อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน
29 มีนาคม 2024, 04:19:37 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ผลงานห้อง VIP (งวด 16 มี.ค.67)
อ.apichoke ปักหลักสิบหน่วย เข้า 2-6
อ.janya ถูกตรงเลขท้ายย๒ตัว 78
อ.goodrich ถูกตัวกลับเลขท้ายย๒ตัว 87
อ.พริม ฟันธงชุดเดียว ถูกตรงๆ เลขท้าย๒ตัว 78

ออก 626-78
   หน้าแรก   หวยรัฐบาล SUPER VIP หนังสือหวย VIP สมัคร vip ช่วยเหลือ แท็ก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก Register  
ฝากภาพ i-pic
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้  (อ่าน 8653 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
พุดจีบน้องคุณยายพุดซ้อน
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 14872
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12,213


« เมื่อ: 14 เมษายน 2012, 13:19:41 »


สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้(ฉินสื่อหวงปิงหมาหย่ง แปลว่า หุ่นทหารและม้าของจิ๋นซีฮ่องเต้)คือมหาสุสานของจักรพรรดิจีน จิ๋นซีฮ่องเต้(ฉินสื่อหวงตี้)แห่งราชวงศ์ฉินตั้งอยู่ที่ตำบลหลินถงห่างจากเมืองซีอานมณฑลฉ่านซีประเทศจีน สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ได้ค้นพบโดยบังเอิญเมื่อ29มีนาคม พ.ศ.2517โดยชาวนาในหมู่บ้านซีหยาง ชื่อ หยางจื้อฟาในขณะที่ขุดดินเพื่อทำบ่อน้ำ บริเวณเชิงเขาหลีซาน ห่างจากตัวเมืองซีอาน ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 35 กม.โดยในระหว่างที่ขุดนั้น ก็บังเอิญพบกับซากของทหารดินเผาที่ทราบภายหลังว่ามีอายุมากกว่า2,000ปีปัจจุบันรัฐบาลจีนขุดค้นพบวัตถุโบราณที่เป็นกองทัพทหารดินเผาสรรพาวุธรถม้าและม้าศึกจำนวนทั้งสิ้นกว่า7,400ชิ้นภายในบริเวณพื้นที่หลุมสุสานกว่า25,000ตร.ม.มีการคาดคะเนว่าอาณาเขตของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้จะมีพื้นที่มากกว่า2,180ตร.กม.สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ.2530
 
สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้เริ่มก่อสร้างในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ38ปีตั้งแต่ปี246-208ก่อนคริสตกาลซึ่งอาณาเขตพื้นที่ของสุสานรวมทั้งสิ้น2,180ตร.กม.แบ่งออกเป็นพระราชฐานชั้นในและพระราชฐานชั้นนอกภายในสุสานใช้บรรจุพระบรมศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ทรัพย์สมบัติต่างๆ ตลอดจนกองกำลังทหารนางสนมและนางกำนัลรถม้าและขุนพลทหาร จำนวนมากเพื่อเป็นตัวแทนของข้าราชบริพารในการร่วมเดินทางไปยังปรโลกของจิ๋นซีฮ่องเต้
 
โครงสร้างและสถาปัตยกรรมโดยรวมของสุสานมีพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความลึกเฉลี่ย35เมตรกว้าง145เมตรและยาว170เมตรสำหรับห้องบรรจุพระบรมศพอยู่จุดกึ่งกลางของสุสานมีความสูง15เมตรมีขนาดพื้นที่และความใหญ่โตมโหฬารราวกับสนามฟุตบอลสำหรับภายในในส่วนที่ก่อสร้างจากหินนั้นยังคงได้รับการปิดผนึกอย่างดีโดยคงสภาพเดิมเอาไว้และไม่เคยผ่านการขุดและรื้อทำลายมาก่อนโดยโครงสร้างของสุสานดังกล่าวมีรูปแบบโครงสร้างและการจัดสร้างที่มีความสลับซับซ้อนขนาดของสุสานมีขนาดมหึมายิ่งใหญ่สมพระเกียรติของจักรพรรดิจีนผู้รวบรวมประเทศจีนให้เป็นปึกแผ่น
บันทึกการเข้า

พุดจีบน้องคุณยายพุดซ้อน
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 14872
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12,213


« ตอบ #1 เมื่อ: 14 เมษายน 2012, 13:21:24 »

ประวัติการค้นพบสุสานเมืองซีอานเป็นนครแห่งวัฒนธรรมอันมีชื่อเสียงลือเลื่องทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนในประวัติศาสตร์เคยเป็นเมืองหลวงและราชธานีของราชวงศ์จีนรวมกว่า 10 ราชวงศ์เป็นระยะเวลากว่าพันปีเคยเป็นแหล่งการต่อสู้ของชาวนาในหลายครั้งในการก่อตั้งอำนาจรัฐปัจจุบันเมืองซีอานยังคงหลงเหลือร่องรอยของโบราณสถาน และโบราณวัตถุให้พบเห็นได้ทั่วไปและในปี พ.ศ.2517ได้มีการขุดพบหลุมฝังรูปปั้นดินเผารูปปั้นทหารและม้าในสมัยราชวงศ์ฉินขนาดใหญ่ภายในหมู่บ้านซีหยางเชิงเขาหลีซานในอำเภอหลินถง ทางทิศตะวันออกของเมืองซีอาน


การขุดค้นพบทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีนและยิ่งใหญ่ที่สุดสิ่งหนึ่งของโลกในศตวรรษที่20และตราบจนทุกวันนี้ทางการรัฐบาลจีนถือว่าสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ยังรอการขุดค้นนั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณชิ้นที่8กองทัพทหารดินเผาภายในสุสานและรถม้าสมัยราชวงศ์ฉินจำนวนมากมีขนาดใหญ่โตมโหฬารซุกซ่อนอยู่ภายใต้พื้นดินตามบันทึกในประวัติศาสตร์จีนถูกขุดพบโดยบังเอิญจากชาวนาตระกูลหยางจำนวน7คนในหมู่บ้านซีหยาง เมืองหลินถงในต้นของฤดูใบไม้ผลิในปี พ.ศ.2517ที่ขุดดินเพื่อหาบ่อน้ำไว้ใช้สำหรับเพาะปลูกในฤดูหนาวที่จะมาถึงภายในหมู่บ้านในวันที่5ของการขุดดินเพื่อหาบ่อน้ำเมื่อขุดลึกลงไปประมาณ4เมตรก็พบกับวัตถุที่ทำด้วยดินเผาที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับเหยือกสำหรับใส่น้ำจึงค่อยๆขุดดินอย่างระมัดระวังและเมื่อยิ่งขุดลึกลงไปก็พบกองทัพทหารดินเผาในชุดเกราะคันธนูและลูกธนูทองเหลืองจำนวนหนึ่ง
 
หลังการขุดพบโดยบังเอิญ ชาวนาตระกูลหยางได้จุดธูปกราบไว้เพื่อขอขมาเนื่องจากเข้าใจว่าเป็นวัดหรือโบราณวัตถุหลังจากนั้นอีก2เดือนเจ้าหน้าที่ของทางการที่รับผิดชอบในการขุดหาแหล่งน้ำของจีนได้เข้ามาตรวจสอบความคืบหน้าของการขุดหาแหล่งน้ำของชาวบ้านก็ได้พบกับสิ่งที่ชาวนาตระกูลหยางค้นพบ และสังเกตเห็นถึงลักษณะของอิฐและรูปปั้นดินเผาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับที่สุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้ จึงได้รายงานไปยังทางการของมณฑลฉ่านซี หลังจากนั้นทางรัฐบาลจีนได้เริ่มทำการขุดค้นหาอย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2519เป็นต้นมาผลของการขุดค้นพบรูปปั้นกองทัพทหารและรถม้าดินเผามากกว่า8,000ตัวและรถม้าไม้มากกว่า100คัน ในจำนวนหลุมภายในสุสานที่ขุดพบมีอาณาเขตพื้นที่รวมกันถึงกว่า20,000ตร.ม.
 
ต่อมา เจ้าคังหมินเจ้าหน้าที่ฝ่ายวัฒนธรรมประจำอำเภอหลินถงได้ไปตรวจสอบยังบริเวณพื้นที่ที่ชาวนาตระกูลหยางค้นพบ เพื่อทำการกว้านซื้อซากโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าที่ถูกขุดพบ และได้นำออกไปจำหน่ายก่อนหน้านี้ได้ 3 คันรถเพื่อนำกลับไปยังห้องวิจัยเพื่อทำการศึกษาและต่อมาในต้นเดือนพฤษภาคม เจ้าคังหมินได้จำกัดพื้นที่ในบริเวณอาณาเขตที่ขุดพบจำนวน120 ตร.ม. เพื่อทำการขุดหาซากของกองทัพดินเผาเพิ่มเติมรัฐบาลจีนได้เข้ามามีบทบาทในการขุดหาเพิ่มเติมของกองทัพทหารดินเผาซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ ลิ่นอันเหวิ่นนักข่าวหนังสือพิมพ์ซินหัวได้เดินทางกลับไปเยี่ยมญาติที่อำเภอหลินถงและพบกับสิ่งที่ชาวนาและเจ้าหน้าที่ขุดพบเมื่อกลับสู่ปักกิ่งได้นำเรื่องกองทัพทหารดินเผาตีพิมพ์ลงในคอลัมน์"ชุมนุมเหตุการณ์"ในหนังสือพิมพ์เหรินหมินยื่อเป้า
 
ต้นเดือนกรกฎาคมรองนายกรัฐมนตรีหลี่เซียนเนี่ยนได้มีคำสั่งให้กองโบราณคดีและกรรมการมณฑลฉ่านซีของจีนร่วมกันหามาตรการในการอนุรักษ์โบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์ของจีนนี้และในวันที่15กรกฎาคม พ.ศ.2517หยวนจงอี้ เจ้าคังหมินได้นำทีมนักโบราณคดีเดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านซีหยางอีกครั้ง เพื่อทำการตรวจสอบและขุดค้นเพิ่มเติมจนถึงปัจจุบัน วันที่1ตุลาคม พ.ศ.2522กองทัพทหารดินเผาภายใต้มหาสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมอย่างเป็นทางการและในเดือนธันวาคม พ.ศ.2530 องค์การยูเนสโกได้ลงมติให้สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
 
ภายในสุสานประกอบไปด้วยหลุมทหารรูปปั้นดินเผาจำนวนมากขุดพบแล้วจำนวน3หลุมจากทั้งหมด8หลุมซึ่งสรุปโดยรวมวัตถุโบราณทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบทั้งที่เป็นหุ่นทหารดินเผาสรรพาวุธรถม้าและม้าศึกที่ใช้ในการสงครามมีจำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า7,400ชิ้นในหลุมสุสานที่มีอาณาเขตพื้นที่กว่า25,000ตร.ม.
 
จิ๋นซีฮ่องเต้
จากหลักฐานบันทึกทางประวัติศาสตร์ประมาณการกันว่าในช่วง10ปีแรกของการรวมแผ่นดินจีนขึ้นเป็นหนึ่งเดียวทางราชวงศ์ฉินโดยจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เกณฑ์แรงงานจากทาสและชาวบ้านกว่า5แสนคนเพื่อไปก่อสร้างกำแพงเมืองจีนจากด่านหลินเตาในภาคตะวันตกไปยาวจรดด่านซานไห่กวนชายทะเลด้านฝั่งตะวันออกสุดเพื่อป้องกันการรุกรานของชนเผ่าซงหนูเผ่ามองโกลทางตอนเหนือกำแพงเมืองจีนที่ก่อสร้างโดยจิ๋นซีฮ่องเต้ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตมโหฬารที่สุดที่ได้สร้างขึ้นบนแผ่นดินจีนโดยฝีมือมนุษย์และนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์1ใน7ของโลกในยุคกลางที่ได้มีการสร้างต่อๆกันมาจนถึงราชวงศ์หมิง
 
จิ๋นซีฮ่องเต้ได้เกณฑ์แรงงานที่เป็นทาสและชาวนาอีกกว่า 5 แสนคน ลงไปประจำการในเขตภูเขาทางตอนใต้ของจีน เพื่อป้องกันการรุกรานของชนกลุ่มน้อย และอีก 3 แสนคน ขึ้นไปประจำการในเขตทะเลทรายโกบีทางตอนเหนือของจีน เพื่อป้องกันการรุกรานของพวก ฮั่นฉยุงหนู และที่สำคัญที่สุดคือการที่ทรงเกณฑ์แรงงานอีกกว่า 7 แสนคน เพื่อมาก่อสร้างพระราชวังเออผังกงและสร้างสุสานรวมถึงการสร้างเหล่ากองทัพทหารดินเผา และกองทัพม้า
 
จากตัวเลขที่ประมาณการข้างต้น จะเห็นว่าจิ๋นซีฮ่องเต้ได้ใช้แรงงานประชาชนถึงกว่า2ล้านคนคือร้อยละ10ของประชากรจีนในยุคสมัยนั้น เพื่อมาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างอันใหญ่โตมโหฬารซึ่งเป็นการยากที่จะชี้แจงให้ประชาชนทั่วไปในยุคนั้นเข้าใจถึงเหตุผลของพระองค์และแรงงานที่ได้เกณฑ์มาก่อสร้างสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นชายหนุ่มในวัยฉกรรจ์ที่เป็นกำลังสำคัญของแต่ละครอบครัวพวกชาวนาที่อาศัยอยู่ในถิ่นฐานเดิมถูกพระองค์รีดเก็บภาษี เพื่อนำรายได้เข้าสู่รัฐฉินเป็นทุนในการสร้างสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายของจิ๋นซีฮ่องเต้
บันทึกการเข้า
พุดจีบน้องคุณยายพุดซ้อน
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 14872
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12,213


« ตอบ #2 เมื่อ: 14 เมษายน 2012, 13:22:43 »


กำเนิดสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ทรงสร้างสุสานกองทัพทหารดินเผาขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บพระบรมศพของพระองค์เองแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการและสถาปัตยกรรมโบราณของจีนและศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์จักรพรรดิจีนทุกพระองค์ในประวัติศาสตร์จะมีความใฝ่ฝันสูงสุดอยู่ 2 ประการคือ
1. ยาอายุวัฒนะ ถ้าหากพระองค์ยังเสาะแสวงหาไม่ได้ สิ่งที่พระองค์จะต้องทำก็คือ
2. การสร้างมหาสุสานขนาดอันใหญ่โตมโหฬาร เพื่อเป็นที่ประทับชั่วกาลนาน
ชาวจีนในสมัยโบราณมีความเชื่อว่ามนุษย์นั้นมี 2วิญญาณ วิญญาณแรกคือ โป ซึ่งจะมาพร้อมกับการเกิดของทารกอีกวิญญาณหนึ่งเรียกว่า ฮั่น เป็นวิญญาณที่สวรรค์ส่งมารวมกับวิญญาณแรกพร้อมกันตั้งแต่เกิดและเมื่อเจ้าของร่างตายลงวิญญาณแรกหรือโปจะคงอยู่ในร่างนั้นส่วนฮั่นจะออกจากร่างกลับคืนสู่สวรรค์ไปถ้าผู้ตายไม่ได้รับการฝังอย่างถูกต้องตามประเพณี โปจะอยู่อย่างไม่มีความสุขเที่ยวเร่ร่อนกลายเป็น กุย หรือปีศาจอันชั่วร้ายชาวจีนทุกคนจึงต้องได้รับการฝังอย่างถูกต้องตามประเพณีเมื่อถึงแก่กรรมโดยจะถูกบรรจุร่างไว้ภายในสุสานตามฐานะของผู้ตาย
 
นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงโปรดฯให้สร้างสุสานของพระองค์ทันทีตามโบราณราชประเพณีและอีกสิ่งหนึ่งที่พระองค์ทรงใส่พระทัยเป็นพิเศษก็คือทรงมีพระราชบัญชาให้นักพรตสีฝู่นำตัวเด็กหญิงและเด็กชายพรหมจรรย์นับพันคนลงเรือเดินทะเลเดินทางไปทางตะวันออกเพื่อแสวงหาเกาะเผิงไหลเกาะฟางเจ้าและเกาะอิ๋งโจวทรงเชื่อว่าเป็นดินแดนหวงห้ามของมนุษย์เนื่องจากเป็นที่พำนักของเซียนที่จะมอบยาอายุวัฒนะให้พระองค์ทรงมีชีวิตเป็นอมตะแต่ทว่าตลอดพระชนมชีพของพระองค์ข่าวคราวและชะตากรรมของคณะเดินทางที่พระองค์ทรงมอบหมายภารกิจเสี่ยงตายให้นั้นไม่เคยได้ยินถึงพระกรรณของพระองค์เลยแม้แต่น้อย
 
หลังทรงขึ้นครองราชย์ในปี247ก่อนคริสตกาลจิ๋นซีฮ่องเต้ก็เริ่มสร้างสุสานของพระองค์แล้วจนถึงในปี210ก่อนคริสตกาลเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ลง งานสร้างมหาสุสานก็ยังไม่แล้วเสร็จจนมาเสร็จสมบูรณ์ในปีที่2ของรัชสมัยฉินเอ้อซื่อผู้เป็นบุตรชาย(ปี208ก่อนคริสตกาล)รวมระยะเวลาในการก่อสร้างถึง38ปีและได้เรียกชื่อสุสานนี้ว่าหลีซานหยวนหรืออุทยานแห่งเขาหลีซานใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างสุสานตั้งแต่ปี246-208ก่อนปีคริสต์ศักราช เพราะมีความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายของพระองค์ทรงสร้างหุ่นกองทัพทหารดินเผาจำนวนมากรวมทั้งรถม้าและม้าศึกเพื่อให้ทั้งหมดนี้ติดตามไปรับใช้และอารักขาพระองค์ในปรโลก
 
และเนื่องด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ทำให้หุ่นทหารดินเผาม้าศึกและรถม้าจำนวนมากที่ถูกฝังอยู่ภายในสุสานล้วนแต่มีขนาดเท่าของจริงทุกประการรวมทั้งรายละเอียดต่างๆของหุ่นทหารดินเผาและการจัดทัพซึ่งเป็นการจัดตำแหน่งตามกระบวนทัพโดยแบ่งออกเป็น11แถวประกอบไปด้วย
แม่ทัพฝ่ายบู๊
แม่ทัพฝ่ายบุ๋น
พลหอก
พลดาบ (ซึ่งอาวุธในมือส่วนใหญ่คืออาวุธจริง)
สารถีประจำรถม้า
ม้าศึก
หุ่นทหารดินเผาภายในสุสานมีขนาดรูปร่างที่แตกต่างกันมีความสูงประมาณ1.8 เมตรลักษณะหน้าตากริยาท่าทางเครื่องแต่งกายไม่เหมือนกันแม้แต่ตัวเดียวรัฐบาลจีนที่รับผิดชอบในการขุดค้นสุสานประวัติศาสตร์นี้เชื่อกันว่าหลุมกองทัพดินเผาของจิ๋นซีฮ่องเต้มีด้วยกันทั้งหมด8หลุมแต่ในปัจจุบันมีการขุดค้นเพียงแค่3หลุมเท่านั้นเพราะรัฐบาลจีนยังไม่ต้องการทำการขุดค้นอย่างต่อเนื่องเพราะเกรงว่าสีของหุ่นทหารดินเผาที่ขุดพบนั้นจะหายไปในอดีตเริ่มแรกของการขุดพบกองทัพทหารดินเผาจากสุสานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นหุ่นทหารเหล่านี้มีแก้มเป็นสีชมพูสวมเครื่องแต่งกายที่มีสีสันสดใสที่ทาสีเอาไว้อย่างสวยงามโดยส่วนใหญ่จะสวมเสื้อสีชมพูกางเกงสีเขียวและฟ้าแต่ทว่าเมื่อหุ่นทหารดินเผาถูกอากาศและแสงแดดเกิดปฏิกิริยาทางเคมีทำให้สีของหุ่นทหารดินเผาลอกหายไปเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างน่าเสียดาย
 
จากการตรวจสอบขนาดของมหาสุสานนี้ในปัจจุบันพบว่าสุสานตั้งอยู่บนเนินดินที่เคยสูงประมาณ115เมตรมีขนาดคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัสเมื่อแรกสร้างคือ จากทิศเหนือไปใต้ยาวประมาณ350เมตรจากทิศตะวันออกไปตะวันตกยาวประมาณ345เมตรตัวสุสานเป็นหลุมขนาดใหญ่มีความลึกกว่า30เมตร นักโบราณคดีประเมินคร่าวๆว่าขนาดของพระราชวังสลากกินแบ่งรัฐบาลถูกสร้างขึ้นในระดับที่ลึกที่สุดของหลุมมีขนาด120x160เมตรหรือเทียบเท่าขนาดของสนามบาสเกตบอล40สนามรวมกันและจากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยยืนยันได้ว่าภายในสุสานมีสารปรอทจำนวนมากผิดปกติคือสูงกว่าระดับปกติถึงกว่า100เท่าจึงไม่ผิดกับที่ซือหม่า เสี่ยนได้บันทึกในปูมประวัติศาสตร์มากว่า2,000ปีที่แล้วว่า"ภายในมีสารปรอทไหลเวียนดุจแม่น้ำและทะเล"........
บันทึกการเข้า
พุดจีบน้องคุณยายพุดซ้อน
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 14872
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12,213


« ตอบ #3 เมื่อ: 14 เมษายน 2012, 13:27:11 »

โครงสร้างและสถาปัตยกรรม สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ตั้งอยู่ในเขตเมืองหลินถงห่างจากเมืองซีอานไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ35กม.มีทำเลที่ตั้งอยู่อิงบริเวณเขาหลีซานบริเวณด้านหน้าของสุสานหันไปทางแม่น้ำเว่ยเหอโดยเฉพาะทางทิศใต้ของเขาหลีซานอุดมไปด้วยสินแร่ทองคำส่วนทางทิศเหนือก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่หยกดังนั้นจิ๋นซีฮ่องเต้จึงทรงเลือกชัยภูมิที่มีฮวงจุ้ยอันดีเลิศนี้เพื่อเป็นสุสานสำหรับฝังพระบรมศพของพระองค์สุสานกองทัพทหารดินเผานั้นอยู่ห่างจากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ราว1.5กม.ทั้งหมดถูกฝังอยู่ภายใต้ผืนแผ่นดินจีน พร้อมกับพระบรมศพของจิ๋นซีฮ่องเต้
 
สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ที่คงหลงเหลืออยู่บนดินนั้นตามข้อสันนิษฐานของนักโบราณคดีมีความน่าเชื่อถือได้ว่าแต่เดิมมีรูปพรรณสันฐานเป็นพื้นที่หมวกสี่เหลี่ยมหัวกลับมีความสูงถึง115เมตรตั้งอยู่บนฐานกว้างราว345เมตรคูณ350เมตรจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกและทิศเหนือมายังทิศใต้ บริเวณสุสานมีการก่อสร้างเป็นกำแพงล้อม2ชั้นคือกำแพงชั้นนอกและกำแพงชั้นใน กำแพงชั้นในมีความยาวจากเหนือจรดใต้ถึง1,355เมตรและจากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตกความยาว 580 เมตรมีประตูสุสานอยู่ทางด้านทิศเหนือส่วนบริเวณกำแพงชั้นนอกมีความยาวจากเหนือจรดใต้2,165เมตรทางด้านตะวันออกจรดตะวันตกมีความยาว940เมตรมีประตูทางออกพร้อมหอคอยรักษาการณ์ทั้งสี่มุมในระหว่างกำแพงชั้นนอกกับกำแพงชั้นในมีซากปรักหักพังหลงเหลือแสดงถึงร่องรอยที่ตั้งศาลาพิธีการและจวนที่พำนักของเจ้าพนักงานเฝ้าสุสาน


จากการตรวจสอบประวัติของมหาสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้บันทึกทางประวัติศาสตร์ ระบุว่าสุสานแห่งนี้ได้จำลองเอาลักษณะของประเทศจีนทั้งหมดย่อส่วนลงจากจีนแผ่นดินใหญ่ให้กลายเป็นแผ่นดินจีนขนาดจิ๋วภายใต้พื้นดินที่มีความสูงถึง47เมตรลักษณะของสุสานเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าครอบคลุมอาณาเขตพื้นที่กว่า56ตร.กม.แต่ละส่วนแบ่งออกเป็นห้องต่างๆบริเวณกลางสุสานเชื่อกันว่าคือสถานที่สำหรับฝังพระบรมศพของจิ๋นซีฮ่องเต้และตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้บันทึกเอาไว้ว่าเพดานของสุสานนั้นมีการประดับด้วยเพชรพลอยจำนวนมากเป็นรูปท้องฟ้าในยามค่ำคืนและมีการสูบเอาปรอทมาจำลองเป็นลำธารในแม่น้ำใหญ่หรือแม่น้ำหวางเหอ
 
สภาพของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ถูกขุดค้นพบตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังคงเก็บรักษาไว้ดังเดิมในรูปและลักษณะของสุสานมูลดินทรงพีระมิดมีความสูงประมาณ70กว่าเมตรก่อสร้างบนฐานกว้างยาวประมาณ8เมตรพื้นที่บริเวณโดยรอบของสุสานถูกล้อมรั้วห้ามเข้าเนื่องจากเป็นเขตต้องห้ามที่นักโบราณคดีทำการขุดค้นจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ของจีนบริเวณพื้นที่แห่งนี้เมื่อระยะเวลาเมื่อ3,000ปีมาแล้วจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เคยเสด็จมาเลือกพื้นที่สำหรับก่อสร้างสุสานด้วยพระองค์เองตรงบริเวณเชิงเขาหลีซานซึ่งมีภูมิประเทศสวยงามอุดมไปด้วยสินแร่ทั้งแหล่งผลิตทองคำทางตอนใต้และแหล่งผลิตหยกทางตอนเหนือซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำเว่ยเหอ
 
สุสานของจักรพรรดิจีนโบราณมักจะขุดลึกลงไปสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เป็นเนินเขาทำเป็นอุโมงค์ทางเดินไปสู่ห้องเก็บพระบรมศพพร้อมกับสมบัติข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์นานาชนิด เพื่อไว้สำหรับใช้สอยหลังจากพระองค์สิ้นพระชนมชีพไปแล้วส่วนด้านบนพื้นดินเหนืออุโมงค์สุสานมีธรรมเนียมสร้างถนนแห่งวิญญาณจากทิศใต้มุ่งสู่ประตูอุโมงค์สุสานทางทิศเหนือโดยวางรูปสลักเทวดา คน สัตว์ต่างๆสองข้างทางจนถึงปากอุโมงค์ซึ่งจะจัดตั้งหลักศิลาขนาดใหญ่ไว้ให้เป็นที่สังเกต
 
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ของซื่อหม่า เสี่ยน ในสมัยราชวงศ์ฮั่น(135-145 ปีก่อนคริสตกาล)ระบุว่าจิ๋นซีฮ่องเต้ทรงเริ่มก่อสร้างสุสานทันทีที่เสด็จขึ้นครองราชย์มีทาสและชาวนาประชาชนจำนวนกว่า700,000คนถูกส่งมาใช้แรงงานก่อสร้างสุสาน โดยขุดผิวดินให้ลงไปจากชั้นดินดานถึง3ชั้นเพื่อก่อสร้างเป็นพระราชวังสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ตั้งพระศพห่อหุ้มด้วยทองแดงเป็นการจำลองแผ่นดินจีนทั้งหมดย่อส่วนเอาไว้ภายในสลากกินแบ่งรัฐบาลช่างฝีมือได้ซ่อนค่ายกลป้องกันพวกลักขโมย เมื่อเข้าใกล้บริเวณสุสานเกาทัณฑ์ก็จะพุ่งเข้าใส่ทันที

จากการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์พบว่าบริเวณพื้นดินส่วนกลางของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้มีรังสีจากสารปรอทปริมาณมากที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์สารปรอทนั้นแผ่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่1,200 ตร.ม.ซึ่งสอดคล้องกับบันทึกของซื่อหม่า เสี่ยนตอนหนึ่งที่ว่าปรอทใช้บรรจุไว้แทนทะเลและแม่น้ำเป็นเหตุให้ทางรัฐบาลจีนต้องปิดประกาศเป็นเขตหวงห้ามยกเว้นสุสานบริวาร400แห่งโดยรอบบริเวณกว่า50ตร.ม.ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีการสำรวจขุดค้นตลอดเวลา1ปีเต็มๆทำให้นักโบราณคดีพบหลักฐานต่างๆอีกมากมายจนสามารถเขียนแผนผังสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ได้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ซึ่งก็ปรากฏที่ตั้งพระบรมศพจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นเพียงจุดเล็กๆจุดหนึ่งของสุสาน

โบราณวัตถุที่ขุดภายในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ทั้งที่เป็นหุ่นทหารดินเผาสรรพาวุธ รถม้าและม้าศึกที่ใช้ในการสงครามทั้งสิ้นกว่า7,400ชิ้นในหลุมสุสาน 25,000กว่าตารางเมตรบางหลุมกองทัพทหารดินเผามีรถเทียมม้าบางหลุมมีตุ๊กตานกและสัตว์ต่างๆซึ่งสะท้อนถึงอุปนิสัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ทรงโปรดการเสด็จประพาสป่าล่าสัตว์กองทัพทหารดินเผาและเหล่าม้าศึกที่เฝ้าคอยติดตามถวายอารักขาพระองค์หลังสิ้นพระชนม์เป็นการบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของจิ๋นซีฮ่องเต้เมื่อวิญญาณโปอยู่ในร่างของพระองค์ขณะทรงมีพระชนมชีพหรือเมื่อสิ้นพระชนมชีพวิญญาณฮั่นก็จะนำเสด็จขึ้นสู่สรวงสวรรค์
บันทึกการเข้า
พุดจีบน้องคุณยายพุดซ้อน
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 14872
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12,213


« ตอบ #4 เมื่อ: 14 เมษายน 2012, 13:29:37 »


ตุ๊กตาทหารดินเผา
ตุ๊กตาทหารดินเผาทุกตัวจะมีตราประทับอักษรบนตัวมากกว่า80ชื่อทำให้นักโบราณคดีจีนมั่นใจว่าผู้ที่สร้างหุ่นทหารดินเผาทั้งหมดเป็นบรรดาช่างปั้นหม้อ ในสังคมสมัยฉิน ถือว่าพวกนี้เป็นพวกชั้นต่ำบางพวกเคยทำงานรับใช้ในราชสำนักช่างปั้นดินเผาในสมัยจีนโบราณที่สืบทอดวิชาความรู้จากครูหรือบรรพบุรุษ มีเอกลักษณ์งานปั้นเฉพาะตัวรับคำสั่งเกณฑ์พลจากทุกแห่งเพื่อสร้างกองทัพทหารดินเผา
 
ผู้ที่จัดวางตำแหน่งของกองทัพทหารดินเผาภายในสุสานได้วางตำแหน่งอย่างเป็นระเบียบทหารดินเผาทุกตัวอยู่ในท่าเตรียมพร้อมประกอบไปด้วยทหารดาบทหารเกาทัณฑ์ทหารหอกและรถม้าศึกโดยเลือกชัยภูมิจัดผังออกแบบค่ายเป็นรูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบด้วยกำแพงดินพูนสูงขึ้นและมีคูอยู่นอกกำแพงเมืองถนนตัดอยู่ภายในเป็นทางเดินกองทหารตัดจากทิศเหนือไปถึงทิศใต้และตะวันออกไปตะวันตกมีด่านกันไฟเป็นระยะๆตรงกลางค่ายเป็นที่ตั้งกองบัญชาการล้อมด้วยเหล่าเสนาบดีที่ปรึกษาหน่วยทหารที่เป็นหน่วยกล้าตายและองค์รักษ์ทำหน้าที่คุ้มกันจิ๋นซีฮ่องเต้การจัดวางกองทัพทหารดินเผาเป็นการยืนยันถึงภาพที่ชัดเจนของตำราพิชัยสงครามซุนวู
 
ในยุคสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้สุสานแห่งนี้เคยถูกเผาทำลายหลายครั้งโดยมีหลายข้อสันนิษฐานเช่นการปะทุของก๊าซมีเทนใต้ผิวดินหรืออาจถูกเผาจากหลังจากพิธีฝังพระบรมศพ

ทหารดินเผาที่ขุดพบได้นั้นมีลักษณะใบหน้าที่มองดูแล้วกลมเกือบคล้ายกัน บางหน้าเป็นรูปไข่บางหน้าเป็นรูปเหลี่ยมซึ่งแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเทคนิคของช่างแต่ละคนมีการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน เช่นแผนกช่างนวดดิน ช่างปั้น ช่างทำพิมพ์สำหรับอวัยวะต่างๆเช่น มือ แขน ขา ศีรษะเป็นหน้าที่ของช่างขึ้นรูปที่ทำการปั้นขึ้นรูปศีรษะเป็นรูปๆทำให้ใบหน้าแต่ละหน้าจึงไม่ซ้ำกัน ซึ่งอาจจะเป็นการจำลองจากบุคลิกของทหารจริงในเวลานั้น
 
ส่วนมากใบหน้าของกองทัพทหารดินเผามีสัณฐานสี่เหลี่ยมริมฝีปากหนาไว้หนวดเคราทรงผมนานาชนิดแล้วเอาส่วนต่างๆมาประกอบเข้ากันนำไปเผาไฟแล้วส่งต่อไปให้ช่างสีซึ่งใช้ฝุ่นสีฉูดฉาดเช่น สีแดง เขียว ฟ้า น้ำตาล เหลือง ดำ ม่วง น้ำเงินขาวมาระบายลงบนตัวทหารดินเผาแยกสีตามเหล่าทหารแต่ละกอง สำหรับการปั้นม้าจะแยกชิ้นส่วนต่างๆตามลักษณะของม้าก่อนนำมาประกอบเข้าเป็นลำตัวที่กลวง ส่วนอื่นจะทึบตันหมดแล้วจึงเข้าเตาเผาไฟที่มีความร้อนสูงระหว่าง950ถึง1,050 องศาเทคนิคงานปั้นดินเผาของจีนเริ่มมานานกว่า2,000ปีจนถึงปัจจุบันวิธีเก่าแก่นี้ก็ยังคงใช้อยู่ทั่วโลก

กองทัพทหารดินเผาทุกตัวเคยถืออาวุธจริงแต่ได้โดนยึดไปโดยพวกกบฏเป็นจำนวนมากคงหลงเหลือกว่า10,000ชิ้นอาวุธส่วนมากสร้างขึ้นจากโลหะผสมทองแดงและดีบุกรวมทั้งนิกเกิลและสังกะสีฝีมือประณีตโดยเฉพาะหัวลูกธนูจะผสมตะกั่วเท่ากับเป็นการอาบยาพิษอย่างแรงแต่ทั้งหมดได้รับการปลดออกมาเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางทหารและเทคโนโลยี
 
จากการขุดค้นพบกองทัพทหารดินเผาและม้าศึกจำนวนกว่า6,000ตัวคาดว่าเมื่อรวมกับจำนวนของทหารดินเผาที่ยังไม่ได้ขุดค้นอาจมีประติมากรรมอันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกมากถึง8,000ตัวกองทัพทหารดินเผาที่ขุดค้นพบทั้ง3หลุมนี้ในแต่ละหลุมจะแยกจากกันอย่างมีแบบแผนมีการฝังลึกลงไปจากผิวดินในระยะทางประมาณ5เมตรมีแนวกำแพงดินพูนสูงราว3เมตรแยกจากกันเป็นช่วงๆค้ำยันด้วยท่อนซุงโดยรายละเอียดต่างๆของกองทัพทหารดินเผามีดังนี้


บันทึกการเข้า
พุดจีบน้องคุณยายพุดซ้อน
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 14872
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12,213


« ตอบ #5 เมื่อ: 14 เมษายน 2012, 13:30:37 »

หลุมหมายเลข 1
หลุมหมายเลข1ที่รัฐบาลจีนทำการขุดค้นมีขนาดกว้างใหญ่ที่สุดในบรรดาหลุมทั้ง3หรือราว230เมตรจากเหนือไปใต้และกว้าง62เมตรจากตะวันออกไปตะวันตกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเนื้อที่14,260ตร.ม.มีขนาดความกว้างประมาณ197ฟุต(62เมตร)ยาว689ฟุต(230เมตร)และลึก14.8-21.3ฟุต(5เมตร)ประกอบไปด้วยกองทัพทหารติดอาวุธครบมือจำนวนมากกว่า6,000ตัวรถศึกพร้อมม้าเทียมรถศึกอีกรวม40คันแบ่งออกเป็น4เหล่าคือกองระวังหน้าปีกซ้ายปีกขวาและกองระวังหลังซึ่งจัดกองทัพทหารดินเผาออกเป็น38แถวกองทัพทหารดินเผาทุกนายภายในสุสานมีอาวุธประจำกายได้แก่ดาบ เกาทัณฑ์และหอกอยู่ในที่ตั้งตามตำแหน่งอย่างชัดเจนไม่สับสน
 
รถม้าและรถศึกกองทัพทหารดินเผาและม้าศึกที่ได้ขุดพบนั้นมีขนาดใหญ่และเล็กเหมือนกับของจริงทุกประการหุ่นดินเผาทุกตัวมีโครงหน้าสีหน้าและทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกันแม้แต่ตัวเดียวมีขนาดความสูงราว5ฟุต8นิ้วจนถึง6ฟุต5นิ้วยืนตระหง่านเรียงรายอยู่เป็นหมวดหมู่ภายในหลุมที่1ซึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้านักโบราณคดีของจีนตั้งข้อสังเกตถึงรูปแบบการจัดเรียงของกองทัพทหารดินเผาที่ขุดพบในหลุมที่1มีรูปแบบและแนวการจัดทัพตามบันทึกในตำราพิชัยสงครามซุนวูมีกองทัพทหารดินเผามากกว่า 6,000ตัว
 
หลุมหมายเลข 2
หลุมหมายเลข2เป็นรูปตัวLได้ขุดพบในปี พ.ศ.2519อยู่ห่างจากหลุมที่1ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ20เมตรในอาณาเขตพื้นที่ประมาณ 6,000ตร.ม.แบ่งออกเป็นพื้นที่ขนาด4ส่วนความกว้างจากเหนือไปใต้ราว98เมตร มีความยาวจากตะวันออกไปตะวันตกราว124ภายในหลุมมีกองทัพทหารดินเผาจำนวน4,000ตัวรถม้าไม้89คันแบ่งออกเป็น4แถวประกอบไปด้วยเหล่าขุนพลทหารม้าขุนทหารประจำรถม้าศึกซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่สวมหมวกหนังรองเท้าบูตมือข้างหนึ่งถือ ธนู ม้าศึกมีลักษณะแข็งแรงปราดเปรียว ทุกตัวถูกจัดตามลำดับแถวหลุมรูปปั้นกองทัพทหารดินเผาหลุมที่2รัฐบาลจีนทำการขุดค้นหาพบหุ่นทหารดินเผาจำนวนกว่า1,000ตัวม้าศึก500ตัวและรถม้าที่ทำจากไม้89คันเปิดให้สาธารณชนได้เข้าชมและศึกษาเกี่ยวกับโบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์ในปี พ.ศ.2538
 
หลุมหมายเลข 3
หลุมหมายเลข3เป็นรูปตัวUอยู่ห่างจากหลุมที่1ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราว25เมตรหรือ120เมตรรัฐบาลจีนขุดค้นพบในปี พ.ศ.2519ทางทิศตะวันออกของหลุมที่2มีขนาดพื้นที่ประมาณ520ตร.ม.เป็นหลุมที่เล็กที่สุดแต่มีความสำคัญที่สุดยิ่งกว่าหลุมหมายเลข1และ2เนื่องจากเป็นกองบัญชาการสูงสุดโดยกองทัพทหารดินเผาทุกตัวมีอาวุธครบมือเข้าแถวรักษาการณ์แบบเผชิญหน้ากันทางทิศเหนือกับทิศใต้ข้างละ2แถวเพื่อเป็นการคุ้มกันเหล่าแม่ทัพภายในกระโจมบัญชาการนอกจากนี้ยังพบเขากวางและกระดูกสัตว์ซึ่งใช้เป็นเครื่องรางของขลังซึ่งเข้าใจว่าเป็นเครื่องที่ใช้ในการประกอบพิธีบูชายัญในพิธีศพอีกด้วยซึ่งหลุมที่3นี้เปิดให้สาธารณชนได้เข้าชมในปี พ.ศ.2532
บันทึกการเข้า
พุดจีบน้องคุณยายพุดซ้อน
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 14872
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12,213


« ตอบ #6 เมื่อ: 14 เมษายน 2012, 13:32:13 »


ขบวนรถม้าสำริด
นอกจากการขุดพบกองทัพทหารดินเผาจำนวนมากแล้วรัฐบาลจีนยังขุดพบโลงไม้ยาว7เมตรกว้าง2.3เมตรฝังอยู่ใต้พื้นดินห่างจากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ไปทางทิศตะวันตกราว20เมตรและเมื่อนำขึ้นมาเปิดฝาโลงออกก็พบกับขบวนรถม้าสำริดจำลองของจิ๋นซีฮ่องเต้ฝีมือประณีตสวยงามใช้เทคนิคงานโลหะผสมสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นรถม้าประจำพระองค์ในภพหน้าปัจจุบันรถม้าสำริดที่ถูกขุดค้นพบจัดแสดงไว้ในอาคารอีกหลังหนึ่งในบริเวณพิพิธภัณฑ์กองทัพทหหารดินเผาประกอบด้วยรถม้าส่วนพระองค์รถเทียมม้าบุกนำทางมีองค์รักษ์ทำหน้าที่พลขับ
 
รถม้าบุกนำทางมีความยาว1.26เมตรกว้าง70เซนติเมตรกั้นร่มคลุมแทนหลังคาติดอาวุธพร้อมมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆขนาดเล็กรวมทั้งหมดราว3,064ชิ้นส่วนรถม้าส่วนพระองค์จำลองของจิ๋นซีฮ่องเต้ มีความยาว3.17เมตรกว้าง1.06เมตรรูปทรงสี่เหลี่ยมคลุมด้วยหลังคารูปไข่ชิ้นส่วนต่างๆที่ประกอบเป็นตัวรถม้าส่วนพระองค์จำลองรวม3,462ชิ้นประดับด้วยทองคำและเงินจำนวนมากกว่า1,000ชิ้นนอกจากนี้ยังมีเส้นทองแดงขดเป็นโซ่ขนาดเล็กขนาดเพียง0.05เซนติเมตรอยู่ภายใน
 
รถม้าทั้งสองคันเทียมด้วยม้าสำริดคันละ4ตัวแต่งเครื่องทรงเต็มยศองครักษ์สูง51เซนติเมตรแต่งเครื่องแบบเต็มยศเช่นกันนับเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดอีกชิ้นหนึ่งที่ได้เคยค้นพบในประเทศจีนเป็นการลบภาพความเชื่อเดิมๆที่ว่ายุคทองของเครื่องสำริดได้หมดไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงซึ่งเหล็กได้เข้ามามีบทบาทแทนที่จนถึงสมัยราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่นที่ช่างสำริดได้สูญหายไปหมดแล้วจากรูปสำริดเหล่านี้นักโบราณคดีจีนสามารถจินตนาการขบวนรถม้าส่วนพระองค์ของจริงที่จิ๋นซีฮ่องเต้ทรงใช้ประทับแรมระหว่างเสด็จประพาสตามหัวเมืองต่างๆได้อย่างง่ายดาย
 
มรดกโลกทางวัฒนธรรม
กองทัพทหารดินเผาภายในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ได้รับคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ.2530 ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์พิจารณาให้เป็นแหล่งมรดกโลกดังต่อไปนี้
(i) - เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์
(iii) - เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
(iv) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรมในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
(vi) - มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์ .......

ที่มา wechampion.com
บันทึกการเข้า
ทิว o_O !!
Full Mb3
***

พลังน้ำใจ: 204
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 167



« ตอบ #7 เมื่อ: 19 ธันวาคม 2012, 21:18:07 »

สวัสดีครับ ^_^!
ขอบคุณสำหรับสาระความรู้ที่น่าสนใจครับ


บันทึกการเข้า
แท็ก:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค "เว็บมหาชน คนมหาโชค"
 
คติ "กินอยู่อย่างพอเพียง เสี่ยงโชคแต่พอควร"
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย
คำเตือน -ทางเว็บไม่ได้ทราบเป็นการล่วงหน้าว่าหวยทางกองสลากจะออกตัวไหน แต่เราใช้การวิเคราะห์หรือประเมินตามหลักสถิติ
หรือวิธีการอื่นว่า เลขที่มีโอกาสออกมากที่สุดในแต่ละงวดควรจะเป็นเลขอะไรเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ การเล่นหวยถือว่ามีความเสียงมาก
Sitemap | Contact | WAP | xHTML | iMode | WAP 2 | RSS

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines | Sitemap
อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน ©
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.385 วินาที กับ 23 คำสั่ง
Copyright (c) 2008-2022 apichokeonline.com