ฝากภาพ i-pic

พระเครื่อง...เรื่องขำ..ขำ

<< < (2/12) > >>

numchai42:
        
  
        

    ต่อไปก็จะเป็นสารพัดพระเครื่อง  ที่จะนำลงให้ชมแบบ ขำ..ขำ  อย่าเป็นจริงเป็นจังมากนัก

    พระองค์นี้  เขาตั้งชื่อว่าพระร่วง กรุสุโขทัย  เนื้อดินเผา  แท้หรือเก๊  ตานำชัยไม่มีความรู้  พระองค์นี้อยู่ในมือตานำชัยมาแล้ว
50  ปีกว่า ๆ  เกือบจะ  60  ปี  เนื้อสวย  เป็นมันวาว  เนื้อแห้งสนิท   พระมีมวลสารมาก    โดยเฉพาะว่านแร่ดอกมะขาม  ที่เห็น
กระจายอยู่ในองค์พระ  ทำให้องค์นี้มองแล้วไม่เบื่อ

    รวมทั้งคราบกรุบาง ๆ  ติดอยู่กับพระองค์นี้มาแต่ดั้งเดิม

     ขำ ๆ.....เดิมน่าจะเป็นพระไม่แท้   แต่เมื่อเก็บรักษามาตั้ง  60  ปี  มาวันนี้พระองค์นี้น่าจะเป็นพระแท้ซะละมั้ง

numchai42:
          

          

   พระกรุวัดถ้ำเสือ  จังหวัดสุพรรณบุรี

    อยู่ที่ตานำชัยมาประมาณ  50  ปี  เคยทดสอบโดยแช่ลงในน้ำร้อน  ก็จะมีพรายน้ำผุดขึ้นมา  2-3  จุด    เนื้อแห้งสนิท  ยกขึ้นมาจากน้ำ
ก็แห้งเร็ว  พระถ้ำเสือนี่ดูยากมาก  แต่ละองค์นี่ไม่ค่อยเหมือนกันเลย  ทั้งรูปร่างหน้าตา  ผิวพรรณ   ก็แปลกดี  ดูแล้วน่าจะมีพิมพ์พระเป็น
ร้อย ๆ พิมพ์

    ยังมีอีกกรุหนึ่งที่เรียกว่ากรุใหม่  คือกรุเขาดีสลัก  หลายคนก็ยังลังเลว่าเป็นพระจริงหรือพระยัดกรุ  แต่เนื้อหาก็เก่าดี  มีบางคนเอามาให้เช่า
องค์ละเป็นหมื่น  ตานำชัยเช่ามาเป็นกำองค์ละ  500  บาทสมัยนั้น  แต่วันนี้น่าจะเหลือสักองค์สององค์   เดี๋ยวจะลงให้ชม

    แล้วก็มาถึงพระเครื่อง..เรื่องขำ..ขำ  พระถ้ำเสือนี่น่าจะสร้างเยอะมาก  น่าสงสัยว่าสร้างไว้ทำอะไร  สร้างเมื่อไร  ใครสร้าง ทำไมต้องเก็บ
ไว้ในถ้ำ  ไม่มีใครให้คำตอบได้หรอก   อย่างดีก็แค่คำสันนิษฐาน  แม่พิมพ์ก็ไม่เห็น  มวลสารที่สร้างเอามาจากไหน ทำอย่างไรเนื้อพระจึง
แข็งเหมือนหิน  ทั้ง ๆ ที่ปั้นจากดิน  ไม่เหมือนพระที่มาจากถ้ำทางใต้  แถวยะลา  สุราษฎร์ธานี  จะเป็นพระดินดิบ  ยกขึ้นมาเปื่อยยุ่ยหมด

    คำสันนิษฐาน...บางคนบอกว่าน่าจะสร้างในสมัยทวาราวดี  ตั้งแต่ พ.ศ. 2220 โน้น  บางคนบอกว่าน่าจะสร้างสมัยอยุธยา  สมัยพระ
นารายณ์นี้เอง

    ในถ้ำแถวนั้นน่าจะเป็นชุมชนใหญ่  มีคนมาก  เลยช่วยกันทำ  แค่คนสองคนคงทำไม่ไหวหรอก  ตั้งเป็นพันปีมาแล้ว  ก็น่าจะสรุปว่า
คนที่เคยอาศัยอยู่ในถ้ำคงจะสร้างขึ้น  แต่สร้างขึ้นมาทำอะไร นี่น่าคิดนะ  คนสมัยนั้นคงจะยังไม่นิยมเล่นพระเครื่องดอกนา  เกจิอาจารย์
ที่จะปลุกเสก   ก็น่าจะยังไม่มี 

    จริงหรือแค่เรื่องขำ..ขำ    พอ ๆ  กับโควิท-19  มีรากเหง้ามาจากไหนนี่แหละ

numchai42:
      
              
                            

                            


                                                  พระสมเด็จวัดระฆัง   สร้างโดยสมเด็จพุฒาจารย์โต  พรหมรังสี

      ฟังนิทานก่อน

          ในปี พ.ศ.2510  ประเทศไทยได้ส่งกองทหารอาสาสมัคร (จงอางศึก)  ไปร่วมรบกับทหารอเมริกัน  ที่ค่ายเบียร์แคต  ประเทศเวียดนามใต้  พระสมเด็จองค์นี้
ถูกมอบให้กับทหารคนหนึ่งที่ไปร่วมรบในครั้งนั้น    และกลับมาได้อย่างปลอดภัย  ประมาณปี 17-18    ตานำชัยก็ได้พระสมเด็จองค์นี้มาครอบครองต่อ

          เนื้อพระเดิมถูกทาทับด้วยอะไรสักอย่าง เหนียวมาก  ที่ฐานชั้นที่ 2-3  จะมีแผ่นทองคำเปลวปิดไว้  ยังมองเห็นร่องรอยอยู่

          พระองค๋นี้ถูกล้างขัดสี   เพื่อให้เห็นองค์พระชัดเจน  ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  แต่ก็ขัดออกไม่หมด  ยังเห็นลาง ๆ  ทำให้องค์พระมองแล้วยังทึบ ๆ อยู่

          ส่วนความเก่า  จากที่ผ่านมือมาถึงปัจจุบันก็  60  ปี  ก่อนจากนี้ไม่รู้เท่าไร

          ถ้าไปถามเซียนพระ   ก็ต้องบอกว่าเก๊แน่นอน   เพราะผิดพิมพ์

แต่พระองค์นี้ก็มีอะไรแปลก  ๆ   น่าศึกษาอยู่ไม่น้อย    มาดูกันต่อไป

                      

                       

numchai42:


         ก็ไม่มีอะไร...เพียงแต่ดูเล่นแบบขำ..ขำ

เผื่อมีคนรุ่นใหม่  อยากจะดูว่าพระเก่า ๆ จริง ๆ  ที่มีอายุเกือบ ๆ  100  ปี  จะมีลักษณะอย่างไร  ก็ดูได้

        จะเป็นพระแท้หรือพระไม่แท้    เมื่ออายุผ่านไปนาน ๆ   อะไร ๆ มันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปแน่นอน

         ไม่พูดถึงพิมพ์   พูดถึงเนื้อก่อน

    ข้างหน้า   ผิวพระมองด้วยตาจะออกคล้ำ ๆ เป็นสีเทา ส่องดูจะมีเนื้อสีขาวอมเหลือง   ในจุดที่ผิวพระหลุดลอก
เช่นที่แขนขวา   หรือที่ปลายของเส้นฐานรองนั่ง  ก็จะเห็นเนื้อพระที่ละเอียดอ่อน  มีสีแตกต่างออกไป
ที่มุมด้านบนติดกับกรอบล้อมองค์พระ   จะมีรอยผิวที่ตกตะกอนยับย่นอยู่เป็นหย่อม ๆ

    ด้านหลัง  ไม่มีแตกลายงา  จะมีเพียงบาง ๆ ในเนื้อ  สีดำ ๆ ที่เห็นเป็นหย่อม ๆ  
น่าจะเป็นรักเก่า  ขัดล้างไม่ออก  ซึ่งจะมีทาไว้ทั้งองค์  และติดแน่นอยู่ในรอยยุบรอยแยกหลังจากขัดแล้ว
จึงทำให้พระองค์นี้ไม่ขาวนวล  ออกไปทางเทา ๆ

       ด้านบนสุดทางขวามือจะเห็นรอยกาบหมาก  ต่ำลงมาทางด้านซ้ายมือ  จะเห็นรอย
เนื้อแตก  ยุบ  มองเห็นเป็นชั้น ๆ  มีเนื้อยุบและแยกที่มองเห็นเป็นสีดำ ๆ ทั่วแผ่นหลัง  จุดสีดำ ๆ เล็กบ้าง
ใหญ่บ้างที่กระจายอยู่กลางองค์พระ จะเป็นลักษณะของเนื้อพระอีกแบบหนึ่ง ที่แตกต่างจากเนื้อพระสีขาว
อมเหลืองที่เป็นส่วนประกอบหลักของเนื้อพระ  จุดสีดำ ๆ นี้  เมื่อตะแคงส่องให้กระทบกับแสงไฟ  จะมี
ประกายแสงสีเงินยวงผุดพราวขึ้นทุกจุด  พลิกตะแคงดูไปมาจะเห็นแสงสว่างนวลเต็มพรืดบนหลังพระ
สวยงามมากทีเดียว

    สิ่งที่แปลกอีกอย่าง  จะมีเนื้อพระยุบเป็นหลุมอยู่ที่ด้านหลังทางด้านขวามือ  ติดกับขอบ 1  หลุม  และ
ที่ขอบข้างอีก 2  หลุม  สิ่งที่อยู่ข้างในจะเป็นสีเหมือนดอกพิกุลแห้ง  จะเป็นกลีบดอกไม้หรือจะเป็นเศษ
เหล็กที่เป็นสนิม   มองไม่ชัด  แต่สังเกตดูดี ๆ แล้ว  ในหลุมยุบด้านหลังนั้นน่าจะเป็นเศษชิ้นส่วนของดิน
ที่แตกหักจากพระเครื่อง  ซึ่งนัยว่าเป็นเศษพระซุ้มกอ  ฝังตัวแน่นเป็นหลุมอยู่

   ส่วนมวลสารก็จะเม็ดแดง เม็ดดำ  เม็ดขาว  กระจายกันประปรายไม่หนาแน่น  โดยเฉพาะที่เป็นเม็ดแดง ๆ
เล็ก ๆ    ที่ส่องด้วยกล้องขยายสิบเท่าพอมองเห็นได้  กระจายอยู่ทั่วไปทั้งหน้าหลัง

ส่วนเรื่องพิมพ์

     มองก็รู้ผิดพิมพ์ วงแขนที่โค้งแปลก ๆ  ไม่เหมือนของชาวบ้านเขา  แต่หลัง ๆ นี  เขาบอกกันว่าพิมพ์พระสมเด็จมี
เป็นร้อย ๆ  พิมพ์  แต่ที่เซียนพระเขานิยมเล่นกัน  เป็นพิมพ์นิยมที่มีพระสวย ๆ  เขาจึงตั้งราคาแพง ๆ  แต่จริง ๆ  แล้วมีพระ
อีกมากมายหลายพิมพ์ที่เป็นพระแท้  แต่เขาไม่เล่นกัน  แล้วเขาตีตกเป็นพระปลอมไปหมด  ก็น่าคิดนะ    ถ้าเป็นแบบนี้พระ
สมเด็จที่แท้จริง ๆ คงอยู่ในมือชาวบ้านอีกมาก  พระองค์นี้อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้

    นี่คือข้อมูลคร่าว ๆ จากสมเด็จองค์นี้  ลงให้ดูว่าเป็นพระที่ขำ..ขำ  ก็แค่นั้น

numchai42:


    พระสมเด็จนี่ดูเหมือนจะเป็นพระที่มีปัญหามากจริง ๆ  การพิสูจน์พระจริงพระแท้   พระเก่าพระใหม่
หรือกระทั่งจำนวนที่สร้าง  ก็ไปกันคนละทิศละทาง  วงการก็แตกแยกเป็นสองฝ่ายสามฝ่าย  ไม่มีใคร
ยอมใคร  ของตนต้องเป็นพระแท้  ฝ่ายตรงข้ามต้องเป็นพระปลอม  

    นี่แหละคือเรื่องขำจริง ๆ   ในวงการพระสมเด็จ

    พระเครื่อง  จริง ๆ  แล้วก็แค่เรื่องขำ...ขำ

    นิยายเรื่องพระสมเด็จจึงผุดขึ้นมากมายหลายเรื่อง    แม้จนถึงปัจจุบนคนเขียนนิยายก็ผลิตกันขึ้นมา
ไม่หยุดหย่อน  จากนิยายเรื่องยายขำลากยาวมาจนถึงชื่อแปลก ๆ ใหม่ ๆ  ในปัจจุบัน

    จุดของปัญหามันมาจากการตลาด  การซื้อขาย  ตลอดจนถึงการปลุกปั่นราคาพระ  ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้
โลกของพระสมเด็จก็คงจะเงียบสงบ......เพราะพระพูดไม่ได้

    นึกกันแบบขำ ๆ   นิยายเรื่องยายขำนี่น่าจะมีจริงไหม  สมเด็จโตท่านทำพระแจก  ไม่ได้ขาย  ธุรกิจ
ขายพระสมัยนั้นเกิดขึ้นแล้วยัง  ต้องลองย้อนไปดู  จะเห็นว่าคนสมัยก่อนนิยมเล่นพระด้วยการแลกเปลี่ยน
กัน  ไม่มีการซื้อขายกัน  พระขายไม่ได้  ไม่มีแผงพระ  ไม่มีตลาดพระ  แล้วยายขำจะทำพระปลอมขึ้น
เพื่ออะไร  ทำเอาไว้แจกแข่งกับสมเด็จงั้นหรือ  แต่ถ้าธุรกิจขายพระเกิดขึ้นแล้ว  การบูมของพระสมเด็จ
เกิดขี้นแล้ว  การทำพระปลอมของยายขำก็สมเหตุสมผล

    แล้วอย่าลืมดูสภาพชุมชน   จำนวนประชากร  สภาพการคมนาคม สภาพเศรษฐกิจ  ในกรุงเทพ
สมัยนั้นประกอบด้วย

    ไม่ยืนยันว่าแนวคิดนี้จะถูก  ก็คงต้องใช้คำพูดที่หลายคนชอบพูด  "แล้วคุณเกิดทันหรือ"  ก็ถือ
ว่าเป็นการวิจารณ์นิยายเรื่องยายขำก็แล้วกัน

     ไปสืบเสาะกันให้ได้ว่า  ธุรกิจค้าขายพระเกิดขึ้นเมื่อไร  การบูมพระสมเด็จให้ดัง  เริ่่มขึ้นมาตั้งแต่
เมื่อไร  แล้วจะรู้เองว่าการผลิตพระปลอม  เริ่มขึ้นก่อนธุรกิจขายพระ  หรือหลังธุรกิจขายพระ

     ก็แค่ขำ..ขำเท่านั้น    อย่าเป็นจริงเป็นจังกับมัน

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค "เว็บมหาชน คนมหาโชค"
 
คติ "กินอยู่อย่างพอเพียง เสี่ยงโชคแต่พอควร"
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย
คำเตือน -ทางเว็บไม่ได้ทราบเป็นการล่วงหน้าว่าหวยทางกองสลากจะออกตัวไหน แต่เราใช้การวิเคราะห์หรือประเมินตามหลักสถิติ
หรือวิธีการอื่นว่า เลขที่มีโอกาสออกมากที่สุดในแต่ละงวดควรจะเป็นเลขอะไรเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ การเล่นหวยถือว่ามีความเสียงมาก
กฎระเบียบข้อบังคับ | Subscribe in a reader