อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน
27 เมษายน 2024, 18:03:40 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
"สนับสนุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น"

ผลงานห้อง VIP (งวด 16 เม.ย.67)
อ.apichoke ถูกสามตัวสลับ 589 ถูกตัวกลับเลขท้าย รว.ที่๑ 89 ถูกเลขท้าย๒ตัว 79
ถูกปักหลักสิบเต็มๆ 9 เลขเด่นวันหวยออก ถูกเด่น 5

ออก 598-79
   หน้าแรก   หวยรัฐบาล SUPER VIP หนังสือหวย VIP สมัคร vip ช่วยเหลือ แท็ก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก Register  
ฝากภาพ i-pic
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 [12] 13 14 15 16 17 18 19 20   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แล้วใครล่ะ...จะไม่รัก..  (อ่าน 829780 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #275 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2014, 09:13:04 »



"ปรัชญาองค์ราชัน

ดุจตะวันส่องทั่วไทย

'พอเพียง'เพราะพลิกใจ

สร้างสุขได้ทั้งแผ่นดิน"

ตามรอยพ่อ
<a href="http://www.youtube.com/v/IJQPQ0EDA3w?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=1&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/IJQPQ0EDA3w?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=1&amp;loop=1</a>





ที่มาของเพลงความฝันอันสูงสุด
เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕
 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ได้เสด็จฯ
ไปในงานพระราชพิธีสังเวยดวงวิญญาณอดีตมหาราช (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช)
 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ ทรงปฏิบัติเป็นประจำทุกปี
 สำหรับในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ นี้ ได้เสด็จฯ ไปที่ ต.แม่อาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
อันเป็นสถานที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้เสด็จฯ
มาตั้งค่ายพักแรม ณ ที่นี้ก่อนยกทัพเข้าไปตีเมือง
ซึ่งยังปรากฏร่องรอยรั้วป้อมค่ายต่างๆ อยู่ และในปัจจุบันนี้
รัฐบาลได้สร้างอนุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จนเรศวรมหาราชทรงช้างต้น
 และได้จำลองค่ายที่ประทับแรมจินตนาการ และร่องรอยที่ปรากฏอยู่ตามสภาพจริง

หลังจากเสร็จพระราชพิธี เมื่อ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๕ แล้วเสด็จฯ
กลับประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ในคืนนั้น
 ก่อนรุ่งสว่าง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงสุบินนิมิตว่า

" สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสด็จฯ
มาปรากฏพระองค์ขึ้น ที่หน้าพระแท่นบรรทม ในพระสุบินนิมิต
 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้กราบถวายบังคม
 โดยที่ทรงทราบจาก พระวรกายและฉลองพระองค์ทรงเครื่องอ อกศึกว่า
 คือ องค์พระนเรศวรมหาราช และได้มีกระแสพระดำรัส
แก่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า พระองค์ท่านปัจจุบันนี้
ดวงพระวิญญาณยังอยู่ในประเทศไทย เพราะทรงเป็นห่วงบ้านเมือง
 ประชาชนคนไทย ยังไม่ได้ไปประสูติใหม่ ณ ที่ใดเลย
 และที่มาปรากฏในสุบินนิมิตนี้ ก็เพื่อจะทรงเตือนว่า
 ในอนาคตต่อจากนี้ไป บ้านเมืองไทยจะประสบกับความวุ่นวายยุ่งยาก
 และความมืดมนยิ่งขึ้น อย่างน่ากลัวอันตราย
เหมือนกับที่เกิดขึ้นในสมัยพระองค์ ท่าน (อนาคตนั้นก็น่าจะเป็น สมัยปัจจุบันนี้เอง )
 ขอให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นกำลังพระทัยถวาย
 แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน เพื่อที่จะได้ทรงนำประชาชน
 และชาติไทยฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง ให้ผ่านพ้นไปได้
และพระองค์ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน
จักเป็นผู้นำให้ชาติไทยและประชาชนชาวไทย
ผ่านพ้นห้วงวิกฤตินี้อย่างแน่นอน และพระองค์ท่านจะเสด็จฯ
 ติดตามช่วยเหลืออยู่ตลอดไป และขอให้ทั้งสองพระองค์
ได้ทรงให้กำลังใจแก่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ ที่เขาเหล่านั้น
ไม่มีโอกาสเข้าใกล้ถวายงานโดยใกล้ชิด
แต่เป็นประชาชนที่ยึดมั่นในพระองค์ท่าน
 โดยไม่เคยแสดงตัวออกมาให้ปรากฏ
 เหมือนกับการทำบุญปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
 และเขาเหล่านั้นพร้อมที่จะถวายชีวิต เพื่อพระองค์ท่านและชาติไทย
จึงทรงขอให้รวบรวมชาวไทยผู้รักชาติเหล่านั้น
และสนับสนุนให้เขาได้มีกำลังใจเพื่อรักษาชาติบ้านเมืองไว้"

ในพระสุบินนิมิตนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถตรัสว่า
 พระองค์ทรงสะดุ้งพระองค์ตื่นจากที่บรรทม และทรงประทับนั่งก็ยังทรงทอดพระเนตรเห็น
 องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชปรากฏอยู่
จึงทรงปลุกพระบรรทมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปรากฏให้ทั้งสองพระองค์ทอดพระเนตรเห็นชั่วครู่
 ก็เสด็จฯ ไป เมื่อทั้งสองพระองค์ได้ทรงถวายบังคมแล้ว

และจากพระสุบินนี้เอง ทั้งสองพระองค์จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์
 เพลงความฝันอันสูงสุดนี้ขึ้น และได้พิมพ์เพลงพระราชนิพนธ์นี้
พระราชทานแก่ ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่ออกปฏิบัติหน้าที่
 ป้องกันอธิปไตยของชาติโดยทั่วหน้า และได้โปรดเกล้าฯ
ให้คุณทนงศักดิ์ ภักดีเทวา และคุณจินตนา สุขสถิตย์ ร้องเพลงนี้
สอนให้แก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือน
 เป็นครั้งแรกที่ตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วประเทศในเวลาต่อมา.....

สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นวีรกษัตริย์นักรบของชนชาติไทย
 ทรงตรากตรำอยู่ในป่าในเขา กลางศึกสงครามแทนปราสาทราชวัง
 เพื่อรักษาผืนแผ่นดินไทยเอาไว้ให้เราทุกคน
แม้นเสด็จสวรรคตก็เสด็จสวรรคตท่ามกลางป่า ใ
นระหว่างการศึก สมควรที่เราคนไทยจะรักและเทิดทูนพระองค์ไว้ตลอดไป
 และกระทำดีรักษาประเทศชาติบ้านเมืองไว้
 นี่คือคำกลอนที่พระองค์ดำทรงพระราชนิพนธ์
ขึ้นก่อนเสด็จสวรรคตที่เมืองหาง ประเทศพม่า

จักปกป้องขอบขัณฑสีมา พระสยามเทวาบัญชาไว้
 ไทยจะต้องคงนามความเป็นไทย ไม่มีใครวิญญาณกูจะสู้เอง


เพลงความฝันอันสูงสุด

ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทนง

จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา


ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป

นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน


โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทยฯ




คู่พระบารมี...จักรีบรมราชวงศ์

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 พฤศจิกายน 2016, 16:52:53 โดย FIRE » บันทึกการเข้า

FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #276 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2014, 09:17:06 »

ทราบแล้ว คลิปที่มาของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ทรงลงสรงน้ำ มาจากความหลังเมื่อ 58 ปีที่แล้ว โดยมี “ราชินี” อยู่เคียงข้าง (มีคลิป)
คลิกอ่าน
http://welovethaiking.com/blog/%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7-%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%83/

<a href="http://www.youtube.com/v/hhIB1S_sPMI?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/hhIB1S_sPMI?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>

หาดูยาก ในหลวง ทรงพูดคุยกับพสกนิกรชาวไทย แบบใกล้ชิด


<a href="http://www.youtube.com/v/0GcZgz-iEXs?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/0GcZgz-iEXs?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 พฤศจิกายน 2016, 17:00:27 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #277 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2014, 12:46:10 »




ประมวลภาพฉลองพระองค์สุดงดงาม ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ กว่า 70 ปีที่ผ่านมา รวมกว่า 500 ภาพ


คลิกชมที่ลิงค์
http://welovethaiking.com/blog/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B8/


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 พฤศจิกายน 2016, 17:02:32 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #278 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2014, 12:49:02 »




คลิป..พระสุรเสียงอ่อนโยน “ในหลวง ร.9” กล่าวอำลาประชาชน

คลิกเข้าชม
http://welovethaiking.com/blog/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%99/

<a href="http://www.youtube.com/v/2Dp3PuB9QwQ?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/2Dp3PuB9QwQ?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>



  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 พฤศจิกายน 2016, 17:05:35 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #279 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2014, 13:01:31 »



คลิปหาดูยาก พระสุรเสียงตรัส ว่า “เราก็เป็นคนจน” เมื่อครั้งในหลวงตรัสถึงข้าวกล้อง


<a href="http://www.youtube.com/v/D44Ut5PiDXQ?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/D44Ut5PiDXQ?version=2&amp;amp;hl=th_TH&amp;amp;color3=00FFFF&amp;amp;&amp;aborder=&amp;autoplay=&amp;loop=1</a>

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 พฤศจิกายน 2016, 17:08:20 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #280 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2014, 13:21:17 »




"ทุกวันนี้คนทั่วไปนิยมยินดีอย่างมาก
 ในความคิดและการกระทำโดยอิสระเสรี เด็กก็ได้รับการส่งเสริม
 และสั่งสอนให้ทำให้คิดอย่างอิสระ การมีเสรีภาพนั้นเป็นของดีอย่างยิ่ง
 แต่เมื่อจำใช้จำเป็นจะต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
 และความรับผิดชอบ มิให้ล่วงละเมิดเสรีภาพของผู้อื่นที่เขาก็มีอยู่เท่าเทียมกัน
ทั้งมิให้กระทบกระเทือนถึงสวัสดิภาพและความเป็นปกติสุขของส่วนรวมด้วย
 มิฉะนั้นจะทำให้มีความยุ่งยาก จะทำให้สังคม
 และชาติประเทศต้องแตกสลายโดยสิ้นเชิง"
พระบรมราโชวาทวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๑๔





พ่อคือพระ คือครู คือผู้ให้
คือแรงใจ ให้เรา ไม่หวังผล
พ่อให้รัก ให้กำเนิด เกิดเป็นคน
จะยากดี มีจน ขอเกิดเป็นลูกพ่อตลอดไป




ชาติบ้านเมือง คือ ชีวิต เลือดเนื้อ และสมบัติของเราทุกคน และการดำรงรักษาชาติประเทศนั้น
มิใช่หน้าที่ของบุคคลผู้ใดผู้หนึ่ง โดยเฉพาะ หากแต่เป็นหน้าที่ของทุก ๆ คน








'ลูกท้อ'ต้านฝิ่น

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขับรถพระที่นั่งไปบ้านแม้ว ดอยปุย
 ใกล้พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ และได้ทอดพระเนตร'ต้นท้อ'(Peach)
 ที่แม้วเอากิ่งพันธุ์ดีมาต่อกับพันธุ์พื้นเมืองตามโครงการแต่ปีก่อน
 และมีรับสั่งถามเจ้าของว่า ปลูกฝิ่นได้เงินเท่าไหร่
และเก็บท้อพื้นเมือง(ลูกเล็ก) ขายได้กี่บาท
 ก็ทรงทราบว่าฝิ่นกับท้อพื้นเมืองทำรายได้ให้เกษตรกรเท่าๆ กัน...

"ถ้าท้อลูกนิดๆ ยังทำเงินให้เกษตรกรได้ดีเท่ากับฝิ่นแล้ว
 เราก็ควรเปลี่ยนยอดให้ออกลูกมาเป็นท้อใหญ่ๆ หวานฉ่ำ
 สีชมพูเรื่อดังแก้มสาวในนิยายจีน
 เมื่อรายได้จากท้อและผลไม้อื่นสูงกว่าฝิ่นแล้ว
 ฝิ่นก็จะสาบสูญไปเองตามธรรมชาติ ไม่ต้องใช้กำลังผลักดันแต่อย่างใด.."

คัดบางส่วนจาก 'พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและโครงการหลวง' โดย หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 พฤศจิกายน 2016, 17:10:18 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #281 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2014, 22:32:31 »







วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน 2557 เวลา 13.45 น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ
 โรงพยาบาลศิริราช ไปยังสวนสุขภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณด้านข้างท่าน้ำศิริราช
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้จัดสร้างขึ้น
เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับบุคลากรทางการแพทย์
และประชาชนทั่วไป ในโอกาสนี้ ทอดพระเนตรการปรับปรุงภูมิทัศน์สนามของสวนสุขภาพ
และเขื่อนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จากนั้น เสด็จพระราชดำเนิน
ไปทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะ
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
ณ ลานพระราชานุสาวรีย์ ฯ สมควรแก่เวลา
จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับอาคารเฉลิมพระเกียรติ เมื่อเวลา 14.15 น.

[ภาพโดยฝ่ายช่างภาพส่วนพระองค์ สำนักพระราชวัง]








  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #282 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2014, 17:21:43 »

ตามรอยพ่อ



'พ่อหลวงมีพระพักตร์แจ่มใส ทรงแย้มพระสรวล'...ภาพที่ทำให้คนไทยปลื้มปิติ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระพักตร์แจ่มใส
 เสด็จฯ สวนสุขภาพริมเจ้าพระยา ในฉลองพระองค์เชิ้ตลายสก็อตสีชมพู
 สลับน้ำเงิน เทาและขาว สนับเพลาสีดำ ซึ่งในระหว่างที่เสด็จฯ
 มีประชาชนมาเฝ้าละอองธุลีพระบาท ทรงแย้มพระสรวลให้พระพสกนิกรในพระองค์
ในขณะเดียวกันประชาชนได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระพลานามัยแข็งแรง
ต่างยกมือไหว้ท่วมหัว พร้อมกับเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ

เป็นครั้งแรกภายหลังจากที่เสด็จฯ มาประทับรักษาพระอาการประชวร
 ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อช่วงค่ำวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา
เนื่องจากทรงมีพระปรอท(ไข้)สูง และมีภาวะติดเชื้อ
ซึ่งคณะแพทย์ได้ถวายการรักษาจนมีพระอาการดีขึ้นเป็นลำดับ
 และได้เสด็จฯให้ประชาชนได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด
 สร้างความปลื้มปีติให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก (8 พ.ย.57)






"เรามีนิสัยอย่างหนึ่ง...ถ้าคนไทยด้วยกันพูดไม่ค่อยเชื่อ

แต่ถ้าฝรั่งเขาบอกว่าอย่างนั้นๆ มาจากประเทศอื่นๆ เราเชื่อมาก

เพราะนึกว่าเขามีความก้าวหน้า..หรืออย่างที่ว่าเป็นอารยประเทศ เขาก็คงรู้ดี

แต่หารู้ไม่ว่ามันผิดกับที่เราควรจะคิด

เพราะเราอยู่ในประเทศของเรา...ย่อมต้องรู้ดีว่าประเทศของเราเป็นยังไง"

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานแก่คณะกรรมการอำนวยการสันนิบาตมูลนิธิแห่งประเทศไทย


ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ ยิ่ ง ยื น น า น
พ่อของแผ่นดินผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
 ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช
เทวาภินิหารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก
ได้โปรดอภิบาลให้ล้นเกล้าฯ ของชาวไทยทรงพระสิริสวัสดิ์
 ทรงพระเกษมสำราญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน
 ปราศจากโรคาพยาธิพิบัติภัยใดมาแผ้วพาน
ขอจงทรงพระเจริญ ถึงพร้อมด้วยจตุรพิธพรชัยทุกประการเทอญ
 ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ กราบแทบพระบาท

ตามรอยพ่อ


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #283 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2014, 17:27:23 »

วันนี้ในอดีต


"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2516 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
 ทรงปิดทองช่อฟ้าในการเสด็จ ฯ
ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินต้น
 และทรงเยี่ยมราษฎร ณ วัดหนองม่วงไข่ อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่






 




"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2524 สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
 เสด็จพระราชดำเนินไปยังงานเลี้ยงอาหารค่ำ
 ณ โรงแรมวาลดอร์ฟ แอสทอเรีย รัฐนิวยอร์ด สหรัฐอเมริกา
 ซึ่งสหพันธ์พิทักษ์เด็กจัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี
 ของสหพันธ์ ฯ ในโอกาสนี้ สหพันธ์พิทักษ์เด็ก
ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญแรกของสหพันธ์ ฯ
เป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
 ในฐานะที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจพระราชทานความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพชาวอินโดจีน




 



"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2523 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชปฏิสันถารกับราษฎร
ตลอดจนมีพระราชดำรัสกับพระอาจารย์แสวง
เจ้าอาวาสวัดโพธิสมพร บ้านโพนงาม ตำบลนาม่อง อำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร
 ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโครงการกุดบาก
ซึ่งเป็นโครงการของวัดสำหรับให้บริการแก่ราษฎรในหมู่บ้าน
 ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้
คณะแพทย์พระราชทานที่โดยเสด็จพระราชดำเนินรักษาพยาบาลราษฎรผู้เจ็บป่วย









  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #284 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2014, 17:32:19 »

ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์


 














  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #285 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2014, 17:37:42 »

ตามรอยพ่อ




คำพ่อสอน... 'รู้แล้วนำไปใช้ คือ ฉลาดรู้'

"...การศึกษาหาความรู้จึงสำคัญตรงที่ว่า
 ต้องศึกษาเพื่อให้เกิด 'ความฉลาดรู้' คือ รู้แล้วสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ๆ
 โดยไม่เป็นพิษเป็นโทษ การศึกษาเพื่อความฉลาดรู้มีข้อปฏิบัติที่น่าจะยึดเป็นหลักอย่างน้อยสองประการ

ประการแรกเมื่อจะศึกษาสิ่งใดเรื่องใดให้รู้จริง ควรจะศึกษาให้ตลอด
ครบถ้วนทุกแง่มุม ไม่ใช่เรียนรู้แต่เพียงบางส่วนบางตอน หรือเพ่งเล็งเฉพาะแต่เพียงบางแง่บางมุม

อีกประการหนึ่งซึ่งจะต้องปฏิบัติประกอบพร้อมกันไปด้วยเสมอ
 คือต้องพิจารณาศึกษาเรื่องนั้น ๆ ด้วยความคิดจิตใจที่ตั้งมั่นเป็นปกติ และเที่ยงตรงเป็นกลาง..."

พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๓

(ขอบคุณภาพจาก The Nation)





'หัตถ์ต่อหัตถ์สัมผัสแน่น
เนตรต่อเนตรแล่นรับรู้
จิตต่อจิตสนิทผู้
ยืนอยู่บนดินเช่นกัน'


ในการแลตามรอยพระยุคลบาท
 ย้อนหลังตั้งแต่วันที่เสด็จขึ้นครองราชย์จนถึงปัจจุบัน
 ชาวเราทั้งหลายก็คงจะได้แลเห็นถึงพระราชจริยาวัตรที่พวกเราได้รับ ซึ่งจะมีแต่ทำให้เราชุ่มชื้น

ทรงแนะแนวแต่ทางที่จะประกอบแต่ความเจริญสุขมาสู่ตนและครอบครัว
 พระราชกิจที่ทรงปฏิบัติก็เพื่อบังเกิดผลดีแก่ประเทศชาติและประชาชนทั้งสิ้น
ภัยทุกอย่างที่ประชาชนได้รับ จะทรงยื่นพระหัตถ์ออกช่วยเหลือทันที
 ไม่ปล่อยให่เหตุการณ์เลวร้ายอันใดผ่านไป
โดยไม่ยื่นพระหัตถ์ออกช่วยเหลือ และจะทำอย่างดีที่สุดที่จะทรงทำได้...

นี่คือ...พระมหากษัตริย์ของเรา


ตามรอยพ่อ


  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #286 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2014, 17:44:05 »



นายกฯ เผย '5 ธันวามหาราช'ปีนี้
จัดที่ท้องสนามหลวง
เชิญชวนประชาชนแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลือง
ในช่วงการจัดงานมหามงคลเฉลิมพระเกียรติฯ เน้นความพอเพียง


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
 เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ
อำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557
 ครั้งที่ 1/2557 รายละเอียดในการจัดงานจากที่ประชุมดังนี้

พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 ในวันที่ 5-6 และ 8 ธันวาคม 2557 สำนักพระราชวังดำเนินการ
 การจัดงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา “5 ธันวามหาราช”
ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2557 ถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2557
ณ บริเวณท้องสนามหลวง

การจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน
 ในวันพุธที่ 3 ธันวาคม 2557 เวลา 08.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล
 โดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนดำเนินการการ
จัดสวนสนามของหน่วยทหารรักษาพระองค์
 มอบให้กองทัพพิจารณาเปลี่ยนรูปแบบการจัดพิธีตามความเหมาะสม
 การจัดพิธีตรึงหมุดธงชัยเฉลิมพล ในวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2557 เวลา 15.00 น.
 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และพระราชทานธงชัยเฉลิมพล
 ณ พระที่นั่งชุมสาย บริเวณสนามหน้าศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง
ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนิน
ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ โดยกองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพต่าง ๆ
ดำเนินการ และการจัดงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2557 เวลา 19.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล
 ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับเชิญเสด็จฯ
 ไปในงานดังกล่าว โดยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีดำเนินการ

นอกจากนี้ จะมีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยใช้ชื่อในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ ว่า “รักพ่อ”
ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2557 ถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2557 ณ
บริเวณท้องสนามหลวงและบริเวณถนนราชดำเนินกลาง
ประกอบด้วยการจัดกิจกรรมเผยแพร่พระราชกรณียกิจ
พระอัจฉริยภาพ พระเกียรติคุณ
การจัดแสดงโครงการตามแนวพระราชดำริและตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
รวมทั้งจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมท้องถิ่น จัดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของดี 77 จังหวัด
 และกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งได้รับความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินงานจากหน่วยงานต่าง ๆ
 ร่วมกับมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช โดยจะมีพิธีเปิดงานและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล
 ในวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม 2557 เวลา 19.19 น. ณ บริเวณท้องสนามหลวง
ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรสจะเป็นประธานในพิธีดังกล่าว

รวมทั้ง การจัดทำภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง “พระมหาชนก”
 โดยกรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการเผยแพร่พระราชนิพนธ์ในรูปแบบภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง
“พระมหาชนก” ให้ประชาชนได้รับชม โดยมีกำหนดจัดฉาย ดังนี้
 จัดฉายรอบปฐมทัศน์ ในวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2557 ณ โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย
 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ และจะจัดฉายให้ประชาชนทั่วไป
รับชมในโรงภาพยนตร์ที่อยู่ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
 ในวันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน และวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2557 วันละ 2 รอบ

 คือ รอบเที่ยงและรอบบ่าย ส่วนในกรุงเทพมหานครจะจัดฉาย
 ณ บริเวณท้องสนามหลวง ในวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม 2557

นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถรับชมภาพยนตร์ดังกล่าวได้
 ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
 ระหว่างวันที่ 6 - 8 ธันวาคม 2557 โดยเวลาตามความเหมะสมของแต่ละสถานี
ตลอดจนทาง Youtube และเชื่อมโยง (Link) ข้อมูลเข้าสู่ Line
รวมทั้งได้ผลิตภาพยนตร์ดังกล่าวเป็น CD จำนวน 100,000 ชุด
 เพื่อพระราชทานให้แก่ประชาชนทั่วประเทศอีกด้วย

สำหรับ การจัดกิจกรรมการแสดง
 “พระมหาชนก” (MAHAJANAKA THE PHENOMENON LIVE SHOW)
 โดยกรุงเทพมหานครจะจัดกิจกรรมภายใต้โครงการคืนความสุขในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“เรื่องพระมหาชนก”โดยมาถ่ายทอดเป็นการแสดงชื่อ
“พระมหาชนก” (MAHAJANAKA THE PHENOMENON LIVE SHOW)
 ซึ่งกำหนดจัดแสดงระหว่างวันที่ 1- 9 ธันวาคม รวม 9 รอบ เวลา
19.00 -21.00 น. ณ สวนเบญจกิติ กรุงเทพมหานคร

อีกทั้ง มีการจัดแสดงคอนเสิร์ต “วนาสินธุ์”
โดยมูลนิธิศาลาเฉลิมกรุงร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
 และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ร่วมกันจัดโครงการแสดงคอนเสิร์ต
 “วนาสินธุ์” โดยมีแรงบันดาลใจจาก
พระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ว่า “พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ
ฉันเป็นป่า ป่าที่จงรักภักดีต่อน้ำ” หรือโครงการ “ป่ารักน้ำ”
 โดยอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่ สื่อความหมายถึงสองสิ่งที่อยู่คู่กัน
 และบทเพลงที่มีความหมายเกี่ยวกับความรักชาติมาขับร้อง
ถ่ายทอดเพลงโดยศิลปินแห่งชาติ ศิลปินรุ่นใหม่
บรรเลงดนตรีโดยวงเฉลิมราชย์
ควบคุมวงโดยอาจารย์วิรัช อยู่ถาวร
จัดขึ้นในวันพุธที่ 10ธันวาคม 2557 เวลา 17.00 น.
ณ สวนนาคราภิรมย์ ถนนมหาราช กรุงเทพมหานคร

ในตอนท้ายของการประชุมฯ นายกรัฐมนตรี
 ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
กับการจัดงานมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยเน้นความพอเพียงเป็นหลัก พร้อมกันนี้
นายกรัฐมนตรีขอเชิญชวนประชาชนแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลือง
 เพื่อถวายความจงรักภักดีโดยพร้อมเพรียงกัน
ในช่วงการจัดงานมหามงคลเฉลิมพระเกียรติฯ

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #287 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2014, 15:13:57 »

  ตามรอยพ่อ



"...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงงานโดยไม่มีวันหยุด
คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลเปิดเผยว่า
แม้ในขณะพระองค์ทรงพักฟื้นก็ยังทรงงานอยู่ตลอด
จนแพทย์ลงความเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ...

คือ..ถ้าวันไหนไม่ทรงงาน วันนั้นผิดปกติ ต้องตรวจเป็นพิเศษ

พระวิริยะของพระองค์ทรงสม่ำเสมอตลอดมา..."

บางส่วนจาก 'อิทธิบาท ๔ กับความเป็นนักวิทยาศาสตร์' โดย ทันตแพทย์สม สุจิรา





ในการเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรตามภาคต่างๆ
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถนั้น
 จะมีการบันทึกไว้โดยละเอียดทุกครั้ง และในตารางที่สรุปพระราชกรณียกิจในรอบหนึ่งๆ
 จะบอกสถานที่ วัน เดือน ปี รวมทั้งพาหนะที่ใช้ในการเสด็จพระราชดำเนินด้วย
 ยกตัวอย่างเช่นในช่วงวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๖
 ซึ่งมี ๓๖๕ วัน มีพระราชกรณียกิจที่มีหมายกำหนดการถึง ๙๑๓ ครั้ง
เสด็จพระราชดำเนินเป็นระยะทาง ๒๘,๓๗๗.๑ กิโลเมตร
ส่วนพาหนะที่ใช้เสด็จพระราชดำเนินนั้น มีทั้งรถยนต์ รถไฟ
เรือ เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์
ซึ่งใช้อักษรย่อในตารางว่า “ร” และยังมีอักษรย่ออีกคำว่า “ว”
 เมื่อดูคำอธิบายด้านล่างตาราง จึงรู้ความหมายที่อธิบายไว้ว่า “ทรงเด่น”





"..ข้าพเจ้าอยู่ในห้องนี้ครั้งละ 5-6 ชั่วโมง
ข้าพเจ้าไม่ชอบอยู่คนเดียว แต่ข้าพเจ้ามีงานต้องทำ
การอยู่คนเดียวจะทำให้มีสมาธิ มีสติในการทำงาน
 เป็นการเตรียมตัวต่อสถานการณ์ต่างๆที่อาจจะต้องพบเจอ
ข้าพเจ้าต้องศึกษาแผนที่ ซึ่งจะทำให้ข้าพเจ้าได้ข้อมูลในสิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังจะทำ.."
พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานสัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว BBC ของอังกฤษ
ภาพ : ในหลวงทรงนั่งประทับพื้น ศึกษารายละเอียดในแผนที่เพื่อวางโครงการในห้องทรงงาน

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #288 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2014, 15:18:28 »

  วันนี้ในอดีต
Information Division of OHM




"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2521
สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
ทอดพระเนตรการแสดงพื้นเมืองระหว่างการเสด็จพระราชดำเนิน
ไปทรงเยี่ยมราษฎรบ้านหนองเข้ ตำบลหนองโขม
อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร




"วันนี้ในอดีต"

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2528 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานพระราชดำรัสกับเจ้าหน้าที่ ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนิน
ไปทรงเยี่ยมโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลห้วยยาง อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร





10 พฤศจิกายน 2557
 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
 เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
 พระราชทานประกาศนียบัตรชั้นสูง
แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันพระปกเกล้า ประจำปี 2555 [ททบ.5]

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #289 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2014, 15:36:56 »

จะกู่ร้องบอกรักพ่อให้ก้องโลก






"...การทำงานใหญ่ๆ ทุกอย่างต้องการเวลามากกว่าจะทำสำเร็จ
 ผู้ที่เริ่มโครงการอาจไม่ทันทำให้สำเร็จโดยตลอดด้วยตนเองก็ได้
ต้องมีผู้อื่นรับทำต่อไป ดังนั้นไม่ควรยกเอาเรื่องใครเป็นผู้ริเริ่มงาน
 ใครเป็นผู้รับช่วงงาน ขึ้นเป็นข้อสำคัญนัก จะต้องถือผลสำเร็จที่จะเกิดจากงานเป็นใหญ่..."

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศิลปากร ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๔)





“ความจริงใจต่อผู้อื่นเป็นคุณธรรมสำคัญมาก
สำหรับผู้ที่ต้องการความสำเร็จและความเจริญ
เพราะช่วยให้สามารถขจัดปัดเป่าปัญหาได้มากมาย
 โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาอันเกิดจากความกินแหนงแคลงใจ
และเอารัดเอาเปรียบกัน นอกจากนั้น
 ยังทำให้ได้รับความเชื่อถือไว้วางใจ
 และความร่วมมือสนับสนุนจากทุกคนทุกฝ่าย
ที่ถือมั่นในเหตุผลและความดี
 ผู้มีความจริงใจจะทำการสิ่งใดก็มักสำเร็จได้โดยราบรื่น”

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
 ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๓๕

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #290 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2014, 15:44:48 »


“…บรรพชนของเรารักษาชาติรักษาแผ่นดินมาด้วยสติปัญญา
ความสามารถ ด้วยกล้าหาญเสียสละ และด้วยคุณความดี
บางสมัยบ้านเมืองก็สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง บางสมัยก็คับขัน
 เดือดร้อนเปลี่ยนแปลงสลับกันมา แต่ถึงอย่างไร
เราก็มีอิสรภาพและความสุขความเจริญทุกอย่างยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้
ข้อนี้ควรเป็นสิ่งเตือนใจให้คนไทยทุกฝ่ายทุกคนมีสมานฉันท์
ในอันที่จะรวมกำลังกาย กำลังใจ กำลังความสามารถ
และความดีให้ยิ่งเพิ่มพูนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แล้วเร่งรัดปฏิบัติสรรพกิจการงานบรรดามี
 ด้วยความสุจริตบริสุทธิ์ใจโดยขะมักเขม้น ให้งานทั้งปวง
 ดำเนินก้าวหน้าไปโดยสอดคล้องและเกื้อกูลกันทุกๆส่วน…”

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
พระราชทานในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๔












"....การเล่นเรือ สอนให้คนคิดเอง ทำเองเพราะเมือเราลงไปเล่นเรือแล้ว
 เรือไม่เด่นจะไม่มีใครมาคอยสอนเราต้องคิดเอง ทำเอง
 ว่าลมมาทางไหนลมแรงขนาดนี้ เราสู้ไหวไหม
ถ้าไหวเราก็สู้ถ้าไม่ไหว แล้วเรายังสู้ เรือก็คว่ำถ้าลมเบา
เราจะต้องทำอย่างไร เรือจึงจะเด่น
แล้วถ้าไม่มีลมเราจะทำอย่างไรเราก็ควรจะนั่งรอสักครู่ ให้ลมมา
ถ้าเราเล่นเรือเป็น ดูทิศทางลมเป็นถ้าเราเป็นตัวนี้ เด็กไทยเป็นตัวนี้
แล้วนำมาใช้ในชีวิตนำมาใช้ในกิจการงานได้ ไม่มีทางขาดทุน
เพราะเรารู้เทคนิคการใช้ชีวิตเด็กไทยจะรู้จักและเข้าใจการคิดเอง ทำเอง ..."

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
 เมื่อคราวทรงเรือใบลำเล็ก ๆ ข้ามอ่าวไทยด้วยพระองค์เองเป็นผลสำเร็จ
 เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๙ จากหน้าหาดพระราชวังไกลกังวล หัวหิน
 จนถึง หาดเตยงาม อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
รวมระยะทางประมาณ ๖๐ ไมล์ทะเลหรือ ๑๑๑ กิโลเมตร
โดยมีเรือใบที่แล่นตามเสด็จไปด้วยเพียงลำเดียวเท่านั้น

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
ขวัญเองจ้า
Junior Public Relations
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 52701
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 44,899



« ตอบ #291 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2014, 15:54:09 »



บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #292 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2014, 14:47:32 »







แถลงการณ์สำนักพระราชวัง
 เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 9

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้รายงานการรักษาพระอาการอักเสบของถุงเนื้อเยื่ออักเสบ
 บนผนังของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) เพิ่มเติมว่า

การถวายพระโอสถปฏิชีวนะรักษาทำให้พระปรอท (ไข้) ลดลง
 และพระอาการทั่วไปดีขึ้น จึงได้หยุดถวายพระโอสถ
 ต่อมาปรากฏว่ามีพระปรอท (ไข้) อีก และมีพระอาการเจ็บพระนาภี (ท้อง)
หายพระทัยเร็วขึ้น การเต้นของพระทัยเร็วขึ้น และมีพระบังคนหนัก (อุจจาระ)
 เหลว การถวายตรวจด้วยเอกซเรย์ที่พระอุระ (อก) ปรากฏว่า พระปัปผาสะ (ปอด)
ปรกติ จึงได้ถวายตรวจพระโลหิตโดยวิธีพิเศษซ้ำ และถวายตรวจพระนาภี (ท้อง)
โดยคลื่นเสียง (Ultrasound) และโดยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
 แสดงว่ามีการอักเสบของถุงเนื้อเยื่อ (Diverticulitis)
บนผนังพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) อีก คณะแพทย์ฯ
จึงได้ถวายน้ำเกลือพระโอสถปฏิชีวนะขนานใหม่ทางหลอดพระโลหิต
ซึ่งทำให้พระปรอท (ไข้) ลดลง และพระอาการทั่วไปดีขึ้น

อนึ่ง คณะแพทย์ฯ ได้อธิบายว่า การอักเสบของถุงเนื้อเยื่อบนผนังพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่)
 ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวนั้น ในครั้งนี้ได้เกิดขึ้นเร็วกว่าครั้งที่แล้วมา คณะแพทย์ฯ
จึงขอพระราชทานถวายพระโอสถปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานกว่าครั้งก่อน








  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #293 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2014, 14:52:31 »








วัน "พระบิดาแห่งฝนหลวง" ๑๔ พฤศจิกายน
ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓
 ได้มีพระราชดำริที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภาคต่าง
 ของประเทศ เพื่อทอดพระเนตรสภาพบ้านเมือง และสภาพพลเมืองภายใต้
พระราชอาณาด้วยสายพระเนตรของพระองค์เอง
อันจะทำให้สามารถที่จะทรงกำหนดแนวแห่งรัฏฐาภิปาลโนบายขึ้นได้
โดยความถูกต้องเหมาะสมกับสภาวะของประเทศและประชาชน

ดังนั้น การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรครั้งแรกจึงได้เกิดขึ้น
 เมื่อวันที่ ๒ ถึง ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๙๘
โดยทรงเริ่มต้นเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ




การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในครั้งนั้น จึงได้ก่อให้เกิด
 “โครงการฝนหลวง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ขึ้น โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงบันทึกเหตุการณ์ไว้ในพระราชบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ
 เรื่อง “The Rainamaking Story”
 ที่ต่อมาได้พระราชทานแก่สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร
 เมื่อพุทธศักราช ๒๕๔๓ ความว่า

“วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ขณะนั่งรถยนต์พระที่นั่งเดลาเฮย์ซีดานสีเขียวกำลังมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาฬสินธุ์
ได้มีรับสั่งให้ขบวนรถพระที่นั่งหยุดบริเวณแยกกุฉินารายณ์และสหัสขันธ์
 เพื่อมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรเกี่ยวกับผลผลิตข้าว ทรงตั้งพระราชสมมติฐานว่า
 ผลผลิตของราษฎรต้องเสียหายจากความแห้งแล้ง แต่ก็ต้องประหลาดพระราชหฤทัย
เมื่อราษฎรกราบบังคมทูลว่า เดือดร้อนเพราะน้ำท่วม ทรงเห็นว่าแปลกนัก
 เพราะพื้นดินภาคตะวันออกเฉียงเหนือดูคล้ายทะเลทราย มีผงดินฟุ้งกระจายอยู่ทั่วไป
 ทรงพระดำริว่าภัยน้ำท่วมและฝนแล้ง หรือความผันผนวนปรวนแปรไม่แน่นอนของฝนธรรมชาติ
 คือสาเหตุที่แท้จริงของความยากจนของราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”



ในปีเดียวกันนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล
 ผู้เชี่ยวชาญการวิจัยประดิษฐ์ด้านเกษตรวิศวกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ตำแหน่งในขณะนั้น)
 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อรับพระราชทานแนวพระราชดำริ เรื่อง การค้นหาวิธีทำให้ฝนตก
โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์กับทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศ

และเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒ นับเป็นวันประวัติศาสตร์แห่งการทำฝนหลวงของประเทศไทย
 เพราะเป็นวันที่ได้มีการบินทดลองปฏิบัติการในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก
โดยใช้วนอุทยานเขาใหญ่ (ชื่อในขณะนั้น) อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
 เป็นพื้นที่ทดลองแห่งแรก การทดลองได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
เนื่องจากเกิดการก่อตัวเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว
เพียงแต่ยังไม่อาจควบคุมให้ฝนตกในบริเวณที่ต้องการได้




ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานคำแนะนำเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
 โดยให้เปลี่ยนพื้นที่ทดลองไปยังจุดแห้งแล้งอื่น ๆ เช่น อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นต้น
 และด้วยความสำเร็จของโครงการฝนหลวง จึงได้ตราพระราชกฤษฎีกา
ก่อตั้งสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวงขึ้นเมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๘ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงเป็น "พระบิดาแห่งฝนหลวง"
 พร้อมกันนี้ได้กำหนดให้วันที่ ๑๔ พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันพระบิดาแห่งฝนหลวง











  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #294 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2014, 17:29:13 »





พระบรมราโชบายถึงกลยุทธการพัฒนาโครงการพระราชดำริฝนหลวง และ ตำราฝนหลวงพระราชทาน

ชมลิ๊งค์ >>.>>.>>
๑. ฝนหลวง ตามเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรกิจการฝนหลวง
https://www.youtube.com/watch?v=PvuTsghmdY4

๒. ฝนหลวง เข้าเฝ้าในหลวง
https://www.youtube.com/watch?v=dAfjx3Da80A

#พระบรมราโชบายถึงกลยุทธการพัฒนาโครงการพระราชดำริฝนหลวง
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีว่าการและปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะฑูตและคณะผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯ ที่ปรึกษาและนักวิทยาศาสตร์ สำนักงานปฏิบัติการฝนหลวงเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙ ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส ในวโรกาสนี้ ทรงมีพระราชกระแสฯ ทางวิชาการฝนหลวง ประสบการณ์และความสำเร็จ รวมทั้งพระราชทานข้อแนะนำทางเทคนิคอย่างถี่ถ้วนเป็นเวลานานถึงสามชั่วโมง ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯ ได้ร่วมสรุปสาระสำคัญไว้ดังนี้

ทรงเน้นทั้งความจำเป็นในการพัฒนาการและการดำเนินการปรับปรุงวิธีการทำฝนในแนวทางของการออกแบบ การปฏิบัติการและการติดตามประเมินผลที่มีลักษณะเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น ตลอดจนความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่องานศึกษารูปแบบของก้อนเมฆและการปฏิบัติการทำฝนให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ

ทรงย้ำถึงบทบาทของการดัดแปรสภาพอากาศ (การทำฝน) ว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในกระบวนการจัดการ แหล่งน้ำและทรัพยากรน้ำ ได้แก่ การเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่แหล่งเก็บกักน้ำต่างๆ การบรรเทาปัญหามลภาวะ และการเพิ่มปริมาณน้ำเพื่อการบริโภค เป็นต้น

ทรงเน้นว่า ความร่วมมือประสานงานอย่างเต็มที่ระหว่างหน่วยงานและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ที่จะเป็นกุญแจสำคัญในอันที่จะทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการได้

ยังความปลื้มปิติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่คณะผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเป็นล้นพ้นโดยเฉพาะ คณะผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯ ต่างทราบซึ้งในพระปรีชาสามารถ ว่าทรงรอบรู้และเชี่ยวชาญในเรื่องวิทยาศาสตร์บรรยากาศ การดัดแปรสภาพอากาศ อุตุนิยมวิทยา และฝนหลวงโดยแท้จริง ได้น้อมเกล้าฯ รับพระราชกระแสฯ ไปประกอบใน รายงานผลการประมวลฝนหลวงในสหราชอาณาจักรไทย ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จทำให้เกิดความร่วมมือ ไทย-สหรัฐฯ ในโครงการวิจัยทรัพยากรบรรยากาศประยุกต์ในที่สุด

#ตำราฝนหลวงพระราชทาน

จากการที่โปรดเกล้าฯ ให้มีการปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษกู้ภัยแล้ง พ.ศ. ๒๕๔๒ อย่างสัมฤทธิ์ผล นอกจากจะโปรดเกล้า ฯ ให้ฟื้นฟูทบทวนประสบการณ์และเทคนิคพระราชทานที่เคยปฏิบัติการได้ผลมาแล้วในอดีตมาใช้ปฏิบัติการในครั้งนี้แล้ว ยังโปรดเกล้า ฯ ให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีและเทคนิคควบคู่กันไปด้วย ซึ่งทรงสามารถพัฒนากรรมวิธีการทำฝนหลวงให้ก้าวหน้าขึ้นอีกระดับหนึ่ง คือ เป็นการปฏิบัติการฝนหลวงโดยการดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดฝนโดยเทคโนโลยีฝนหลวงจากทั้งเมฆอุ่นและเมฆเย็นพร้อมกัน (เดิมเป็นกิจกรรมทำฝนจากเมฆอุ่นเพียงอย่างเดียว) ด้วยพระปรีชาสามารถ ทรงพัฒนาเทคนิคการโจมตีเมฆอุ่นและเมฆเย็นพร้อมกันในกลุ่มเมฆเดียวกัน ซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้เรียกเทคนิคการโจมตีที่ทรงประดิษฐ์คิดค้น ขึ้นมาเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดว่า SUPER SANDWICH TECHNIC ทรงสรุปขั้นตอนกรรมวิธีโดยทรงประดิษฐ์ขึ้นเป็นแผนภาพการ์ตูนโดยคอมพิวเตอร์ด้วยพระองค์เอง พระราชทานให้ใช้เป็น ตำราฝนหลวง เพื่อให้เป็นแบบอย่างใช้ในการปฏิบัติการฝนหลวงให้เป็นไปในทางเดียวกัน แผนภาพฝีพระหัตถดังกล่าวประมวลความรู้ทางวิชาการเทคนิคและกระบวนการขั้นตอนกรรมวิธีในการปฏิบัติการฝนหลวงอย่างครบ ถ้วนทั้งเทคโนโลยีฝนหลวงไว้ในหนึ่งหน้ากระดาษได้อย่างสมบูรณ์ง่ายต่อความเข้าใจและการถือปฏิบัติ

กระบวนการดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดฝนโดยเทคโนโลยีฝนหลวงเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ทรงประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา

พระราชทานให้ใช้ปฏิบัติการในประเทศไทยเป็นประเทศแรก ยังไม่มีประเทศใดในโลกเคยปฏิบัติด้วยเทคโนโลยีนี้มาก่อนอย่างแน่นอน

แถวบนสุดของตำราฝนหลวงพระราชทาน

ช่องที่ ๑. “นางมณีเมฆขลา”

เป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของสำนักงานมณีเมฆขลา เป็นส่วนหนึ่งของสำนักงาน ฝล.
เป็นหัวหน้าสำนักงานอุตุนิยมวิทยา แห่งเขาไกรลาส หรือเขาพระสุเมรุ วิเทศะสันนิษฐานว่าอยู่ในทะเล

ช่องที่ ๒. “พระอินทร์ทรงเกวียน”

พระอินทร์เป็นพระสักกะเทวราช เป็นราชาของเทวดา ที่ลงมาช่วยทำฝน

ช่องที่ ๓. “๒๑ มกราคม ๒๕๔๒”

- เป็นวันที่ทรงประทับบนเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จไปประกอบพระราชกรณียกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างเส้นทางพระราชดำเนินกลับ ทรงสังเกตเห็นกลุ่มเมฆปกคลุมพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างที่น่าจะทำฝนได้ ทรงบันทึกภาพเมฆเหล่านั้นพระราชทานลงมา และมีพระราชกระแสรับสั่งให้ส่งคณะปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษออกไปปฏิบัติการกู้ภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และภาคเหนือตอนล่าง โดยเร่งด่วน

ช่องที่ ๔. “เครื่องบิน ๓ เครื่อง”

- เป็นตัวอย่างของเครื่องบินที่เหมาะสมกับการปฏิบัติการตามตำราฝนหลวงพระราชทานตามขั้นตอนที่ ๑ – ๖ ประกอบด้วย

๑.เครื่องบินเมฆเย็น (BEECHCRAFT KING AIR)
(จำนวนที่เหมาะสม ๑ เครื่อง)

๒.เครื่องบินเมฆอุ่น (CASA)
(จำนวนที่เหมาะสม ๒ เครื่อง)

๓.เครื่องบินเมฆอุ่น (CARAVAN)
(จำนวนที่เหมาะสม ๒ เครื่อง)

แถวที่ ๑ ช่องที่ ๑ – ๓ เป็นขั้นตอนที่ ๑ เป็นการเร่งให้เกิดเมฆโดยใช้เครื่องบินเมฆอุ่น ๑ เครื่อง โปรยสารเคมีผงเกลือโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) ที่ระดับความสูง ๗,๐๐๐ ฟุต ในขณะที่ท้องฟ้าโปร่งหรือมีเมฆเดิมก่อตัวอยู่บ้าง ความชื้นสัมพัทธ์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๖๐ ให้เป็นแกนกลั่นตัว (Cloud Condensation Nuclei)เรียกย่อว่า CCN ความชื้นหรือไอน้ำจะถูกดูดซับเข้าไปเกาะรอบแกนเกลือแล้วรวมตัวกันเกิดเป็นเมฆ ซึ่งเมฆเหล่านี้จะพัฒนาเจริญขึ้นเป็นเมฆก้อนใหญ่ อาจก่อยอดถึงระดับ ๑๐,๐๐๐ ฟุต ได้

แถวที่ ๒ ช่องที่ ๑ – ๔ เป็นขั้นตอนที่ ๒ เป็นการเร่งการเจริญเติบโตของเมฆที่ก่อขึ้นหรือเมฆเดิมที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และก่อยอดขึ้นถึงระดับ ๑๐,๐๐๐ ฟุต ฐานเมฆสูงไม่เกิน ๗,๐๐๐ ฟุต ใช้เครื่องบินแบบเมฆอุ่นอีกหนึ่งเครื่อง โปรยสารเคมีผงแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) เข้าไปในกลุ่มเมฆที่ระดับ ๘,๐๐๐ ฟุต (หรือสูงกว่าฐานเมฆ ๑,๐๐๐ ฟุต) ทำให้เกิดความร้อนอันเนื่องมาจากการคายความร้อนแฝง จากการกลั่นตัวรอบ CCN รวมกับความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาของไอน้ำกับสารเคมี CaCl2 โดยตรง และพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ตามธรรมชาติ จะเร่งหรือเสริมแรงยกตัวของมวลอากาศภายในเมฆยกตัวขึ้น เร่งกิจกรรมการกลั่นตัวของไอน้ำและการรวมตัวกันของเม็ดน้ำภายในเมฆ ทวีความหนาแน่นจนขนาดของเมฆใหญ่และก่อยอดขึ้นถึงระดับ ๑๕,๐๐๐ ฟุต ได้เร็วกว่าที่จะปล่อยให้เจริญขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งยังเป็นส่วนของเมฆอุ่น จนถึงระดับนี้การยกตัวขึ้นและจมลงของ มวลอากาศ การกลั่นและการรวมตัวของเม็ดน้ำยังคงเป็นอย่างต่อเนื่องแบบปฏิกิริยาลูกโซ่ แต่บางครั้งอาจมีแรงยกตัวเหลือพอที่ยอดเมฆอาจพัฒนาขึ้นถึงระดับสูงกว่า ๒๐,๐๐๐ ฟุต ซึ่งเป็นส่วนของเมฆเย็น เริ่มตั้งแต่ระดับประมาณ ๑๘,๐๐๐ ฟุตขึ้นไป (อุณหภูมิต่ำกว่า ๐ องศาเซลเซียส)

แถวที่ ๓ ช่องที่ ๑ – ๔ เป็นขั้นตอนที่ ๓ เป็นการเร่งหรือบังคับให้เกิดฝน เมื่อเมฆอุ่นเจริญเติบโตขึ้นจนเริ่มแก่ตัวจัด ฐานเมฆลดระดับต่ำลงประมาณ ๑,๐๐๐ ฟุต และเคลื่อนตัวใกล้เข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย ทำการบังคับให้ฝนตกโดยใช้เทคนิคการโจมตี แบบ Sandwich โดยใช้เครื่องบินเมฆอุ่น ๒ เครื่อง เครื่องหนึ่งโปรยผงโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) ทับยอดเมฆ หรือไหล่เมฆที่ระดับไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ฟุต ทางด้านเหนือลม อีกเครื่องหนึ่งโปรยผง ยูเรีย (Urea) ที่ระดับฐานเมฆด้านใต้ลม ให้แนวโปรยทั้งสองทำมุมเยื้องกัน ๔๕ องศา เมฆจะทวีความหนาแน่นของเม็ดน้ำขนาดใหญ่และปริมาณมากขึ้น ล่วงหล่นลงสู่ฐานเมฆทำให้ฐานเมฆหนาแน่นจนใกล้ตกเป็นฝน หรือเริ่มตกเป็นฝนแต่ยังไม่ถึงพื้นดิน หรือตกถึงพื้นดินแต่ปริมาณยังเบาบาง

แถวที่ ๔ ช่องที่ ๑ – ๓ เป็นขั้นตอนที่ ๔ เป็นการเสริมการโจมตีเพื่อเพิ่มปริมาณฝนให้สูงขึ้น เมื่อกลุ่มเมฆฝนตามขั้นตอนที่ ๓ ยังไม่เคลื่อนตัวเข้าสู่เป้าหมาย ทำการเสริมการโจมตีเมฆอุ่นด้วยสารเคมีสูตรเย็นจัด คือ น้ำแข็งแห้ง (Dry Ice) ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำระดับ –๗๘ องศาเซลเซียส ที่ใต้ฐานเมฆ ๑,๐๐๐ ฟุต จะทำให้อุณหภูมิของมวลอากาศใต้ฐานเมฆลดต่ำลง และความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้นจะทำให้ฐานเมฆยิ่งลดระดับต่ำลง ปริมาณ ฝนตก หนาแน่นยิ่งขึ้น และชักนำให้กลุ่มฝนเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่เป้าหมายหวังผลได้แน่นอนและเร็วขึ้น

แถวที่ ๕ ช่องที่ ๑ – ๓ เป็นขั้นตอนที่ ๕ เป็นการโจมตีเมฆเย็นด้วย Agl ขณะที่เมฆพัฒนายอดสูงขึ้นในขั้นตอนที่ ๒ ถึงระดับเมฆเย็น และมีแค่เครื่องบินเมฆเย็นเพียงเครื่องเดียว ทำการโจมตีเมฆเย็นโดยการยิงพลุสารเคมีซิลเวอร์ไอโอไดด์ (Agl) ที่ระดับความสูงประมาณ ๒๑,๕๐๐ ฟุต ซึ่งมีอุณหภูมิระดับ –๘ ถึง –๑๒ องศาเซลเซียส มีกระแสมวลอากาศลอยขึ้นกว่า ๑,๐๐๐ ฟุตต่อนาที และมีปริมาณน้ำเย็นจัดไม่ต่ำกว่า ๑ กรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นเงื่อนไขเหมาะสม ที่จะทำให้ไอน้ำระเหยจากเม็ดน้ำเย็นยิ่งยวด (Super cooled vapour) มาเกาะตัวรอบแกน Agl กลายเป็นผลึกน้ำแข็งได้ด้วยประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ไอน้ำที่แปรสภาพเป็นผลึกน้ำแข็งจะทวีขนาดใหญ่ขึ้นจนร่วงหล่นลงมา และละลายเป็นเม็ดฝนเมื่อเข้าสู่ระดับเมฆอุ่น และจะทำให้ไอน้ำและเม็ดน้ำในเมฆอุ่นเข้ามาเกาะรวมตัวกันเป็นเม็ดใหญ่ขึ้น ทะลุฐานเมฆเป็นฝนตกลงสู่พื้นดิน

แถวที่ ๖ ช่องที่ ๑ – ๓ เป็นขั้นตอนที่ ๖ เป็นการโจมตีแบบ SUPER SANDWICH จะทำได้ต่อเมื่อมีเครื่องบินปฏิบัติการทั้งเมฆอุ่นและเมฆเย็นใช้ปฏิบัติการได้ครบถ้วน ขณะที่ทำการโจมตีเมฆอุ่นตามขั้นตอนที่ ๓ และ ๔ ทำการโจมตีเมฆเย็นตามขั้นตอนที่ ๕ ควบคู่กันไปในขณะเดียวกัน จะทำให้ฝนตกหนักและต่อเนื่องนานและปริมาณน้ำฝนสูงยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นการประสานประสิทธิภาพของการโจมตีเมฆอุ่นในขั้นตอนที่ ๓ และ ๔ และโจมตีเมฆเย็นในขั้นตอนที่ ๕ ควบคู่กันไปในขณะเดียวกัน เทคนิคการโจมตีนี้โปรดเกล้าฯ ให้เรียกว่า SUPER SANDWICH

แถวล่างสุด ของตำราฝนหลวงพระราชทาน
ช่องที่ ๑. “แห่นางแมว” (CAT PROCESSION)

- เป็นการรวมผลหรือประชาสัมพันธ์ (บำรุงขวัญ)
- แมวเกลียดน้ำ (The cat hates water)
- เป็นพิธีกรรมขอฝนที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล
- เป็นพิธีกรรมด้านจิตวิทยาเมื่อฝนแล้งเกิดความเดือดร้อน ปั่นป่วนวุ่นวายจึงต้องมีจิตวิทยาบำรุงขวัญให้ประชาชน และเจ้าหน้าที่มีกำลังใจ
ช่องที่ ๒. “เครื่องบินทำฝน”

- เครื่องบินปฏิบัติการ (เป็นพาหะในการประยุกต์เทคโนโลยีฝนหลวง)
- เครื่องบินต้องกล้าบินเข้าเมฆฝน สำรวจและติดตามผล
- นักบินและนักวิชาการฝนหลวงต้องร่วมมือกัน (The pilot and the rainmakers must cooperate)
ช่องที่ ๓. “กบ”

- เลือกนาย หรือขอฝน และเรียกฝน กบร้องแทนอุตุนิยม
- ถ้าไม่มีความชื้นกบเดือดร้อนและกบเตือนให้มีความพยายาม มิฉะนั้นกบตาย ไม่มีฝนเกษตรกรตาย
- ท่านต้องจูบกบหลายตัว ก่อนที่จะพบเจ้าชายเพียงหนึ่งองค์ (You have kiss to a lot of frogs before you meet a prince)
หมายความว่า ต้องมีความพยายามทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้เกิดฝนได้สักครั้ง
ช่องที่ ๔. “บ้องไฟ”

- แทนเครื่องบิน (ทำหน้าที่เสมือนเครื่องบินที่เป็นพาหะนำเทคโนโลยีฝนหลวงขึ้นไปประยุกต์ในท้องฟ้า)
- เป็นประเพณีเรียกฝน ไม่ใช้ของเล่น แต่เป็นของจริง ทำฝนด้วยการยิงบ้องไฟ บ้องไฟขึ้นสูงปล่อยควัน เป็นแกนให้ความชื้น
เข้ามาเกาะรอบแกนควัน ทำให้เกิดเมฆเกิดฝน บ้องไฟจึงเป็นพิธีการอย่างหนึ่งเป็นวิทยาศาสตร์







  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 พฤศจิกายน 2014, 17:50:28 โดย FIRE » บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #295 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2014, 17:40:34 »



สิ่งประดิษฐ์ของพ่อหลวงเพื่อปวงชน

จากพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้สร้างสรรค์สนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ต่างๆมากมาย เพื่อปวงชนไทย
 ซึ่งผลงานที่พระองค์ประดิษฐ์ขึ้นมาทั้งหมดนั้น
 ได้ประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยพระเมตตาต่อปวงชนสำหรับผลงานด้านสิทธิบัตร
ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีมากมาย ส่วนหนึ่ง
ที่ทรงได้รับการถวายการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร รวมทั้งสิ้น ๘ ฉบับ ได้แก่

๑.สิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่ ๓๑๒๗ เรื่อง เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย (กังหันน้ำชัยพัฒนา)
 เป็นเครื่องกลเติมอากาศที่ใช้ในการเติมออกซิเจนลงในน้ำที่ระดับผิวน้ำ
ถวายการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖

๒.สิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่ ๑๐๓๐๔ เรื่อง เครื่องกลเติมอากาศแบบอัดอากาศและดูดน้ำ
 เป็นเครื่องกลเติมอากาศใช้ในการเติมออกซิเจนลงในน้ำที่ระดับลึกลงไป
ใต้ผิวน้ำจนถึงด้านล่างของแหล่งน้ำ ถวายการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๔๔

๓.สิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่ ๑๐๗๖๔ เรื่อง การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ถวายการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๔

๔.อนุสิทธิบัตรเลขที่ ๘๔๑ เรื่อง การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นน้ำมันหล่อลื่น
สำหรับเครื่องยนต์สองจังหวะ เป็นการใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์ทดแทนน้ำมันหล่อลื่น
ที่ได้จากน้ำมันปิโตรเลียมสำหรับเครื่องยนต์สองจังหวะ (เช่น เครื่องรถมอเตอร์ไซค์ เครื่องสูบน้ำ เป็นต้น)
ถวายการรับจดทะเบียนอนุสิทธิบัตรเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๕

๕.สิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่ ๑๓๘๙๘ เรื่อง การดัดแปรสภาพอากาศเพื่อให้เกิดฝน (ฝนหลวง)
 เป็นกรรมวิธีการทำฝนหลวงที่มีการทำฝนทั้งในระดับเมฆอุ่นที่ระดับต่ำกว่า 1 หมื่นฟุต
และเมฆเย็นที่ระดับสูงกว่า ๑ หมื่นฟุต พร้อมๆ กัน ซึ่งทรงเรียกว่า "ซุปเปอร์แซนด์วิช"
 ถวายการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕

๖.สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์เลขที่ ๑๔๘๕๙ เรื่อง ภาชนะรองรับของเสียที่ขับออกจากร่างกาย
เป็นภาชนะที่ทรงออกแบบไว้เป็นการเฉพาะสำหรับรองรับปัสสาวะของผู้ป่วย
ถวายการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๖

๗.สิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่ ๑๖๑๐๐ เรื่อง อุปกรณ์ควบคุมการผลักดันของเหลว
เป็นเครื่องยนต์ที่ขับดันน้ำเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนเรือ
ถวายการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๔๗

๘.สิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่ ๒๒๖๓๗ เรื่อง
กระบวนการปรับปรุงสภาพดินเปรี้ยวเพื่อให้เหมาะแก่การเพาะปลูก (โครงการแกล้งดิน)
 เป็นการปรับปรุงสภาพดินเปรี้ยวที่ไม่สามารถเพาะปลูกพืชได้
 ให้เป็นดินที่มีสภาพที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชต่างๆ ได้
 โดยใช้วิธีการเลียนแบบธรรมชาติเพื่อแกล้งให้ดินมีสภาพเปรี้ยวจัดก่อน
 แล้วทำการชะล้างความเปรี้ยวของดิน
 และทำการปรับสภาพดินให้เหมาะแก่การเพาะปลูกต่อไป
 ถวายการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๐

นอกจากนี้ทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาจากองค์กรการประดิษฐ์นานาชาติว่า
เป็นพระบิดาแห่งการประดิษฐ์โลก โดยสมาพันธ์นักประดิษฐ์นานาชาติ (ไอเฟีย)
 ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงบูดาเปสต์ สาธารณรัฐฮังการี
ได้ร่วมกำหนดให้วันที่ ๒ กุมภาพันธ์เป็น
 “วันนักประดิษฐ์โลก”(International inventor's day convention: IIDC)
ซึ่งเริ่มจัดขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๕๑ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมายุครบ ๘๐ พรรษา ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐
 และยกย่องในพระอัจฉริยภาพการเป็นนักประดิษฐ์ของพระองค์ท่าน

ทางด้านประธานไอเฟียได้เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ
 ถวายรางวัลไอเฟียคัพพร้อมใบประกาศนียบัตรเกียรติคุณ (IFIA Cup)
และเหรียญรางวัลจีเนียสไพรซ์ (Genius Prize)
 พร้อมด้วยผู้อำนวยการสมาคมส่งเสริมการประดิษฐ์
สาธารณรัฐเกาหลีใต้ หรือคิปา (KIPA)
 ได้ถวายรางวัลสเปเชียลไพรซ์พร้อมประกาศนียบัตร (Special Prize)
 แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สิ่งประดิษฐ์ของพ่อหลวงเพื่อปวงชน
“กังหันน้ำชัยพัฒนา”

นอกจากนี้ “กังหันชัยพัฒนา” ยังได้รับรางวัลเหรียญทองจาก
 The Belgian Chamber of Inventor ภายในงาน “Brussels Eureka 2000”
 ซึ่งเป็นงานแสดงสิ่งประดิษฐ์ใหม่ของโลกวิทยาศาสตร์ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

ซึ่งรางวัลที่ทั้ง ๒ องค์กรมอบเพื่อเทิดพระเกียรติงานประดิษฐ์ที่พระองค์คิดขึ้น คือ
 “เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย” หรือ “กังหันน้ำชัยพัฒนา”
ที่เรารู้จักกัน ซึ่งต่อมากรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
 ได้รับจดทะเบียนสิทธิบัตร ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศเครื่องที่ ๙ ของโลกที่ได้รับสิทธิบัตร

โดยกังหันน้ำชัยพัฒนา เป็นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำที่มีประสิทธิภาพ
ช่วยลดความสกปรกของน้ำได้สูง แต่ใช้ต้นทุนในการผลิตต่ำ
 ซึ่งมีโครงเป็นรูปเหลี่ยมบนทุ่นลอย และมีซองตักวิดน้ำที่จาะเป็นรูเล็กๆเอาไว้
สายน้ำจะไหล ผ่านรูเล็กของซองวิดน้ำขณะที่กังหันหมุนวนเวียนซ้ำไปมา
 โดยตัวกังหันน้ำจะหมุนด้วยความเร็ว ๑,๔๕๐ รอบต่อนาที
 ซองตักน้ำหมุนด้วยความเร็ว ๕ รอบต่อนาที และใช้แรงขับด้วยมอเตอร์ขนาด ๒ แรงม้า

ซึ่งพระองค์ได้ใช้หลักการวิดน้ำขึ้นไปสาดกระจายให้เป็นฝอยในอากาศ
 ทำให้น้ำสัมผัสกับอากาศได้เต็มที่ ส่งผลปริมาณของออกซิเจนในอากาศสามารถ
 ผสมเข้าไปในน้ำได้อย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำเสีย
 ซึ่งเป็นปัญหาของแหล่งน้ำที่เสียในหลายพื้นที่ มีคุณภาพที่ดีขึ้น

ในการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำนั้นจะทำให้จุลินทรีย์เข้าไปย่อยสลายสิ่งสกปรกในน้ำเสีย
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นกระบวนการทางชีวภาพ ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสีย
 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ และใช้ค่าใช้จ่ายในการบำบัดน้ำเสียน้อย

การประยุกต์ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์เพื่อเติมอากาศให้กับน้ำหรือใช้เพื่อขับเคลื่อนน้ำได้
โดยการใช้งานทั้งในรูปแบบ ที่ติดตั้งอยู่กับที่ และใช้ในรูปแบบเคลื่อนที่
เพื่อเติมอากาศให้กับแหล่งน้ำขนาดใหญ่ หรือตามคลองส่งน้ำที่มีความยาวมาก
ซึ่งดัดแปลงได้ด้วยการใช้พลังงาน จากเครื่องยนต์ของกังหัน

สิ่งประดิษฐ์ชิ้นต่อมาที่แสดงพระอัจฉริยะภาพของพระองค์คือ
 เรือใบฝีพระหัตถ์ ที่พระองค์ซึ่งคิดค้นขึ้นด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์ประยุกต์
 เรือใบฝีพระหัตถ์ที่สำคัญมี ๓ ประเภท ได้แก่
 เรือใบประเภทเอ็นเตอร์ไพรส์ (International Enterprise Class),
 เรือใบประเภทโอเค (International OK Class)
และเรือใบประเภทม็อธ (International Moth Class)
 โดยเฉพาะ “เรือใบมด” “เรือใบซูเปอร์มด” และ “เรือใบไมโครมด”
ถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย เพราะเป็นเรือที่ทรงออกแบบเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ

โดยทรงศึกษาแบบแปลนข้อบังคับของเรือแต่ละประเภทจากตำราต่างๆทั่วโลก
 จนเชี่ยวชาญและทรงประดิษฐ์ขึ้นด้วยความละเอียดชนิดที่เรียกว่า วัดเป็นมิลลิเมตร
 เรือที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงต่อขึ้น จึงเป็นเรือที่สมบูรณ์แบบ
 ทรงมีเทคนิคพิเศษในการทรงงานต่อเรือใบ อาทิ
 วิธีเจาะช่องบนของกราบเรือเพื่อใส่คานของดาดฟ้า
โดยทรงเลื่อยสองข้างแล้วทรงเอาสิ่วจรดให้ถูกมุม
ใช้ค้อนตอกครั้งเดียวก็ใช้การได้ ทรงอธิบายว่าวิธีนี้นอกจากจะรวดเร็วแล้ว
 ยังทำให้ทราบว่าชิ้นส่วนของไม้ตอนนั้นมีตำหนิหรือไม่ถ้ามีก็จะแตกเสียก่อน

เรือใบฝีพระหัตถ์ลำแรกทรงต่อเมื่อเดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๗
 เป็นเรือใบประเภทเอ็นเตอร์ไพรส์ พระราชทานชื่อว่า ราชปะแตน
 ต่อมาในพ.ศ. ๒๕๐๘ ทรงต่อเรือใบประเภท โอ.เค.
 พระราชทานชื่อว่า นวฤกษ์ และ เวคา หรือ VEGA
ที่มีความหมายถึงดวงดาวที่สว่างสุกใส ต่อมาทรงต่อเรือขึ้นมาอีกคือ เวคา ๑ เวคา ๒ และเวคา ๓

นอกจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงคิดค้นออกแบบและสร้างเรือใบขึ้นมาประเภท หนึ่ง
 พระราชทานชื่อว่า เรือใบแบบมด (Mod) ซึ่งได้ทรงจดสิทธิบัตรไว้ที่ประเทศอังกฤษ

หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงค้นพบว่า เรือใบแบบมดยังมีข้อผิดพลาดอยู่
 เนื่อง ลำเรือมีขนาดใหญ่และตรงกลางป่องออกมากเกินไป จึงทำให้เรือแล่นได้ช้า
ในเวลาต่อมาจึงทรงออกแบบเรือขึ้นใหม่ โดยปรับแต่งหัวเรือให้รูปทรงแบน
 เหมือนปลากระเบนเพื่อให้แล่นแหวกน้ำได้ดีขึ้น

เรือใบที่พระองค์ได้คิดพัฒนาขึ้นมาใหม่พระราชทานชื่อว่า เรือใบแบบซุปเปอร์มด
เป็นเรือที่มีลักษณะเพรียว เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีร่างกายเล็กและน้ำหนักน้อย
 และเรือใบตระกูลมดลำสุดท้ายที่พระองค์ทรงออกแบบคือ เรือใบแบบไมโครมด
ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักเล่นเรือใบทั้งหลาย
เพราะเป็นเรือใบที่สามารถแล่นได้คนเดียว
และการสร้างมีเงื่อนไขเพียงต้องใช้ไม้อัดขนาด ๔ x ๘ ฟุต แผ่นเดียวเท่านั้น

เรือใบลำสุดท้ายที่ทรงออกแบบและต่อด้วยพระองค์เอง
 เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๐ คือ เรือโม้ก (MOKE)
มีลักษณะผสมระหว่างเรือโอ.เค. และเรือซุปเปอร์มด
โดยใช้อุปกรณ์เสาและใบของเรือโอ.เค.
 เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายจึงมิได้ต่อ เรือใบอีก

โดยเรือดังกล่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงออกแบบและทรงต่อขึ้นเมื่อ
 วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๐ เป็นเรือต้นแบบของเรือประเภทมดที่ใช้แข่งขันกีฬานานาชาติ
เป็นครั้งแรกในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ ๔ ณ ประเทศไทย เมื่อเดือนธันวาคม
และใช้ในการแข่งขันกีฬานานาชาติทุกๆครั้งที่แข่งในประเทศไทย
ครั้งหลังสุดใช้ในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ ๑๓ ณ ประเทศไทย

นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงต่อเรือใบลำแรก
เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๐๗ เป็นเรือใบประเภท เอ็นเตอร์ไพรซ์
ชื่อเรือ “เรือราชปะแตน”และลำต่อมาคือ “เรือเอจี”
ทรงต่อตามแบบสากลและทรงใช้แข่งขันแล่นเรือใบหลายครั้งทั้งในและนอกประเทศไทย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงอุทิศพระองค์ พระอัจฉริยะและพระอุตสาหะ
 เพื่อราษฎรในทุกภูมิภาค โดยทรงมีดำริให้มีการพัฒนาด้านระบบวิทยุสื่อสารอย่างจริงจัง
 และต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงใช้เครื่องมือสื่อสารพกติดพระองค์
 ในการประกอบพระราชกรณียกิจต่างๆ อยู่เสมอ
 เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงขาดไม่ได้คือการสดับตรับฟังข่าวทุกข์สุขของประชาชน
เช่น ในระหว่างการเสด็จเยี่ยมราษฎรทรงพบว่า มีผู้ใดที่กำลังป่วยเจ็บจำเป็นต้องบำบัดรักษา
 จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะแพทย์ผู้ตามเสด็จดูแลตรวจรักษาทันที

ในบางรายที่มีอาการป่วยหนัก และต้องส่งตัวเข้าบำบัดรักษาในโรงพยาบาลท้องถิ่น
หรือโรงพยาบาลในกรุงเทพ มหานครโดยเร็ว หากมีเวลาเพียงพอ
 พระองค์ท่านจะรับสั่งผ่านทางวิทยุถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ
ตำรวจตระเวนชายแดน ขอรับการสนับสนุนเรื่องการขนส่ง เช่น เฮลิคอปเตอร์
เพื่อนำผู้ป่วยเจ็บส่งยังที่หมายปลายทางด้วยพระองค์เอง
 และพระองค์ได้ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาติ
ให้นำระบบสื่อสารแบบถ่ายทอดสัญญาณ หรือ Repeater
ซึ่งเชื่อมต่อทางวงจรทางไกลขององค์การโทรศัพท์ให้มูลนิธิ
พอ.สว.นำไปใช้เพื่อช่วยเหลือรักษาพยาบาลแก่ผู้เจ็บป่วยในท้องถิ่นห่างไกล

นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้ทำการศึกษาวิจัย
 รวมถึงการออกแบบและสร้างสายอากาศย่านความถี่สูงมาก
 หรือที่เรียกว่า VHF (วี.เอช.เอฟ) ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ
 คือ๑.เพื่อที่จะได้ใช้งานกับวิทยุส่วนพระองค์
 โดยมีพระราชประสงค์ที่จะให้ทราบเหตุการณ์ต่างๆ
โดยเฉพาะในเรื่องของสาธารณภัยที่เกิดขึ้นกับประชาชน
เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อที่จะได้ทรงช่วยเหลือได้ทันท่วงที
 ๒. เพื่อที่จะพระราชทานให้แก่หน่วยราชการต่างๆ และ
๓. เพื่อส่งเสริมให้คนไทยที่มีความรู้ ความสามารถและตั้งใจจริง
 ได้ใช้ความอุตสาหวิริยะในการพัฒนาระบบวิทยุสื่อสารขึ้นใช้เองภายในประเทศ

นอกเหนือจากวิทยุสื่อสารแล้ว ในเรื่องของเทเล็กซ์พระองค์ทรงสนพระทัยอยู่ไม่น้อย
 สิ่งหนึ่งที่เห็นคือ การพระราชทานพรปีใหม่
ที่นอกจากจะทรงมีกระแสพระราชดำรัส
พระราชทานพรปีใหม่แก่พสกนิกรไทยทางวิทยุและโทรทัศน์แล้ว

พระองค์ท่านยังทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ
 พระราชทานพรทางเทเล็กซ์สม่ำเสมอทุกปี
 ซึ่งในปัจจุบันท่านทรงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการประดิษฐ์บัตรอวยพรปีใหม่แทน






  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #296 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2014, 17:49:19 »



ถนนดิสโก้ เส้นทางทรงงานที่ยากลำบาก ห้วยมงคล…ถนนในโครงการพระราชดำริ

http://www.youtube.com/watch?v=5L5PoCPt5SU

การสร้างเส้นทางคมนาคมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนพระราชหฤทัยด้านการคมนาคมมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ความพอพระราชหฤทัยในเรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่พระประยูรญาติ ดังจะเห็นได้จากการที่ทรงได้รับพระราชทานของฝากเป็นรถเด็กเล่นจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดการเล่นรถไฟ และเมื่อทรงเจริญพระชนมายุขึ้นทรงสามารถประกอบเรือเดินสมุทร เรือรบ และเครื่องบินจำลองด้วยพระองค์เอง
เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ พระราชกรณียกิจที่สำคัญประการหนึ่งเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรทั่วประเทศคือ การก่อสร้างเส้นทางคมนาคม เพื่อเปิดประตูสู่พื้นที่ชนบท และแก้ปัญหาจราจรในเขตเมืองมากมายหลายโครงการด้วยกัน เพื่อสร้าง “ความมั่นคงผาสุก และความร่มเย็นอย่างยั่งยืน” ตอบสนองทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ

ทรงเปิดเส้นทางการพัฒนาสู่ชนบทที่ห่างไกล

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้วยพระองค์เองโดยไม่ต้องผ่านคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นั้น ได้เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปทรงเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของพสกนิกรอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เริ่มจากการเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในพุทธศักราช ๒๔๙๔ ทำให้ทรงตระหนักถึงปัญหาของพสกนิกร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานความช่วยเหลือด้านต่างๆ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของราษฎร พระราชภารกิจประการหนึ่งคือการ “ตัดเส้นทาง” เปิดประตูนำความเจริญสู่พื้นที่ชนบท
พุทธศักราช ๒๔๙๕ ถนนพระราชดำริสายแรก

หากมองย้อนกลับไปในช่วงต้นรัชกาล เราจะเห็นภาพเส้นทางเกวียนจำนวนเส้นทางระหว่างเมืองและชุมชนก็มีน้อยหรือถนนที่มีฝุ่นฟุ้งตลบ ทางที่คดเคี้ยวเป็นหลุมเป็นบ่อ ต้องใช้เวลานานในการเดินทาง ทำให้ประชาชนในชนบทติดต่อชุมชนเมืองอย่างยากลำบาก อีกทั้งบริการของรัฐก็เข้าไปไม่ถึง ได้พระราชทานพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า
"...ที่ข้างในหนองพลับแต่ก่อนนี้เข้าไม่ได้ แค่ครึ่งทางไปหนองพลับก็ไม่ได้ .. ปี ๒๔๙๕ หรือ ๙๖ เพิ่งได้รถบลูโดเซอร์ แล้วเอารถไปให้ค่ายนเรศวรให้สร้างถนนให้ไถถนนเข้าไปถึงห้วยมงคล ซึ่งเดี๋ยวนี้ห้วยมงคล ๒๐ นาทีก็ถึง ตอนนั้นเข้าไปตั้งแต่ ๘-๙ โมงเช้า เข้าไปถึงร่วมบ่ายโมง ไปรถจิ๊ปเข็นเข้าไป ลากเข้าไป..." ที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟก็เช่นเดียวกัน แม้จะขึ้นอยู่กับอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอยู่ห่างไกลความเจริญไม่ถึง ๒๐ กิโลเมตร แต่ก็ยังไม่มีถนนจากหมู่บ้านสู่ตลาดหัวหิน ประชาชนได้รับความลำบากในการเดินทางติดต่อกับภายนอกอย่างมาก

รถพระที่นั่งติดหล่มเช้าวันหนึ่ง รถยนต์พระที่นั่งบุกเข้าไปถึง "บ้านห้วยมงคล" แล้วไปตกติดหล่ม ลุงรวย งามขำ เกษตรกรพร้อมเพื่อนบ้านได้เข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ทราบว่าเจ้าของรถที่ขับมาติดหล่มอยู่นั้นเป็นใคร ภายหลังเมื่อเจ้าของรถลงมา จึงนึกได้ถึงคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านว่า "พระเจ้าอยู่หัว" กับ "สมเด็จพระราชินี" จะเสด็จพระราชดำเนินมาที่หัวหิน
ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ ได้รับสั่งถามถึงปัญหาของหมู่บ้าน และทรงทราบว่าสิ่งที่ชาวบ้านห้วยมงคลต้องการมากที่สุดคือ "ถนน" ดังนั้นต่อมาอีกไม่นาน โครงการพระราชดำริเพื่อก่อสร้าง "ถนนห้วยมงคล" จึงได้เกิดขึ้น นับเป็นถนนพระราชดำริสายแรกที่ทอดไปสู่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั่วประเทศ

ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างพระตำหนักประจำภูมิภาคเพื่อเป็นฐานการทรงงาน ส่งผลให้มีการก่อสร้างเส้นทางสัญจรสายใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นตามรอยพระยุคลบาท และทรงใช้เส้นทางเหล่านั้นในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรและพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกือบ ๔,๐๐๐ โครงการ ที่กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งล้วนเอื้อประโยชน์ต่อพสกนิกรทั้งในชนบทและชุมชนเมืองของไทยให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างพอเพียงและยั่งยืน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนำหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ก่อสร้างถนนอีกหลายเส้นทางซึ่งนอกเหนือไปจากเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสัญจรของราษฎร ยังรวมถึงเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ เป็นสำคัญอีกด้วย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้ รวมทั้งยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปในพื้นที่อันตราย เช่น เส้นทางสายน่าน - ปัว - ทุ่งช้าง - ปอน - ห้วยโก๋น อันเป็นเส้นทางที่ผู้ก่อการร้ายคุกคาม เพื่อขัดขวางการก่อสร้างทางมากกว่า ๑,๗๐๐ ครั้ง ทำให้สูญเสียเครื่องจักรและชีวิตของนายช่าง คนงาน ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และพนักงาน ของบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นจำนวนมาก แม้จะเต็มไปด้วยภัยอันตรายนานา แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิได้ทรงหวั่นยังเสด็จพระราชดำเนินไปเพื่อพระราชทานขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงและหน่วยราชการอื่นๆ ในการบุกเบิกสร้างทางเหล่านั้น

ช่วงพุทธศักราช ๒๕๒๑ - ๒๕๒๓ และ ๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้ดำเนินการปรับปรุงถนนในพื้นที่ทุรกันดาร เพื่ออำนวยประโยชน์ให้พสกนิกรที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านต่างๆ สามารถเดินทาง ติดต่อถึงกันด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยตลอดเส้นทาง โครงการปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวมีจำนวนมากถึง ๔๕ สาย ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางในภาคเหนือรองลงมาคือ ภาคใต้

การดำเนินงานตามโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำหรือฝายหรือโครงการฟาร์มตัวอย่างต่างๆ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ยังนำมาซึ่งการสร้างเส้นทางคมนาคมสายใหม่ๆ เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาพื้นที่แบบเบ็ดเสร็จ นั่นคือ นอกจากจะมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างเพียงพอ มีทรัพยากรสำหรับการประกอบอาชีพให้มั่นคงแล้ว ยังต้องมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกเพื่อการติดต่อสัญจรของชาวบ้าน ซึ่งกรมทางหลวงชนบท หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบโดยตรงได้สนองตามพระราชดำริ ดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงถนนให้ได้มาตรฐาน เอื้อประโยชน์ต่อเกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปิดทางสร้างถนนในพื้นที่ชนบทได้สร้างคุณูปการต่างๆ มากมายทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นการเปิดเส้นทางเพื่อรับการพัฒนาในด้านต่างๆ ให้เข้าสู่ พื้นที่ ช่วยให้การเดินทางสัญจรระหว่างชุมชนคล่องตัวและช่วยลดต้นทุนในการขนส่งผลผลิตไปสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว ราษฎรมีงานทำ สามารถประกอบอาชีพภายในภูมิลำเนา ลดการเดินทางเข้าไปหางานทำในเมืองใหญ่ มีรายได้ในครัวเรือนเพิ่มขึ้นและสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ ทำให้สถาบันครอบครัวมีความมั่นคงเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

พุทธศักราช เส้นทาง หมายเหตุ
๒๔๙๕ * สายห้วยมงคล ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
๒๕๑๓ * สายอำเภอรามัน - บ้านตะโละหะลอ อำเภอรือเสาะ นราธิวาส เพื่อความมั่นคงทางการเมืองและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
๒๕๑๙ * สายปราจีนบุรี - เขาใหญ่ ทางหลวงหมายเลข ๓๐๗๗ ปราจีนบุรี เส้นทางสายยุทธศาสตร์ให้รถยนต์ทหารผ่าน เพื่อความมั่นคงของประเทศบริเวณชายแดนกัมพูชา
๒๕๒๑ * สายอำเภอระแงะ - บ้านดุซงญอ - นิคมพัฒนาภาคใต้ นราธิวาส เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
๒๕๒๑ * สายบ้านสามแยก - อำเภอสุไหงปาดี นราธิวาส เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
๒๕๒๑ * สายบ้านวาก - บ้านใหม่ - บ้านแม่ตะไคร้ ทางหลวงหมายเลข ๑๒๒๙ เชียงใหม่ - ลำพูน ปรับปรุงเส้นทางข้ามภูเขาระหว่างบ้านเปาสามขา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ไปอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสังคม
หมายเหตุ: ภายหลังจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้สร้างเส้นทางคมนาคมอย่างต่อเนื่อง

ที่มา: ทางหลวงตามรอยพระยุคลบาท พุทธศักราช ๒๕๕๐ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม



ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
 ทรงพระเกษมสำราญ ตลอดกาล ตลอดไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #297 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2014, 17:59:59 »

ตามรอยพ่อ




พระทรงเป็น ยิ่งกว่า มหากษัตริย์
พระทรงเป็น นักปฏิบัติ สืบค้นหา
พระทรงเป็น นักคิด พิจารณา
พระทรงเป็น นักพัฒนา คู่ฟ้าไทย
พระทรงธรรม น้อมนำ ธรรมชาติ
พระเปรื่องปราชญ์ ชัดแจ้ง แถลงไข
พระทรงสร้าง ทางถูก ให้ลูกไทย
พระมหากษัตริย์ไทย ครองใจชน






cr.หนังสือในหลวงของฉัน
》เด็กหญิงวัย ๓ ขวบเข้าเฝ้าฯ ถวายดอกไม้ ระหว่างเสด็จทอดพระเนตรโครงการพระราชดำริอ่างเก็บน้ำในวิทยาลัยเกษตรกรรมนราธิวาส
》เมื่อวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๖ (ภาพลูกสาวและภรรยาของนายชาตรี แสงอุไร อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา)












  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #298 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2014, 18:11:57 »
















ในหลวงเสด็จฯ เยี่ยม จ.ส.ต.สามารถ หาแสงศรี
เนื่องจากเหตุการณ์ปะทะกับผู้ก่อการร้าย ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ราวปี พ.ศ.๒๕๑๙




  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
FIRE
Spacial Mb5
*

พลังน้ำใจ: 216
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488


อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ


« ตอบ #299 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2014, 17:19:21 »

ใต้ร่มพระบารมี

 
บ้านหลังนี้เป็นหนึ่งที่เรามักจะชินตา
 เห็นแล้วเราอดคิดคำว่า "รูปที่มีทุกบ้าน" ไม่ได้

บัดนี้บ้านไม้หลังเล็กๆ ของครอบครัว พันธุ์โพธิ์ ที่อำเภอบางกรวย จ. นนทบุรี
 นำภาพในหลวง พระราชินี และ พระราชวงศ์ ติดไว้ตามผนังบ้าน
 ขือเพดานหลังคา เติมทั้งบ้าน และเขียนป้ายไว้ที่หน้าบ้าน
ว่า "บ้านพ่อหลวง" เจ้าของบ้านกล่าวว่า
จะต้องเก็บภาพเหล่านี้ เนื่องจากบ้านหลังนี้จำเป็นต้องรื้อ เพื่อย้ายไปบ้านหลังใหม่

ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวได้บ้านใหม่ที่เหมาะสมและสานต่อตำนานนี้ต่อไป
Cr.Nation Channel








  อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
 ธงชาติ ชีวิตนี้ พลีเพื่อชาติ  ธงชาติ
บันทึกการเข้า
แท็ก:
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 [12] 13 14 15 16 17 18 19 20   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค "เว็บมหาชน คนมหาโชค"
 
คติ "กินอยู่อย่างพอเพียง เสี่ยงโชคแต่พอควร"
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย
คำเตือน -ทางเว็บไม่ได้ทราบเป็นการล่วงหน้าว่าหวยทางกองสลากจะออกตัวไหน แต่เราใช้การวิเคราะห์หรือประเมินตามหลักสถิติ
หรือวิธีการอื่นว่า เลขที่มีโอกาสออกมากที่สุดในแต่ละงวดควรจะเป็นเลขอะไรเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ การเล่นหวยถือว่ามีความเสียงมาก
Sitemap | Contact | WAP | xHTML | iMode | WAP 2 | RSS

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines | Sitemap
อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน ©
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 2.318 วินาที กับ 23 คำสั่ง
Copyright (c) 2008-2022 apichokeonline.com