อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน
01 พฤศจิกายน 2024, 06:09:56 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ผลงานห้อง VIP (งวด 1 ต.ค.67)
อ.n_uthong ถูกตรงเลขท้าย ๒ ตัว 59
อ.goodrich ถูก 59 ตรงๆ เลขท้าย ๒ ตัว
อ.goodyjung ถูกสามตัวสลับ 566
อ.พริม ถูกตรง เลขท้าย ๒ ตัว 59

ออก 665-59

   หน้าแรก   หวยรัฐบาล SUPER VIP หนังสือหวย VIP สมัคร vip ช่วยเหลือ แท็ก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก Register  
ฝากภาพ i-pic
หน้า: 1 [2] 3   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระเครื่อง...เรื่องขำ..ขำ  (อ่าน 345597 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #25 เมื่อ: 22 เมษายน 2020, 12:45:49 »


                                          

                                 โควิด  เจ้าตัวร้าย.........แต่ก็พ่ายหัวนอโม


      หัวนะโม  หรือหัวนอโม     ประดับไว้บนแหวน  เป็นหัวนะโมรุ่นเก่า   แต่อาจจะไม่โบราณ  แต่ก็นานพอสมควร

หัวบนเป็นเนื้อเงินยวงเก่าแน่นอน  ใต้หัวนะโมเป็นรอยบากยาว    ตัวเรือนเป็นทองเหลือง    ส่วนหัวนะโมล่าง  เป็นเนื้อเงินหรือไม่   ไม่แน่ใจ
ใต้หัวนะโมเป็นยันต์อุ  น่าจะสร้างโดยเกจิอาจารย์รุ่นก่อน  ส่วนตัวเรือนเป็นนาค

      จะมีมานานเท่าไรไม่รู้    แต่หยิบมาประดับเรือนแหวนก็เลย  60  ปีไปแล้วละ  ติดตัวมาตั้งแต่รุ่นหนุมกะทง  มาหลัง ๆ  ต้องเลิกใช้เพราะ
คับนิ้ว  จะรื้อทำใหม่ก็เสียดายศิลปรุ่นเก่า  เลยเก็บไว้เป็นที่ระลึก
บันทึกการเข้า

numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #26 เมื่อ: 22 เมษายน 2020, 13:17:09 »



     หัวนะโม    เครื่องรางของขลังของชาวจังหวันครศรีธรรมราช    ซึ่งสืบสานตำนาน
แห่งอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์  แสดงอิทธิฤทธิ์ปราบโรคระบาดที่ร้ายแรงให้เห็นมาแล้ว
หลายครั้ง

     มาวันนี้   เมื่อโควิดมาเยือน   หัวนะโมก็จะต้องสำแดงเดชปกปักษ์รักษาประชาราษฏร์
ทั่วพื้นแผ่นดินไทยให้สยบราบคาบลงอีกครั้งหนึ่ง

     บันทึกตรงนี้ไว้กันลืมก่อน

     22 เมษายน  2563     ผู่ป่วยด้วยโรคโควิด

             ทั้งโลก  2,555,751    คน
             ตาย        177,459    คน

     ประเทศที่คนเป็นโรคนี้มากที่สุด

             อเมริกา    818,744    คน
             ตาย          45,318    คน

     ประเทศไทย

             ติดเชื้อ         2,826   คน
             ตาย                 49   คน


เพราะการร่วมมือร่วมใจของประชาชนคนไทย  แพทย์ไทย  รัฐบาลไทย
โควิดจะร้ายแค่ไหน  ก็แพ้พ่ายอยู่ดี

      ส่วนกำลังใจที่แข็งแกร่ง  แรงเสริมจากหัวนะโม   ก็อาจจะแสดงพลังปาฏิหารย์
สร้างพลังใจให้กับปวงชน  ให้พร้อมที่จะลุกขึ้นสู้อย่างไม่ท้อถอย

      และหมอแต่ละท่าน   ก็มีหัวนะโมที่มอบให้มาเสริมแรงกันทุกท่าน

อะไรคือหัวนะโม....ก็ติดตามกันต่อไป
บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #27 เมื่อ: 22 เมษายน 2020, 13:34:38 »



ผู้ใหญ่เยิ้ม เรืองดิษฐ์ มอบหัวนอโม 30,000 หัว ผ่านพ่อเมืองนครศรีธรรมราช ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
เพื่อมอบเป็นขวัญกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ


    แหล่งที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
    วันที่ข่าว : 1 เมษายน 2563

        วันนี้ (1 เม.ย.63) ที่ห้องปฏิบัติงานผู้ว่าราชการจังหวัด ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นางเยิ้ม เรืองดิษฐ์ หรือผู้ใหญ่เยิ้ม
เจ้าของพิพิธภัณฑ์หาดทรายแก้ว ตำบลท่าขึ้น อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ในนามลูกหลานชาวศรีวิชัยนครศรีธรรมราช
และคณะ ได้มอบหัวนอโม รุ่นนะกันภัย จำนวน 30,000 หัว ผ่านนายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
เพื่อส่งมอบต่อให้นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นำไปแจกจ่ายให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ
เช่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี สถาบันบำราศนราดูร และโรงพยาบาลทั่วประเทศ
เพื่อเป็นการบำรุงขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานป้องกันและรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19


      นางเยิ้ม เรืองดิษฐ์ กล่าวว่า หัวนอโม หรือหัวนะโม รุ่นนะกันภัย ทำจากโลหะเงินยวง แช่ว่านยา บรรจุพระเวทกันภัย
จัดสร้างด้วยศาสตร์แห่งพิธีกรรมหัวนอโมอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันภัยให้กับประชาชน ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาพราหมณ์นาน
6 ชั่วโมง ณ วังโบราณลานสกา อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2563 ซึ่งตามประวัติโบราณเมื่อ
700 ปีก่อน มีความเชื่อว่าได้มีการสร้างหัวนะโม มาเป็นส่วนหนึ่งในการปัดเป่าโรคร้าย โรคห่า โรคอหิวา ที่มีการระบาดใน
จังหวัดนครศรีธรรมราชให้หายไป ส่วนการจัดสร้างหัวนอโม รุ่น นะกันภัย ในครั้งนี้ เพื่อบำรุงขวัญและกำลังใจให้แก่บุคลากร
ทางการแพทย์และประชาชนทั่วไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 เมษายน 2020, 13:40:15 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #28 เมื่อ: 22 เมษายน 2020, 13:45:17 »


ภูมิภาค

วัดแทบแตก! แห่บูชาแหวนหัวนะโม วัดดังเมืองคอนป้องกันโรคโควิด19
วันพฤหัสบดี ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2563, 21.57 น.
   
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
 
        วันที่ 12 มี.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ วัดเขาพระทอง ต.เขาพระทอง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช
มีชาวบ้านทั้งในจังหวัดนครศรีธรรมราช และต่างจังหวัด รวมทั้งนักท่องเที่ยว แห่เดินทางมาเช่าบูชาหัวนะโม
และแหวนหัวนะโม หลังมีความเชื่อว่าแหวนหัวนะโม ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย คุณไสย มนต์ดำ และป้องกันโรคร้าย
ไวรัสโควิด – 19 เหมือนเช่นในอดีตที่หัวนะโมถูกนำมาใช้ปัดเป่าโรคห่า โรคอหิวา คุ้มครองให้ประชาชนชาว
จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้รอดปลอดภัย ทำให้บรรยากาศที่วัดเขาพระทองตลอดทั้งวัน มีชาวบ้านเดินทางมา
เช่าบูชาแหวนหัวนะโมกันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่เดินทางกันมาเป็นครอบครัวและหมู่คณะ ขณะที่ทางวัดเขาพระทอง
มีการจัดเตรียมสถานที่ พร้อมกับบัตรคิวเช่าบูชาแหวนหัวนะโม เพื่ออำนวยความสะดวก

         พระมหาอารยะนันท์  อนันโท เจ้าอาวาสวัดเขาพระทอง เปิดเผยว่า แหวนหัวนะโม และหัวนะโม
ทางวัดจัดสร้างขึ้นเป็นรุ่นแรก เพื่อต้องการนำรายได้สมทบทุนสร้างโบสถ์หลังใหม่ของวัด ซึ่งแหวนหัวนะโม
และหัวนะโมรุ่นแรกของวัด มีขั้นตอนการจัดสร้าง รวมทั้งการประกอบปลุกเสกตามพิธีโบราณทุกประการ
ส่วนที่ชาวบ้านเชื่อว่าป้องกันไวรัสโควิด - 19 นั้น ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล อย่างไรก็ตามหัวนะโม
ตามประวัติโบราณเมื่อ 700 ปีก่อน มีการนำหัวนะโมมาเป็นส่วนหนึ่งในการปัดเป่าโรคร้าย โรคห่า
โรคอหิวา ที่มีการระบาดในจังหวัดนครศรีธรรมราชให้หายไป   

สำหรับประวัติ “ หัวนะโม ” ถือเป็นเครื่องรางของขลังที่ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช รู้จักกันดี
และมีความเชื่อมายาวนานนับกว่า 700 ปีแล้ว โดยมีการเล่ากันว่า ราวก่อนพุทธศตวรรษที่ 18
หัวนะโมคือเม็ดโลหะที่เป็นเบี้ยใช้แทนเงินตราไว้แลกเปลี่ยนสินค้าในอาณาจักรตามพรลิงค์
(นครศรีธรรมราชในปัจจุบัน) และที่เรียกว่า หัวนะโม เนื่องจากมีลักษณะเป็นเม็ดกลม
และมีอักษรปัลลวะหรืออักษรอินเดียโบราณจารึกไว้ ในอดีตอาณาจักรตามพรลิงค์
(นครศรีธรรมราชในปัจจุบัน) เกิดโรคห่าหรืออหิวาตกโรค ระบาด พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช
กษัตริย์แห่งอาณาจักตามพรลิงค์จึงทรงทำพิธีปลุกเสกหัวนะโมขึ้นด้วยพิธีกรรมแบบพราหมณ์
โดยอัญเชิญเทพเจ้าทั้งสามคือ พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม มาสถิตในหัวนะโม
เป็นอักขระแทนองค์เทพเจ้าทั้งสามองค์ แล้วนำหัวนะโมไปหว่านไว้รอบเมือง
และหว่านสถานที่เกิดโรคระบาด ปรากฏว่าโรคห่าได้หายไปจากอาณาจักรนครศรีธรรมราช

     นอกจากนี้ในรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เกิดโรคห่าระบาดขึ้นในเมืองนครศรีธรรมราช
พระองค์จึงมีรับสั่งให้สร้างหัวนะโมขึ้น แล้วประจุผงพระพุทธคุณอันวิเศษที่สำเร็จขึ้น
จากพระอาจารย์ผู้มีกฤตยาคมสูงลงในหัวนะโมนั้น แล้วทรงโปรดเกล้าฯ ให้นำหัวนะโม
ไปหว่านโปรยรอบเมืองนครศรีธรรมชาติ ต่อมาโรคห่าก็หาย ทำให้ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช
เชื่อกันว่า “หัวนะโม” คือของมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์ที่รู้จักและมีไว้เป็นมงคลประจำตัว
เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อกันว่า หัวนะโม
มีพุทธคุณครอบจักรวาล คือ ด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ และป้องกันภัยแคล้วคลาด
และนิยมติดตัวไว้ ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนหัวนะโม เป็นแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ
ต่างหู เพื่อง่ายในการสวมใส่

บันทึกการเข้า
sutep123
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 39279
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18,578


« ตอบ #29 เมื่อ: 22 เมษายน 2020, 13:59:08 »

 ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอให้รวย3
บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #30 เมื่อ: 23 เมษายน 2020, 09:38:36 »



             ที่ไม่มีจะให้มี......ที่มีจะให้ไม่มี

ก็แค่พระเครื่อง...เรื่องขำ-ขำ

         บอกก่อน  เขียนให้อ่านเพลิน ๆ   ช่วงโกวิด-19  เท่านั้น  ไม่มีข้อมูลอ้างอิง  ไม่มีหลักวิชาการ
อาศัยแต่ประสบการณ์ที่เคยพบ  เคยเห็นมาเท่านั้น   อาจจะเหมือนใคร  หรือไม่เหมือนใคร
ไม่ยืนยันว่าถูกหรือผิด...คิดเอาเอง

หลวงปู่ทวดวัดช้างให้  รุ่นทะเลซุง  ปี  2508   มีหรือไม่มี

ถ้าบอกว่า..ไม่มี  ไม่เคยพบ  ไม่เคยเห็น  กลุ่มที่เล่นรุ่นทะเลซุง  ก่นกันตรึมแน่
น่าจะเหมือน ๆ  กับ  สมเด็จวัดพระแก้ว  สมเด็จวังหน้า  ที่ถึงวันนี้ยังไม่มีใครยอมใคร

พระเครื่อง  เรืองขำ..ขำ  มันจึงอยู่ตรงนี้แหละ

      ตั้งแต่ปี   2505  ถึงปี 2540  ผู้เขียนอยู่ในท้องที่จังหวัดยะลา  เดินขึ้นเดินลงวัดช้างให้จนบันไดเป็นเทือก
ย่ำแผงพระในตัวเมืองยะลา  เหมือนไปจ่ายตลาดสด

      บอกตรง ๆ  ไม่เคยเห็นพระพิมพ์นี้เลย  ไม่ว่าที่ไหน   นี่ถือว่าเป็จุดบกพร่องที่ไม่น่าให้อภัย

      พายุเกย์  เกิดเมื่อปี   2532   หลวงปู่ทวดสร้างปี  2508  มาตั้งชื่อตามพายุเกย์ว่า "รุ่นทะเลซุง"
ห่างกันหลายปีเหลือเกิน    ก่อนนี้ไปอยู่ไหนมา

      หลวงปู่ทวด   สร้างปี  2508  แล้วบอกว่าอาจารย์ทิมแจกให้คนโน้น  คนนี้  ในรอบ  10  ปี  พระองค์นี้
ไม่โผล่ออกมาให้เห็นบ้างหรือ

      ประสบการณ์จริง ๆ ....หลวงปู่ทวดรุ่นทะเลซุง  พิมพ์หลังเจดีย์  มีหูในตัว  ด้านหน้ามีรูปหลวงปู่ทวดถือ
ลูกแก้ว  รูปหลวงพ่อทวดถือลูกแก้วนี่  เป็นของวัดพะโคะเขา   แล้วรูปเจดีย์นี่ก็น่าจะเป็นเจดีย์โบราณของวัด
พะโคะมากกว่าจะเป็นเจดีย์วัดช้างให้
 
      และในปี  2508  คนภาคใต้เขามักจะเรียกชื่อว่าหลวงพ่อทวด    หลวงปู่ทวดนี่  เป็นคำเรียกของคนภาคกลาง  
จนถึงบัดนี้จะเห็นว่าพระที่ออกจากวัดช้างให้ยังเรียกหลวงพ่อทวด  แต่แถวภาคกลางเขาเรียกหลวงปู่ทวด

      และชื่อหลวงพ่อทวดนี้   ก็เป็นชื่อที่หลวงพ่อทวดบอกกับท่านอ.ทิมว่า  พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้   ให้เรียกชื่อว่า
"หลวงพ่อทวด"

     เคยแซวเล่นกับหลวงพ่อทวดว่า  " แหม  ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ภาคกลางนี้   แก่ขึ้นเยอะนะ  จากหลวงพ่อมาเป็น
หลวงปู่แล้ว"   หลวงพ่อทวดท่านคงจะนึกขำอยู่เหมือนกัน  ท่านคงจะบ่นว่า "ทะลึ่งจริงนะลูกคนนี้"


      แต่แถววัดพะโคะเขาก็เรียกหลวงปู่ทวดนะ   เพราะสมเด็จเจ้าพะโคะ  เดิมชื่อว่า "ปู"

      สรุปแล้วพายุเกย์ก็ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไป   อย่างน้อยก็ได้มีพระรุ่นทะเลซุง ไว้ปกป้องกันภัย

      อย่าเอาเป็นเรื่องจริงจัง...เพราะมีคนเขาพูดไว้ว่า  "สิ่งที่เห็นว่าไม่มี   ไม่ใช่จะไม่มี"




                    


                    

           หลวงปู่ทวด  พิมพ์ก้ามปู    เป็นพิมพ์หนึ่งของหลวงปู่ทวดรุ่นทะเลซุง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 เมษายน 2020, 13:27:57 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #31 เมื่อ: 24 เมษายน 2020, 07:48:15 »

                                              


                    หลวงพ่อทวดวัดช้างให้  หลังตัวหนังสือ ปี  2524
                                  กฤตยานุภาพเกินบรรยาย





ไม่เคยเจอหน้ากันมาตั้งเกือบ  40  ปี   อยู่ ๆ โผล่พรวดขึ้นมา  ใคร ๆ ก็ต้องตกใจ  !!!!!!!

นี่ก็เป็นพระเครื่อง  เรื่องขำ..ขำ  อีกเรืองหนึ่ง

ฟังและคิดอย่างมีสติ  ใช้วิจารณญานและเหตุผลในการคิด

นี่เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เรื่อง  สำหรับผู้ที่เคารพและศรัทธาหลวงพ่อทวดวัดช้างให้  จังหวัดปัตตานี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 เมษายน 2020, 08:02:18 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #32 เมื่อ: 24 เมษายน 2020, 08:39:23 »



     เมื่อ 2-3  ปีที่แล้ว  เกิดไปอ่านเจอในเว็บไซด์   เรื่องของพระเครื่องเนื้อโลหะ
พิมพ์ตัวหนังสือ  สร้างปี  2524  ในลักษณะว่ามีการสร้างขึ้นจริงหรือไม่  บางคนบอกว่า
รุ่นนี้วัดไม่มีการสร้าง  มีคนสร้างขึ้นมาภายหลังแล้วเอามาหลอกขายว่าเป็นของวัด บางคน
ก็บอกว่า  มีจริง  วัดสร้างพระรุ่นนี้ขึ้นมา   สุดท้ายก็เถียงกันไม่ตกขอบ

     ฝ่ายที่ว่าพระรุ่นนี้วัดไม่ได้สร้างน่าจะชนะ     เพราะเห็นสมาคมพระเครื่องประกาศยกเลิก
ไม่ให้มีการรับพระรุ่นนี้เข้าประกวด  จะด้วยเหตุผลใดไม่แน่ชัด

     ก็นั่งงงอยู่เหมือนกัน  เพราะเท่าที่จำได้  เคยเช่าบูชาแต่พระเนื้อว่านปี  2524 กับ
พระเหรียญต่าง ๆ  ของปี 2522  (พระเนื้อว่านก็สร้างปี 2522 เช่นกัน)

     พระโลหะหลังตัวหนังสือนี่โผล่มาได้ยังไง  

     วันนั้นนึกอะไรขึ้นมาได้ก็ไม่รู้   อยากจะดูพระขึ้นมา  จึงลุกไปหยิบกล่องใส่พระ
กล่องใหญ่ที่มีพระและเหรียญต่าง ๆ  เก็บแบบสุม ๆ  กันไว้ในกล่องสูงเต็มกล่อง
เป็นร้อย ๆ องค์แหละว่างั้น

     กล่องนี้มักจะเก็บพระที่ได้มาใหม่ ๆ ที่ไม่มีกล่องใส่  สารพัดหลวงพ่อที่ไปเช่ามาจากวัด
ใครไปใครมาอยากได้พระก็จะหยิบจากในกล่องนี้ให้ไป  พระในกล่องนี้จึงไม่เคยเต็ม  
เพราะมักจะมีออกมากกว่าเข้า  พระในกล่องนี้จึงถูกรื้อเข้ารื้ออกบ่อยที่สุดในรอบหลายสิบปี

    ได้กล่องเก็บพระมาแล้ว  เปิดฝาออกมือก็ควานรื้อดูพระที่กองสุมอยู่ในกล่อง  นิ้วไปแตะ
กับองค์พระโลหะหนัก ๆ องค์หนึ่งที่อยู่ก้นกล่อง  ด้วยความสงสัยจึงหยิบขึ้นมาดู

   แล้วก็ต้องตกตะลึง   รู้สึกชาไปชั่วครู่   เพราะพระองค์นั้นคือหลวงพ่อทวดเนื้อโลหะ
ปี 2524  เหมือนกับรูปภาพในเว็บไซด์ที่เปิดดู    และกำลังเป็นปัญหาอยู่ (องค์ที่ลงภาพ
ให้ดู)  เป็นไปได้ยังไง  พระมาจากไหน


    ก็มานั่งคิดตรึกตรองย้อนหลังดู  พระองค์นี้ไม่ได้มาจากไหนหรอก  เช่ามาเองเมื่อปี
2526-2527  โน้นแหละ  แต่ก็ลืม...ลืมมา  30  กว่าปี  แม้พระองค์นี้จะอยู่ก้นกล่อง
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  ไม่เคยควานพบพระองค์นี้ที่ก้นกล่องเลย

    เหมือนกับว่าพระองค์นี้ไม่เคยมีตัวตน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 เมษายน 2020, 11:47:11 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #33 เมื่อ: 24 เมษายน 2020, 09:09:08 »



      ในช่วงปี 2522-2530   พระของวัดช้างให้ออกมาหลายรุ่น  มีรุ่นปี  2522
2524  และรุ่น รศ.200  พระประจำวัด  และรุ่นอื่น ๆ อีก  จึงมีพระหลากหลายมาก

      ยังพอจำได้ว่า  เคยไปเช่าพระที่วัดช้างให้   แล้วเห็นพระ 2524  องค์นี้อยู่ในพาน
หยิบขึ้นมาดูพร้อมนึกในใจว่า   "พระอะไรไม่รู้  สร้างรูปร่างแปลก ๆ ไม่เหมือนกับที่เคยสร้าง
ครั้งก่อน ๆ เลย  ไม่สวย"  ก็วางกลับที่เดิม  รู้สึกหลายครั้งที่ไป   เห็นพระองค์นี้แล้วเมิน
แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่า  เช่าเก็บไว้สักองค์ดีกว่า  เป็นที่ระลึก....ก็แค่นั้น

      จึงได้พระองค์นี้มาไว้แบบไม่สนใจอีกเลย  และไม่เคยพบเห็นพระองค์นี้อีกเลยตั้งแต่
วันนั้น  ตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปี

       "อยู่ ๆ  ก็โผล่พรวดขึ้นมา   ใครละจะไม่ตกใจ"


      เชื่อไหม...หลวงพ่อทวดต้องการจะบอกว่า  พระหลวงพ่อทวดเนื้อโลหะ หลังตัวหนังสือปี 2524
นั้นทางวัดสร้างขึ้นจริง ๆ  เป็นหลวงพ่อทวดที่สร้างขึ้นด้วยพิธีกรรมที่เข้มขลัง

      ไม่งั้น....ทำไมต้องเจอหลวงพ่อทวดองค์นี้  ในเวลาที่พระรุ่นนี้มีปัญหา

      แม้หลวงพ่อทวดจะมาส่งข่าวสารตรงนี้   แต่จริง ๆ  ก็ยังไม่ได้ส่งข่าวนี้ออกไป  ทั้ง ๆ ที่หลายปีแล้ว
ก็ถือโอกาสช่วงโควิท-19  นี้  ยืนยันว่าพระรุ่นนี้สร้างจริง  มีจริง และเช่ามาจริงเมื่อปี 2526

     ใครมีพระรุ่นนี้  ก็ขอให้บูชาด้วยความสนิทใจ   ขอบารมีท่านปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัย  และ
อยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป

       พระรุ่นนี้สร้างขึ้นมา  2  เนื้อ  เป็นเนื้อรมดำ  กับเนื้อกะหลั่ยทอง  เนื้อรมดำวางให้เช่าบูชา
ส่วนเนื้อกะหลั่ยทองท่านเจ้าอาวาสจะเอาไว้แจกแขกที่ไปพบหาท่าน

       ส่วนรูปแบบ  ก็น่าจะจำลองมาจากพระเนื้อว่านพิมพ์กรรมการ  ปี  2497  เพราะพระเนื้อว่าน
พิมพ์ใหญ่ที่สร้างเมื่อปี  2524  ก็สร้างในรูปแบบของพระพิมพ์กรรมการปี  2497 เช่นกัน

       ก็แบบว่า...ทั้งพระเนื้อว่านและพระเนื้อโลหะ  สร้างให้เหมือนกัน  เพราะเป็นพระสร้างใน
วาระเดียวกัน

      แล้วแบบนี้...จะว่าพระรุ่นนี้ไม่มีในระบบของวัดช้างให้  ก็น่าจะคิดทบทวนกันดูให้ดี

      หลวงพ่อทวดมีความศักดิ์สิทธิ์ล้ำลึก   ผู้เขียนเองเคยได้หลวงพ่อทวดปี 2497
มาถึงบ้านโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว  พอที่จะส่งทอดเป็นมรดกให้ลูกหลานได้
ครบทุกคน  โดยการอธิษฐานขอจากหลวงพ่อทวดโดยตรง

     ใช่...สิ่งที่มองไม่เห็น...สิ่งที่ว่าไม่มี....ใช่ว่าจะไม่มี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 เมษายน 2020, 11:54:24 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
sutep123
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 39279
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18,578


« ตอบ #34 เมื่อ: 24 เมษายน 2020, 09:27:51 »

 ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #35 เมื่อ: 26 เมษายน 2020, 09:21:15 »



                   ต้นหูกระจง...ควรปลูกห่าง ๆ บ้าน


          วลีขำ..ขำ  เหมาะกับวงการพระจริง ๆ


                             +++++++++++

     เห็นวลีนี้ทีไร  อดขำตัวเองไม่ได้   สมัยเล่นพระใหม่ ๆ  ชอบฟังนิทานต่าง ๆ
ฟังแล้วเคลิ้มเป็นจริงเป็นจัง    คือเชื่อเสียทุกเรื่อง

      เข้าวงการพระใหม่ ๆ   ไม่เคยรู้เรื่องพระ  แต่อยากศึกษาเรื่องพระ  สมัยนั้น
พ.ศ. 2507  ไม่มีตำราพระ  แต่มีหนังสือพระเป็นเล่มขายแล้ว   ก็หามาอ่าน  เขา
มักจะแนะนำให้หาพระกรุเป็นส่วนใหญ่   บอกพระกรุดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้  ก็เลย
ฝังหัวละทีนี้

     ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หลวงพ่อทวดวัดช้างให้กำลังดัง  ไปเช่าที่วัดนี่ราคาถูกมาก
องค์ละ 5 บาท 10 บาท  ไปวัดแต่ละทีได้มาเป็นกอง  จำได้ว่าเช่ามาไม่ต่ำกว่า
40-50  เหรียญ  ทุกรุ่นทุกพิมพ์  (แต่สมัยนั้นรับราชการ  เงินเดือน 450  บาท
พอ ๆ กับราคาทองคำบาทละ  450  บาท)

    แต่นิสัยแปลกที่แก้ไม่หาย   คือได้มาแล้วแจกหมด  เห็นหน้าใครก็อยากจะแจก
พระสมเด็จวัดระฆัง รุ่น  108 ปี  รุ่น  118 ปี  122  ปี   รุ่นเสาร์ 5 ตามไปเช่าถึง
วัดระฆังทุกรุ่น  อย่างรุ่น  122 ปีนี่  คนแย่งกันเช่าพระจนรั้วกันพังทะลาย  ต้อง
ประกาศหยุดให้เช่า  แต่มาวันนี้แทบไม่เหลือให้เห็น  แจกหมด

    เหมือนฟ้าบันดาล   มีเซียนพระ(ประเภทต้มตุ๋น)มาเช่าบ้านอยู่ตรงข้ามกับบ้าน
พอรู้ว่าสนใจเรื่องพระกรุ  ก็เลยมานั่งคุย แนะนำให้ความรู้เรื่องพระกรุ  พร้อมกับ
นิทานต่าง ๆ มากมาย  มีพระกรุรุ่นต่าง ๆ มาให้ดู  ถ้าชอบแลกได้ทุกองค์  แลก
กับพระหลวงพ่อทวดก็ได้

    ก็อย่างว่าหลวงพ่อทวดเป็นพระใหม่  พระกรุเป็นพระเก่าหายาก  เขาบอกว่าแท้
ก็แลกไป  หลวงพ่อทวด 2-3 เหรียญกับพระกรุ  1  องค์

    จนสุดท้ายหลวงพ่อทวดที่เช่ามาก็หมด   ที่วัดก็ไม่มีแล้ว   แต่ได้พระกรุมาเป็นกอง

    พอชักจะมีความรู้เรื่องพระ   จึงซาบซึ้งจริง ๆ  ว่า  "ต้นหูกระจง  ต้องปลูกไกล ๆ บ้าน"
เพราะพระหลวงพ่อทวดนั้นเป็นของแท้  เช่ามาจากวัด  แต่พระกรุนั้นเป็นของปลอม  ปั้น
มากับมือ

    เพราะเล่นพระด้วยหู.....ชอบฟังแต่ตำนาน....สุดท้ายก็จะได้พระเก๊มาแขวนคอ

    หลัง ๆ เลยหยุดเสวนากับเซียนพระ   เช่าหาพระกับวัดอย่างเดียว  หลวงพ่อไหนดัง
ก็เดินทางไปถึงวัด  หยุดหาพระกรุ  ไม่เล่นพระแผง  ไม่ซื้อพระห้าง  เข็ดจริง ๆ ให้ดิ้นตาย

   เช่าพระจากวัดไม่ต้องคิดมาก  ถือว่าทำบุญให้วัด  ได้พระเป็นของแถม ใหม่วันนี้   อีก
50  ปี  เป็นพระเก่ามีราคา   ไม่ต้องนั่งพิสูจน์แท้เทียมให้ปวดหัว

   ในชีวิตเช่าพระทำบุญจากวัด  น่าจะไม่เกิน  200,000  บาท  ได้พระมาเป็นหมื่นองค์
มาวันนี้ให้เช่าพระหลวงพ่อทวดวัดช้างให้  ไปสัก  10  เหรียญ  ก็น่าจะคุ้มทุนแล้ว  ที่เหลือ
ถือว่ากำไรบานเบอะ

   ก็ฝากไว้สำหรับคนที่ชอบปลูกหูกระจงข้างบ้าน

   ขอบคุณผู้ที่คิดค้นวลีนี้ขึ้นมา.....ขำจริง ๆ



                

                      

                      

                      
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 เมษายน 2020, 13:33:27 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #36 เมื่อ: 26 เมษายน 2020, 10:35:24 »

            









              เหรียญพระครูกาชาด  (ย่อง)  วัดวังตะวันตก   2512

      1 ใน 4 กา  ที่เฝ้ารักษาพระบรมธาตุจังหวัดนครศรีธรรมราช


                     thank you thank you thank you thank you

  

     ตำนานกล่าวไว้ว่า.....เจ้าชายทันทกุมาร  และเจ้าหญิงเหมชาลา  โอรสและธิดาของท้าวสีหราช  เมืองทันทบุรี  ซึ่ง
ได้รักษาพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้าเอาไว้  ได้นำพระเขี้ยวแก้วหนีออกจากเมือง  หลังจากเจ้าเมืองขันธบุรี  ยกทัพใหญ่
มาแย่งชิง

     พระเขี้ยวแก้วนี้ตามตำนานบอกว่า  มีพราหมณ์ผู้หนึ่งลักลอบเอาออกมาในตอนที่มีสงครามแย่งชิงพระธาตุของพระพุทธเจ้า
แล้วพระเขี้ยวแก้วนี้ระเหเร่ร่อนหลบหนีผู้แย่งชิงอยู่ถึง  800 ปี  จึงจะตกมาอยู่กับกษัตริย์สีหราช

    ทันทกุมารและเจ้าหญิงเหมชาลา  ล่องเรือไปจนโดนพายุ  เรือมาเกยที่ชายหาด  แถว ๆ จังหวัดพังงา  ต่อมาทราบข่าวว่า
ที่หาดทรายแก้ว  เมืองนครศรีธรรมราช  มีเรือที่จะเดินทางไปกรุงลังกาได้  จึงเดินทางไปหาดทรายแก้ว  แต่ก็กลัวว่าถ้าเดินทาง
ต่อไปโดยนำพระเขี้ยวแก้วไปด้วย  อาจจะถูกศัตรูจับได้  จึงฝังพระเขี้ยวแก้วไว้ที่หาดทรายแก้ว  แล้วอาศัยเรือเดินทางไปกรุงลังกา
รอให้ศึกสงครามสงบ   ค่อยกลับมาเอา

    พอทุกอย่างสงบราบคาบ   ทันทกุมารและเจ้าหญิงเหมชาลา   ก็เดินทางกลับไปหาดทรายแก้ว   นำพระเขี้ยวแก้วไปถวายพระ
เจ้ากรุงลังกา  ปัจจุบันพระเขี้ยวแก้วก็บรรจุไว้ในเจดีย์กรุงลังกา

    เสร็จภารกิจ  เจ้าชายทันทกุมารและเจ้าหญิงเหมชาลา  ก็เดินทางกลับพระนคร  พระเจ้ากรุงลังกาก็มอบพระสารีริกธาตุให้ไป
1  ทะนาน   เจ้าชายทันทกุมารจึงแบ่งพระสารีริกธาตุออกเป็น  2  ส่วน    ส่วนหนึ่งจะนำกลับไปพระนคร   ส่วนหนึ่งก็จะนำไปฝัง
ไว้ที่หาดทรายแก้ว  ตรงที่ ๆ ฝังพระเขี้ยวแก้วเอาไว้

     ตำนานก็ชักจะสนุกขึ้นเรื่อย ๆ แล้วละ.......


  

                



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 มิถุนายน 2024, 09:52:04 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
sutep123
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 39279
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18,578


« ตอบ #37 เมื่อ: 27 เมษายน 2020, 10:23:08 »

 ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #38 เมื่อ: 27 เมษายน 2020, 12:07:21 »

                                                    

                                                    

                     พระเจ้าศรีธรรมโศกราช  ปฐมกษัตริย์ผู้สร้างเจดีย์พระบรมธาตุ   จังหวัดนครศรีธรรมราช


เล่าขานตำนานกันต่อ.......

     หลังจากเจ้าชายทันทกุมารและเจ้าหญิงเหมชาลากลับมาถึงหาดทรายแก้ว    ก็ได้เอาพระบรมสารีริกธาตุฝังดินไว้
จากนั้นก็ได้สร้างเจดีย์เล็ก ๆ ครอบไว้  และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดมาลักลอบขุดเอาพระบรมสารีริกธาตุออกไป
จึงมอบหมายให้พราหมณ์ที่มีวิทยาคมแก่กล้า   เสกสร้างกาพยนต์ขึ้น  4  ฝูง   เพื่อปกปักษ์รักษาพระบรมสารีริกธาตุ
กาทั้ง  4  ฝูง  มีดังนี้

     กาฝูงที่ 1   เรียกว่ากาแก้ว   มีสีขาว      เฝ้ารักษาทางทิศตะวันออก
     กาฝูงที่ 2   เรียกว่าการาม    มีสีเหลือง  เฝ้ารักษาอยู่ทางทิศใต้
     กาฝูงที่ 3   เรียกว่ากาชาด   มีสีแดง     เฝ้ารักษาอู่ทางทิศตะวันตก
     กาฝูงที่ 4   เรียกว่ากาเดิม    มีสีดำ      เฝ้ารักษาอยู่ทางทิศเหนือ

     การจัดระเบียบปกครองสงฆ์ของจังหวัดนครศรีธรรมราช  จึงได้ปฏิบัติสืบทอดกันมา  โดยมีคณะสงฆ์มาเรียกชื่อเหมือน
ฝูงกาในตำนาน  พระสงฆ์ที่เป็นหัวหน้าคณะ ก็จะได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูกา  เรียกว่าพระครูกาแก้ว  พระครู
การาม พระครูกาชาด พระครูกาเดิม  แล้วจะมีชื่อต่อท้าย  ตำแหน่งเทียบเท่าสังฆราชหัวเมืองหรือพระราชาคณะสำหรับสงฆ์

     ปีนั้นเป็นปี พ.ศ. 854  ที่พระทนทกุมารและเจ้าหญิงเหมชาลา   ได้ก่อสร้างเจดีย์ซ่อนพระบรมสารีริกธาตุไว้

     เวลาจะเนิ่นนานผ่านไปเท่าไรไม่อาจจะทราบได้  แต่บริเวณที่ก่อสร้างเจดีย์เล็ก ๆ ไว้  ก็ถูกดินทรายทับถมจนไร้ร่องรอย
ต้นไม้ใบหญ้าก็ขึ้นปกคลุมทับถมหาดทรายแก้วจนรกเรื้อไปทั่วบริเวณ

     ธรรมชาติย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา  เนินนานกาลเป็นร้อย ๆ ปี

     ก็มีกษัตริย์พระองค์หนึ่ง  นามว่าพระเจ้าศรีธรรมโศกราช  ได้พาผู้คนอพยพหลบหนีโรคระบาด  (น่าจะไม่ใช่โควิด-19)
เข้ามาอาศัยที่หาดทรายแก้ว  จนกระทั่งรู้ข่าวว่าบริเวณนี้มีพระบรมสารีริกธาตุถูกฝังซุกซ่อนเอาไว้   จึงออกค้นหาจนพบ
แต่ก็ไม่อาจจะขุดค้นขึ้นมาได้   เพราะฝูงกาพยนต์ที่เฝ้าพระบรมริกธาตุไล่จิกทำร้ายจนถอยหนีแทบไม่ทัน

     แต่ก็มีชาวเมืองคนหนึ่งที่รู้วิชาที่จะปราบกาพยนต์ได้  จึงได้ทำการปราบกาบยนต์จนราบคาบ   พระเจ้าศรีธรรมโศกราช
จึงได้สร้างเมืองนครศรีธรรมราชขึ้น   พร้อมกับก่อสร้างพระเจดีย์พระบรมธาตุ  ในปี พ.ศ.  1719

     ต่อมาพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช  ก็ได้เอานามของกาทั้ง  4  ฝูง  มาตั้งเป็นสมณศักดิ์พิเศษเป็นพระครูหัวหน้าคณะ
ผู้ดูแลเจดีย์พระบรมธาตุ  ตามที่ได้กล่าวข้างต้น

     ก็ย่อ ๆ  เรื่องของกา  4  ฝูง   ให้อ่านกันเล่น ๆ เป็นตำนานที่แปลกดี   เชื่อไม่เชื่อเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  เพราะตำนาน
ก็คือเรื่องเล่าที่สืบทอดกันมา   อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้

     เพราะเรื่องขำ..ขำ  มักจะมีให้เห็นเสมอในวงการพระเครื่อง

    




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 มิถุนายน 2024, 10:12:31 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #39 เมื่อ: 27 เมษายน 2020, 17:03:54 »

พระที่เช่าบูชามาจากวัด.....อย่าคิดว่าเป็นพระแท้เสมอไป

     ได้ยินหลายคนบ่น...พระนี้พ่อเช่ามาจากวัด  รับมาจากมือหลวงพ่อโดยตรง
แต่พอเอาไปให้เซียนดู   เซียนบอกว่าเป็นพระเก๊  งงกับเซียนจริง ๆ

     เชื่อหรือไม่ว่า  พระที่รับมาจากมือหลวงพ่อ  เป็นพระเก๊ 100 %  ก็มี
ไม่เชื่อจะเล่าให้ฟัง    ผู้เขียนเจอมากับตนเองถึง  3  วัด  หมดเงินเป็นหมื่นก็มี

     พระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ที่สร้างพระเครื่องขึ้นมา  เจตนาจริง ๆ  ไม่ได้สร้างไว้ขาย
แต่สร้างไว้เพื่อแจกให้กับผู้ที่เคารพศรัทธาในหลวงพ่อ   เอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจให้
ทำดี ประพฤติดี  นึกถึงคำสอนของหลวงพ่อรูปนั้น ๆ ทางวัดเองก็ไม่ได้ขายพระ เพียง
แต่เอาพระมามอบให้เป็นที่ระลึกกับผู้ที่ทำบุญบริจาคเงินให้วัด  เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธ
ศาสนาเท่านั้น

    คนที่ไปทำบุญให้วัด  ก็ถือว่าทำบุญไปแล้ว  ก็จบกันไป  ส่วนพระที่ได้มาไม่มีราคา
เป็นของฟรี  เพราะไม่ได้ซื้อมา  แต่ได้รับมาจากการไปทำบุญเท่านั้น  ได้มาแล้วก็
แจกจ่ายให้กับคนคุ้นเคยต่อ ๆ กันไป  ตามเจตนารมย์ของหลวงพ่อ

    สมเด็จพุฒาจารย์โตวัดระฆัง  ท่านก็ทำพระขึ้นมาแล้วแจกจ่ายให้ญาติโยม  เพื่อ
เตือนใจใหทำแต่ความดี  ไม่ได้มีการขายพระ  พระที่สร้างขึ้นมาก็คงจะมีจำนวนที่พอดี
กับคนสมัยนั้น  รอบ ๆ วัดระฆังสมัยนั้นก็น่าจะมีคนแค่หลักพันหรือหลักหมื่นต้น ๆ

    เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป  ระบบทุนนิยมเข้ามา  พระเครื่องก็กลับกลายเป็นสินค้า
วางขายในท้องตลาดเหมือนขายผักขายปลา  ศรัทธาและความเชื่อก็เปลี่ยนไป ราคา
กลายมาเป็นตัวกำหนดค่านิยมให้กับพระเครื่องแต่ละรุ่น แต่ละวัด  จากการแขวนพระ
เพื่อให้ระลึกถึงคุณงามความดี   ก็กลายเป็นการแขวนพระที่ประชันกันในเรื่องราคา

     พระดี  คือพระที่มีราคาแพง.....เป็นงั้นไป

     ทั้ง ๆ ที่ไม่มีพระองค์ไหนบอกว่า  ฉันนี่แหละราคาแพงที่สุด  ฉันนี่แหละดีที่สุด
ก็เป็นเพียงแค่คน ที่เล่าขานบอกตำนานลม ๆ แล้ง ๆ สู่ต่อกันมา  สร้างสมมุติฐาน
มาหลอกล่อกัน  เพื่อธุรกิจระบบทุนนิยมเท่านั้น


     นี่เป็นแค่บทเกริ่น  ยังไม่จบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 เมษายน 2020, 09:42:36 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #40 เมื่อ: 30 เมษายน 2020, 10:02:06 »



       เมื่อระบบทุนนิยมเข้ามา  พระกลายเป็นสินค้าเหมือนผักปลา  นายทุนก็จะเริ่ม
เข้ามาเกาะกุมอำนาจ  เริ่มตั้งแต่สร้างพระขึ้นมาเองโดยอาศัยหลวงพ่อที่แก่ ๆ มี
พรรษามาก ๆ แล้วปลุกปั่นจนกลายเป็นพระดัง  พระเครื่องที่สร้างมาจำหน่ายหมด
กระแสนิยมก็จะลดวูบลงไป  อีกอย่างหนึ่งก็คือปั่นพระที่มีอยู่แล้วให้ดังขึ้น  สร้าง
นิทานต่าง ๆ ปลุกเร้าคนเล่นพระ   แล้วโก่งราคาพระรุ่นนั้น ๆ ให้แพงขึ้น ๆ เอาพระ
ที่ตัวเองกักตุนไว้ออกมาขาย  ทบทวนดูให้ดีในรอบ  30-40 ปีที่ผ่านมา  จะมี
กระแสนิยมพระรุ่นนั้นดังขึ้น  รุ่นนี้ดังขึ้น  สักพักก็จะหายไป   มีมากมายหลายรุ่น

       แม้แต่ตามวัดสมัยนี้   ที่นิยมสร้างพระองค์ใหญ่ ๆ  แล้วจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยว
มีคนเขาลือให้ฟังว่าส่วนใหญ่จะเป็นของนายทุน   เข้าไปสร้างไว้  แล้วคอยแบ่งผล
กำไรกับทางวัด   ตรงนี้จริงหรือไม่ก็ไม่รู้   เพียงแต่ได้ยินเขานินทากัน

       พระที่สร้างสมัยหลัง ๆ นี่  ต้องพิจารณากันให้รอบคอบ  ถ้าเล่นเพื่อหวังพึ่ง
พุทธคุณ   ก็หาพระที่สร้างสมัย พ.ศ. 2510  ลงไปมาคล้องคอจะมั่นใจกว่า แต่
ถ้าเล่นเพื่อขายหรือสะสมไว้เป็นของโบราณเก็บไว้เป็นพิพิธภัณฑ์  ตรงนี้ก็แล้วแต่ใจ

       เพราะมาถึงยุคนี้หาพระจริงพระแท้ได้ยากเต็มที  เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายทุน
แม้แต่สมเด็จวัดระฆังที่สร้างมาเป็นร้อย ๆ ปี    ก็ยังถูกนายทุนกำหนดว่าจะเล่นแบบไหน
อย่างไร
บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #41 เมื่อ: 30 เมษายน 2020, 10:24:44 »



             พระปลอม..มีโทษมหันต์  แต่ก็..มีคุณอนันต์

    เรื่องของพระปลอมก็เป็นปัญหาโลกแตก  พระปลอมจะมีมาตั้งแต่เมื่อไร  ไม่มีใคร
บอกได้  แต่ที่แน่ ๆ  พระปลอมจะต้องเกิดขึ้นในยุคที่คนต้องการพระเครื่องที่ดัง ๆ  แล้ว
พระนั้นหมดไป  หรือหายากขึ้น  หรือมีราคาแพงขึ้น  

    เพราะมีพระปลอม  จึงมีพระแท้  เพราะมีพระปลอมตลาดขายพระจึงคึกคัก  พระปลอม
จึงมีประโยชน์มากกว่าจะมีโทษ  คนเล่นพระได้ศึกษาพระแต่ละชนิดอย่างถ่องแท้  ก็เพราะ
มีพระปลอม  การเล่นหาพระสนุกสนาน ไม่เบื่อ ก็เพราะมีพระปลอมให้ศึกษา

    เพราะมีพระปลอม  จึงมีเซียนพระ   มีคนชำนาญในเรื่องพระ  มีโรงเรียนสอนการดูพระ
สารพัดที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับพระเครื่อง  ก็เพราะการเกิดขึ้นของพระปลอมนี้แหละ

    วัดมากมายทั่วปรเทศ  พระธุดงค์  ชีปะขาว  และอีกมากมาย  ก็ได้อาศัยพระปลอมนี้แหละ
ทำมาหากิน  บุคคลเหล่านี้จะไปเดินแถวท่าพระจันทร์   ซื้อพระถุงร้อยองค์มามอบให้คน
ทำบุญที่วัด  บางวัดก็แจกไปกับผ้าป่า กฐิน  บางวัดหลวงพ่อเจ้าอาวาสก็แจกให้กับคนที่ไป
กราบไหว้  สารพัดรูปแบบจารนัยไม่ไหว  ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงได้รับนำกลับมาไว้ที่บ้าน
กันทุกบ้าน  เพียงแต่จะรู้หรือไม่รู้เท่านั้น

    เชื่อไหมถ้าไม่มีพระปลอม  แผงขายพระดาษดื่นที่วางขายกันทุกตรอกซอกซอยในเมืองไทย
จะเอาพระที่ไหนมาขาย  ที่เต็มพรืดอยู่ทุกที่ทุกแผง  ล้วนเป็นพระปลอมทั้งนั้น

    และพระปลอมนี้แหละที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ  ให้กับคนขายพระระดับริมถนน  ได้
มีข้าวกันกันครบ 3  มื้อ

    เพราะแค่มีเงิน  5  บาท  10  บาท  ก็ซื้อหาพระเครื่องปลอมมาขึ้นคอได้แล้ว

    แล้วอย่างนี้จะว่าพระปลอมไม่ดีได้อย่างไร

   เพราะพระเครื่องเป็นแค่สิ่งสมมุติ  ที่เอามาแขวนคอเพื่อเตือนสติ  อย่าให้หลงลืมตัว แขวน
พระแล้วมีจิตใจเมตตา กรุณา  รักษาศีล 5  ดำรงตนพอเหมาะพอควร ไม่ประมาท  ประพฤติ
ดีประพฤติชอบ  เห็นอกเห็นใจคนอื่น  จะพระปลอมองค์  5  บาท  หรือพระแท้องค์  100 ล้าน
ก็มีค่าเท่ากัน


   แขวนพระสมเด็จองค์ละ  100  ล้านเลี่ยมกรอบฝังเพ็ชร  แต่ชอบดูถูกคนอื่น  ไม่ถูกใจก็
ด่ากราดไปทั่ว  กดขี่ข่มเหงชาวบ้าน  กอบโกยกำไรเกินควร ฯลฯ  แบบนี้จะหาคนรักใคร่เอ็นดู
เพราะพุทธคุณของพระ  คงจะยากเต็มที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 กรกฎาคม 2020, 07:58:23 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #42 เมื่อ: 02 พฤษภาคม 2020, 08:10:39 »

     เมื่อพระเครื่องเป็นธุรกิจ  เป็นพุทธพานิช  ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป   วัดก็จะกลาย
จากการแจกพระ เป็นการขายพระ  ตามกระแสนิยมของสังคมนอกวัดโดยปริยาย

      เรื่องพระปลอม  บางครั้งก็ออกมาจากวัดนี้เป็นเรื่องจริง   ผู้เขียนเจอด้วยตาตนเอง
มาถึง  5  วัด  แต่คงจะไม่ระบุวัดให้ชัดเจนลงไป  เพราะจะทำให้วัดเสียชื่อเสียง และ
ถูกฟ้องร้องได้   เอาเป็นว่าบอกเล่าวิธีการก็แล้วกัน

      ตัวการสำคัญที่เกิดให้มีการซื้อขายพระปลอมในวัด  ก็เกิดจากลูกศิษย์ที่ดูแลหลวงพ่อ
ซึ่งโดยมากจะเป็นหลวงพ่อที่มีอายุมาก ๆ  90 ปีขึ้นไป  ค่อนข้างหลง ๆ ลืม ๆ  และก็มีพระ
รุ่นเก่า ๆ  ที่มีชื่อเสียงอยู่  ก็มักจะมีคนที่ไปกราบไหว้หลวงพ่อถามว่า  พระรุ่นนั้น  ที่วัดยังมี
อีกไหม  คนดูแลหลวงพ่อก็จะบอกว่ามี  พร้อมกับหันไปถามหลวงพ่อเป็นการยืนยันว่าพระ
รุ่นนี้หลวงพ่อยังเก็บไว้อยู่ใช่ไหม  หลวงพ่อซึ่งมีอายุมากแล้ว  ก็จะตอบว่ามี

      แค่นี้ก็ได้ผล  สอบถามราคากันโดยพอใจแล้ว  ลูกศิษย์วัดก็จะนำพระมามอบให้หลวงพ่อ
เราก็จะเข้าไปรับกับมือหลวงพ่อ  หลวงพ่อก็จะเป่าเสกคาถาทำพิธีตามแบบของท่าน   เราก็
จะได้รับพระมาจากมือหลวงพ่อด้วยความภาคภูมิใจ

      เมื่อมาถึงบ้าน  เอามาเทียบกับองค์จริงที่เรามีอยู่   หรือกับเพื่อนฝูง   ก็จะรู้ว่าพระองค์นั้น
เก๊แบบมองแว้บเดียวก็รู้

      มีวัดหนึ่งเช่ามาในราคา 25,000  บาท  เพราะเป็นพระที่นิยมมาก  และมีอายุเกือบ
30  ปีแล้ว  กลับมาถึงบ้านก็พูดไม่ออก

     ที่หนักกว่ามีอยู่วัดหนึ่ง   บังเอิญพระพิมพ์หนึ่งของวัดนั้นเกิดดังขึ้นมากระทันหัน   คนแห่
กันไปเช่าบูชาแน่นวัด  จนพระหมด  วัดก็ประกาศว่าพระหมดแล้ว   แต่คนก็ยังไปหากันอยู่
แล้วก็มีข่าวลือว่าพระพิมพ์ที่ว่าหมดไปนั้น  มีวางให้เช่าบูชาแล้ว  เมื่อไปดูก็พบว่ามีพระจริง ๆ
แต่องค์พระยังเปียกชื้นอยู่เลย   ก็สันนิษฐานว่าน่าจะกดพระกันตอนเย็น  วางพอหมาด ๆ
แล้วเอามาให้เช่า  เพราะวัดมีทั้งพิมพ์พระ  มีทั้งวัสดุที่จะสร้างพระอยู่พร้อมแล้ว



     คนก็แย่งบูชากันตรึม   เพราะถือว่าเป็นพระที่ออกมาจากวัด

     พระรุ่นนี้มีพิธีปลุกเสกใหญ่    แต่พระที่กดขึ้นใหม่แค่ข้ามคืน  ไม่ได้มีการปลุกเสก
เมื่อเอาพระพิมพ์นี้มาวางไว้ด้วยกัน  ชั่วเวลาข้ามไปแค่  10  กว่าปี  พระก็แห้งสนิท  
มองไม่รู้ว่าองค์ไหนสร้างด้วยวัด และองค์ไหนสร้างโดยลูกศิษย์วัด

     จึงบอกว่าบางทีพระที่รับมาจากมือหลวงพ่อก็ยังมีพระปลอมเห็น ๆ  ก็เกิดขึ้นด้วยเหตุการณ์ที่
เราก็ไม่คาดคิดว่าจะมีแบบนี้แหละ


     ก็ถือว่าเป็นเรื่องขำ.....ขำ  อีกเรื่องหนึ่งในวงการพระเครื่อง


    

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 พฤษภาคม 2020, 09:14:12 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
sutep123
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 39279
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18,578


« ตอบ #43 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2020, 10:11:41 »

 ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #44 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2020, 08:02:14 »




                                               


พระเครื่องเรื่องขำ...ขำ    ตอน   พระคุ้มครองคนหรือคนคุ้มครองพระ


     จากพระแจกจากมือหลวงพ่อ  พระสมณาคุณจากวัด  เข้าสู่ตลาดการซื้อขาย
การปั่นราคาด้วยนิทานบ้าง  ด้วยปริมาณที่หายากบ้าง  ด้วยสารพัดวิธี  กระตุ้น
ความอยากและความโลภในตัวคนให้ลุกโชน  สร้างเป็นกระแสที่ยากจะดับได้
กระต้นให้ราคาพระมีราคาสุดโด่ง  ยิ่งราคาแพงการแสวงหาก็ยิ่งมากขึ้น  พระ
ก็เลยกลายเป็นทรัพย์สินที่ทุกคนแสวงหา  อยากได้มาครอบครอง

     แต่บางครั้งการได้ทรัพย์สินที่มีราคาแพงมาครอบครอง  ก็เป็นภัยแก่ตัวเอง
ดังมีข่าวมาเมื่อหลายปีก่อน   คนห้อยพระสมเด็จราคาสิบล้านร้อยล้าน  ถูกลอบ
ทำร้าย ถูกฆ่าเพื่อแย่งชิงพระสมเด็จ   หลัง ๆ  เลยได้ข่าวว่าคนมีพระสมเด็จ
ต้องเก็บในเซฟอย่างดี  บางคนต้องนำไปฝากธนาคารไว้

     ตลกดีไหมละ....  พระสร้างมาเพื่อให้มีพุทธคุณคุ้มครองคน   
แต่กลายมาเป็นคนต้องคุ้มครองพระ   แปลกดีเน๊าะ


     พระเป็นทรัพย์สินมีค่า  ตีราคาแทนเงินตราได้  ทุกบ้านทุกช่องจึงต้อง
เก็บรักษากันเป็นอย่างดี   เพราโจรขโมยที่ขึ้นบ้านยุคนี้  มักจะมองหาพระ
เป็นอันดับแรก    หน้าที่ของคนก็เลยต้องคอยคุ้มครองพระ  เพราะพระ
คุ้มครองตัวเองไม่ได้

     
บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #45 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2020, 08:26:11 »



     มาถึงยุคนี้    คนคุ้มครองพระน่าจะพอมีเวลาให้พระได้คุ้มครองคนบ้างแล้วละ  เมื่อปรากฏ
พระยอดนิยมหลาย ๆ หลวงพ่อ  หาได้มีปริมาณจำกัดและยากแก่การแสวงหาไม่

     พระสมเด็จวัดระฆัง  เดิมเป็นพระที่หายากสุด ๆ  มีคนประมาณการว่าน่าไม่มีอีกแล้วในท้อง
ตลาด  ที่เห็น ๆ ล้วนเป็นของปลอมหมดสิ้น  แต่ปัจจุบันมีพระสมเด็จออกมาให้เห็น  พร้อมคำยืนยัน
ว่าเป็นพระสมเด็จที่แท้จริง  สร้างโดยสมเด็จพุฒาจารย์โตจริง ๆ  มีอยู่จริง ๆ  น่าจะไม่ต่ำกว่า
10  ล้านองค์  พร้อมแม่พิมพ์อีกเป็นหมื่น ๆ แม่พิมพ์

     ใครอยากได้พระสมเด็จมาห้อยคอปัจจุบันนี้  จึงง่ายดาย  มีเงินก็ไปซื้อมาแขวนคอได้แล้ว
พร้อมใบรับรองว่าพระแท้สมเด็จโตปลุกเสกแน่นอน

     ก็ดีใจกับคนอยากมีพระสมเด็จ  ความฝันเป็นจริงเสมอ  อาจจะเป็นเพราะบารมีของสมเด็จ
ก็เป็นได้

     ส่วนตัวผู้เขียน  ตอนแรกก็งง ๆ กับปริมาณที่มากมายมหาศาล  เพราะพระสมเด็จที่เปิดตัวมาใหม่
กับที่มีอยู่เดิมในมือเซียนพระ  ในกลุ่มนักสะสมพระ  ฯลฯ  มีอยู่แล้วคนละนับสิบ ๆ องค์  บางคน
เป็นร้อยเป็นพันองค์  เมื่อรวมกับของที่เปิดตัวออกมาใหม่นี่  ปริมาณ  10  ล้านองค์  น่าจะต่ำ
เกินไปแล้วละ  ปริมาณที่มากมายเหล่านี้  เมื่อนึกไปถึง  150  ปีที่แล้ว  คนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพ
คนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ วัดระฆัง  จะมีสักกี่ล้านคนนะ

     เห็นแต่องค์พระนี้พอทำเนา  พอเห็นบล็อกพิมพ์ก็มีด้วย  ผู้เขียนขอถอยหลังมา  3  ก้าว
ยอมรับว่าพระที่เปิดตัวออกมาไม่ว่าจะสักกี่เจ้า   เป็นของแท้แน่นอน (ตามคำยืนยันของเจ้าของพระ)
แต่พอเห็นมีทั้งพระมีทั้งบล็อกพิมพ์  ก็ต้องขอเวลาศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกหน่อย  พร้อมขอเปิด
คัมภีร์กาลามสูตรมาอ่านหลาย ๆ เที่ยว  กันลืม

     เพราะผู้เขียนไม่ใช่เซียนพระ  ไม่ซื้อพระ  ไม่ขายพระ  แต่ชอบศึกษาเรื่องพระ  ก็แค่นั้น
แต่ถ้าใครจะให้ฟรี ๆ ยินดีรับไว้  อย่างหลวงพ่อเดิมองค์สวยกริ๊บข้างบน  ก็มีคนมอบให้ฟรี ๆ  โดยไม่คำนึง
ถึงมูลค่า  ทำดีย่อมได้ดีเสมอ


     ก็แค่เล่าให้ฟังขำ ๆ  เท่านั้น   อย่าถือเป็นเรื่องเป็นจริงเป็นจัง  อ่านเล่น ๆ  ช่วงรอโควิด
เก็บกระเป๋ากลับบ้าน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 พฤษภาคม 2020, 08:55:49 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #46 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2020, 15:30:01 »




                              


             พระเครื่องเรื่องขำ..ขำ   ตอนย้อนอดีตขำ...ขำ

                     พระองค์นี้เป็นพระกรุวัดเชิงท่า   จังหวัดนนทบุรี  (วัดร้าง)   เนื้อตะกั่วปิดทองล่องชาค  สนิมแดงสวยงามมาก  แตกกรุเมื่อปี  2508
             อายุตอนขึ้นจากกรุ  230  ปี  มาถึงตอนนี้ก็ 300  ปีแล้วละ

                     แลกมาเมื่อปี  2510   กับเหรียญหลวงพ่อทวด  เช่ามาจากวัดเหรียญละ  10  บาท  จำนวน  2  เหรียญ   ก็รู้สึกคุ้มค่าคุ้มราคาใน
             สมัยนั้น  ซึ่งพระกรุสมัยนั้นก็ราคา 20-30 บาทนี้แหละ

                     แต่เมื่อมาถึงปี พ.ศ.  2563   พระกรุองค์นี้น่าจะมีราคาไม่เกิน  5,000  บาท  ส่วนเหรียญหลวงพ่อทวด  ก็น่าจะราคาเหรียญละ
             20,000  บาท  2  เหรียญก็ 40,000  บาท

                     ก็เท่ากับ   5,000  ต่อ  40,000  บาท

                    ใช่...ก็ใครจะไปนึกละว่า  ยิ่งนานไป ๆ เหตุการณ์มันจะผันแปรไปเป็นเช่นนี้

                    ก็นี่แหละ  พระเครื่องเรืองขำ ...ขำ    ไงละ



                     

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 มิถุนายน 2024, 16:47:51 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #47 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2020, 15:53:47 »


                                                                  


                                    พระสมเด็จพิมพ์อกร่อง ปี 2495   สร้างโดยพลตำรวจเอกเผ่า  ศรียานนท์  อธิบดีกรมตำรวจสมัยนั้น


              อ่านประวัติการสร้างพระชุดนี้แล้ว  เกิดความอยากได้มาก  เพราะดูวิธีการสร้าง  การปลุกเสก  ยิ่งใหญ่และเข้มขลังจริง ๆ ในสมัยนั้น   พระเกจิดัง ๆ มากมาย
มาร่วมกันปลุกเสก  ยังได้ผงจากวัดระฆังมาผสมด้วย  ยิ่งทำให้ความศักดิ์สิทธิ์เพิ่มมากขึ้น

              เจ้าของเดิมหวงมากจริง ๆ  เวียนหลายรอบมากที่จะแลกเปลี่ยน  เอาพระหลากหลายพิมพ์ไปเสนอ   เขาก็ไม่ยอม  ใจก็อยากได้  เลยตัดสินใจเอาพระหลวงพ่อทวดพิมพ์
เตารีดเนื้อโลหะกลับดำ   ปี  2505  ไปแลก  เจ้าของพระพอเห็นหลวงพ่อทวดหลังเตารีดก็ตาโต  รับข้อเสนอทันที    ก็เลยได้พระนี้มาสมใจอยาก  ก็ชื่นชมตามแรงเชียร์
ในหนังสืออยู่หลายวัน  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี  2508

              มาถึงปัจจุบัน    พระสมเด็จองค์นี้   ราคาไม่เกิน   8,000  บาท   แต่หลวงพ่อทวดพิมพ์เตารีดเนื้อโลหะกลับดำ   มีราคา 7-8  แสนบาทแล้ว

              บางที......การเล่นพระด้วยหู (อ่านตำรา)  ก็พาหลงทางไปได้ไกลจริง ๆ  เฉกนี้

              ก็เพราะพระเครื่องเป็นเรื่องขำ..ขำ

              ก็เลยแค่พอขำ ๆ  (แบบขำไม่ออก)





              

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 มิถุนายน 2024, 17:16:33 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
numchai42
ยอดปรมาจารย์ขั้นเทพ C14
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 160969
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20,445


« ตอบ #48 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2020, 08:54:31 »



พระเครื่องเรื่องขำ..ขำ    ตอนขำ ๆ กับนิยายขายพระเครื่อง

    เมื่อยุคสมัยเปลี่ยบไป  วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป  หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ก็ดูเหมือนจะถูกลืมไป  โลกยุคทุนนิยมเปลี่ยนทุกสรรพสิ่งแม้จิตวิญญานของมนุษย์ จาก
ความโอบอ้อมอารี  ช่วยเหลือเผื่อแผ่กัน  ให้กลายเป็นแข็งกระด้าง  คอยกดขี่ข่มเหงเอา
เปรียบกันสารพัด

    หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าถูกนำไปวางไว้บนหิ้งเสียแล้ว

    นำเอาศรัทธาและความเชื่อมาเป็นใบเบิกทาง
    นำเอาความโลภ ความหลงของมนุษย์มาปูพื้นทางเดิน
    สร้างวัตถุนิยมขึ้นมาเป็นหลักประกันให้ชีวิต


    แม้แต่พระสงฆ์องคเจ้าก็ไม่ละเว้น  ทุกวัดวาอาราม  ทุกหนทุกแห่ง  ล้วนมีแต่วัตถุ
นิยมที่มุ่งเน้นให้คนเข้าไปในวัดติดกับดับแห่งความโลภกับความหลง

     ขัดแย้งกับคำสอนของพระพุทธเจ้า  ที่ให้มนุษย์ลดละความโลภ
ความหลงออกจากจิตใจให้มากที่สุด  ปล่อยวาง  ไม่ยึดมั่นถือมั่น

    วัดปัจจุบันจึงมีแต่ความรุ่มร้อน   ไม่ได้สงบร่มเย็นดังเช่นกาลก่อน

    มุ่งแต่สร้างสรรค์แต่สิ่งปลอมปนที่เป็นพิษร้ายเข้าสู่จิตใจมนุษย์  มอมเมายั่วยุ
แต่กิเลสตัณหา  หาอุบายหลอกล่อให้คนหลงแลกเปลี่ยนกับเงินตรา

    แม้แต่รูปเคารพที่ไม่ใช่วิถีแห่งพุทธ  แต่ก็นำเข้ามาสู่วิถีพุทธ

    พระพุทธเจ้าเคยทำนายไว้ว่า  หลัง 2500 ปีไปแล้ว   พระพุทธศาสนาจะค่อย ๆ
เสื่อมถอยลงไป  และพระพุทธศาสนาจะหมดไปจากโลกนี้เมื่อครบ  5,000 ปี

    ก็น่าจะเห็นจริงตามคำทำนายนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 พฤษภาคม 2020, 14:51:44 โดย numchai42 » บันทึกการเข้า
sutep123
Golden Hero 8
*

พลังน้ำใจ: 39279
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18,578


« ตอบ #49 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2020, 10:12:33 »

 ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
แท็ก:
หน้า: 1 [2] 3   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค "เว็บมหาชน คนมหาโชค"
 
คติ "กินอยู่อย่างพอเพียง เสี่ยงโชคแต่พอควร"
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย
คำเตือน -ทางเว็บไม่ได้ทราบเป็นการล่วงหน้าว่าหวยทางกองสลากจะออกตัวไหน แต่เราใช้การวิเคราะห์หรือประเมินตามหลักสถิติ
หรือวิธีการอื่นว่า เลขที่มีโอกาสออกมากที่สุดในแต่ละงวดควรจะเป็นเลขอะไรเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ การเล่นหวยถือว่ามีความเสียงมาก
Sitemap | Contact | WAP | xHTML | iMode | WAP 2 | RSS

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines | Sitemap
อภิโชค เลขเด็ด หวยดัง หวยเด็ด เว็บหวยออนไลน์ คำนวณหวยบนดิน ©
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.713 วินาที กับ 23 คำสั่ง
Copyright (c) 2008-2025 apichokeonline.com