงเป็นม้าใหญ่ล่ำสัน คึกคะนอง แข็งแรง ใช้ในการทำงานและการศึกสงครามได้อย่างดีเลิศซึ่งก็มีคนสันนิษฐานว่า เซ็กเธาว์ ซึ่งเป็นชื่อม้าของกวนอูในสามก๊ก อาจจะเรียกเพี้ยนมาจากคำว่าสินธุ หรือสินธพ ก็เป็นได้

นอกจากนี้วรรณคดีไทยหลายเรื่องกล่าวถึงม้าซึ่งเป็นพาหนะขับขี่ของพระเอก เช่น เรื่องขุนช้างขุนแผน ขุนแผน มีม้าตัวโปรดชื่อ ม้าสีหมอก หรือ เรื่องพระอภัยมณี ของท่านสุนทรภู่ กล่าวถึงม้าประหลาดตัวหนึ่งคือ ม้านิลมังกร ของสุดสาคร และม้าตัวสำคัญที่เราจะลืมไม่ได้ คือม้าจากวรรณกรรมศาสนาที่ชื่อว่า ม้ากัณฐกะ ซึ่งเป็นม้าที่เจ้าชายสิทธัตถะใช้ทรงเมื่อคราวตั้งพระทัยที่จะออกบรรพชาเพื่อแสวงหาพระโพธิญาณ  เป็นต้น

ขณะที่ ม้า สัตว์ที่มีความผูกพันใกล้ชิดกับมนุษย์มายาวนาน อีกทั้งยังเป็นสัตว์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายด้านไม่ว่าจะเป็น ด้านการ เกษตรช่วยงานไร่เทียมเกวียน การเดินทาง รวมถึงยังมีบทบาทด้านการกีฬา การศึกสงครามในอดีต นอก จากนี้ม้ายังเป็นสัตว์ที่มีความหมายเป็นมงคล

อ.เศรษฐพงษ์ จงสงวน นักวิชาการ นักค้นคว้าด้านวัฒนธรรมจีนให้มุมมองเล่าเรื่องม้าเพิ่มว่า ในแง่มุมของคนจีน ม้าเป็นสัตว์ที่มีความใกล้ชิดกับคนอยู่มากถือเป็นสัตว์เลี้ยงสำคัญ 1 ใน 6 ชนิด โดยสัตว์เลี้ยงของคนจีนส่วนใหญ่ตามครอบครัวจะมี วัว แพะ หมู ไก่ สุนัขและม้าซึ่งแต่ละชนิดจะมีบทบาทต่างกันไป สำหรับม้าถือเป็นสัตว์สำคัญซึ่งใครที่จะมีม้าได้จะต้องมีฐานะ เพราะม้ามีราคาและนอกจากใช้ประโยชน์ในเรื่องแรงงาน ใช้ลากรถลากเกวียนแล้ว  ม้ายังมีความสำคัญในการศึกสงครามซึ่งสมัยก่อนจะถือกันว่าถ้ามีม้าดีจะเป็นสง่าราศี

ม้า มีบุคลิกบางอย่างที่โดดเด่นโดยม้ามีความว่องไวกระฉับกระเฉง ไม่อยู่นิ่ง  อีกทั้งม้ายังมีความซื่อสัตย์รักเจ้านาย เห็นได้ชัดเจนจากม้าจะอยู่คู่กายกับเหล่าขุนพล  ปีม้าในแง่นักษัตรถือว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จ ความโลดโผนโจนทะยานปีหนึ่งทั้งนี้ม้าเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคล

นอกจากความน่าสนใจของม้าจะปรากฏในวรรณกรรมที่มีชื่อของจีนหลายเรื่อง อย่างสามก๊ก กล่าวถึงม้าเซ็กเธาว์   ไซอิ๋ว กล่าวถึงตำแหน่งคนเลี้ยงม้าสวรรค์ ฯลฯ พุทธศาสนาฝ่ายมหายานได้นำลักษณะของม้าและลิงมาเปรียบกับจิตใจของมนุษย์ซึ่งก็เป็นอุทาหรณ์ในการปฏิบัติธรรม โดยใจที่ซุกซนไม่อยู่กับที่นั้นเหมือนกับลิง จิตว่องไวเหมือนกับม้า โลดแล่นไปไม่หยุดยั้งห้อทะยานไปไม่มีที่สิ้นสุด

นักษัตรของจีนแม้จะเริ่มเปลี่ยนช่วงตรุษจีน แต่ปัจจุบันก็ใช้ปีใหม่อย่างสากลซึ่งเมื่อย่างเข้าปีใหม่ก็จะเห็นสีสัน ลักษณะของม้าหลายรูปแบบ ทั้งภาพวาดม้า  คำอวยพรที่เกี่ยวข้องกับม้า ฯลฯ และแม้ปีม้าจะเป็นปีที่ก้าวสู่ความเจริญรุ่งเรือง  อ.เศรษฐพงษ์ ฝากมุมมองอีกว่า ก็ไม่ควรลืมที่จะหันกลับมามองว่าจะพัฒนาตนเอง  พัฒนาครอบครัว พัฒนากิจการงาน  รวมทั้งพัฒนาความสัมพันธ์คนรอบข้างอย่างไร ซึ่งถ้าเรามีมุมมองเช่นนี้ก็น่าจะพัฒนาได้สมกับปีม้าที่จะพุ่งทะยานไป ขณะเดียวกันก็ควรมีหลักยึดมีหลักธรรมเป็นบังเหียนควบคุมการห้อทะยานไปให้อยู่ในหลักทำนองคลองธรรม หลักปฏิบัติที่ถูกต้องซึ่งก็จะนำให้เราสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ตั้งใจไว้ได้.

.....................................................................

วันขึ้นปีใหม่

ตามจารีตไทยแต่โบราณถือ วันแรม 1 ค่ำเดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ สอดคล้องกับคติแห่งพุทธศาสนาซึ่งถือฤดูหนาวเป็นการเริ่มต้นปีเหมือนกับหลายชาติที่ยึดถือฤดูหนาวเป็นการเริ่มต้นปี  แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 (ตรุษไทย)ซึ่งถึอตามปฏิทินทางจันทรคติคือในราวช่วงสงกรานต์  อันเป็นการเปลี่ยนจารีตไปตามคติพราหมณ์ที่นับวันตามจันทรคติ  โดยใช้ปีนักษัตรและการเปลี่ยนจุลศักราชเป็นเกณฑ์

จากนั้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5  ทรงเห็นว่าไทยติดต่อกับประเทศต่าง ๆ มากขึ้น การใช้ปฏิทินทางจันทรคติไม่เหมาะและไม่สะดวกเพราะไม่ลงรอยกับปฏิทินสากล จึงประกาศให้ใช้วันทางสุริยคติตามแบบสากลแทน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2432 เป็นต้นมา และถือเอาวันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่

การเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ได้ปรับเปลี่ยนอีกครั้ง สมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ประเทศส่วนใหญ่ต่างถือวันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ เมื่อไทยยอมรับปฏิทินสุริยคติตามแบบสากลก็ควรจะใช้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันเริ่มต้นปี เพื่อความสะดวกในการติดต่อกับประเทศต่าง ๆ จึงกำหนดให้ถือวันที่ 1 มกราคม ของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2484 เป็นต้นมา และให้ถือเป็นจารีตประเพณีของชาติ ให้ทางราชการ บริษัท ห้างร้านทั่วไป หยุดงานในวันที่ 31 ธันวาคม วันสิ้นปีเก่า และวันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่  เราจึงมีวันขึ้นปีใหม่ตรงกับนานาประเทศนับแต่นั้นเป็นต้นมา

❤❤.มลV999.❤❤:








❤❤.มลV999.❤❤:





คาถาบูชาพระแม่อุมาเทวี

ข้อควรจำ:ก่อนการสวดบูชาพระแม่อุมาเทวี
จะต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ

โอม เจมาตากี-โอม ชยะ มาตากี-โอม ไชยมาตากี
โอม ชยะ ศรี ปารวตี มาตา
โอม ไจ มาตา ปารวตี-โอม มหาอุมาเทวี นมัส
โอม มหาศักติ ปารวตี มาตา
โอม ศรี มหาอุมาเทวี นะมะฮา
โอม ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา เจ นะมะฮา
โอม ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ
ทุติยัมปิ ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ
ตะติยัมปิ ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ

สรรเสริญพระแม่ศรีมหาอุมาเทวี
โอม ศักติ โอม ศักติ โอม ศักติ โอม ( 4 ครั้ง)   โอม - โอม - โอม




❤❤.มลV999.❤❤:








นำร่อง
ดัชนีข้อความ
หน้าถัดไป
เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค "เว็บมหาชน คนมหาโชค"
 
คติ "กินอยู่อย่างพอเพียง เสี่ยงโชคแต่พอควร"
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย
คำเตือน -ทางเว็บไม่ได้ทราบเป็นการล่วงหน้าว่าหวยทางกองสลากจะออกตัวไหน แต่เราใช้การวิเคราะห์หรือประเมินตามหลักสถิติ
หรือวิธีการอื่นว่า เลขที่มีโอกาสออกมากที่สุดในแต่ละงวดควรจะเป็นเลขอะไรเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ การเล่นหวยถือว่ามีความเสียงมาก
กฎระเบียบข้อบังคับ | Subscribe in a reader